ผู้จัดการรายวัน – นายกสมาคมบลจ. เผยแผนการดำเนินงานแรกสานต่อนโยบายเดิมจับมือกับตลาดหลักทรัพย์ฯ เดินหน้า “โครงการให้เงินทำงานผ่านกองทุนรวม” ต่อไป เพราะถือเป็นหนึ่งโครงการที่ดีให้แก่นักลงทุนและผู้ประกอบการด้วย พร้อมเร่งสนับสนุนกองทุนอาร์เอ็มเอฟ และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เพื่อประโยชน์ในยามเกษียณของผู้ถือหน่วย และพัฒนาอุตสาหกรรมกองทุนรวมในอนาคตให้เติบโตอย่างยั่นยืน และเป็นเสาหลักในการพัฒนาประเทศ
นางวรวรรณ ธาราภูมิ นายกสมาคมบริษัทจัดการกองทุน (สมาคม บลจ.) และกรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บัวหลวง จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่เมื่อช่วงต้นเดือนเมษายน 2551 ที่ผ่านมา ทางสมาคมได้มีการประชุมหารือกับสมาชิกสมาคมบริษัทจัดการลงทุนถึงแผนการดำเนินงานในช่วงปีที่ผ่านมา และแผนการดำเนินงานในอนาคตว่าเป็นอย่างไรบ้าง
ทั้งนี้ในช่วงกลางปีสมาคม ฯ จะมีการประชุมใหญ่กันอีก 1 ครั้ง เนื่องจากอุตสาหกรรมกองทุนรวมมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทางสมาคมฯ ได้มีการแบ่งคณะกรรมการในการรับผิดชอบหน้าที่เรียบร้อยแล้ว และจะมีการประชุมย่อยอีกเป็นระยะ ๆ เพื่อจะได้มีการพูดคุยปรึกษาหารือในการพัฒนาธุรกิจกองทุนรวมต่อไป
นายกสมาคม ฯ กล่าวว่า จากที่มีการประชุมที่ผ่านมานั้น สิ่งหนึ่งที่ยังจะต้องทำอยู่อย่างต่อเนื่อง จากนายกสมาคมฯ คนก่อนนั้น นั่นคือการร่วมมือกับตลาดหลักทรัพย์ฯ ในการจัดโครงการให้เงินทำงานผ่านกองทุนรวม ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งโครงการที่ดีที่สมาคมฯจะดำเนินต่อไปด้วย
สำหรับในปีนี้ สิ่งที่จะทำการสนับสนุนมากที่สุดคงเป็นเรื่องของกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (อาร์เอ็มเอฟ) และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เนื่องจากเป็นการสนับสนุนให้ผู้ลงทุนมีเงินไว้รองรับในยามเกษียณ และยังเป็นความยั่งยืนของอุตสาหกรรมอีกด้วย ทั้งนี้ทางสมาคมจะสนับสนุนการให้ความรู้แก่นักลงทุนในการบริหารเงินในการจัดการพอร์ตการลงทุน และการบริหารภาษี โดยจะร่วมมือกับโครงการขยายฐานผู้ลงทุนของตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งจะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้สมาคมฯ จะให้ความร่วมมือต่อรัฐในการสร้างเงินออมและช่องทางลงทุนใหม่ๆ ที่จะเป็นการลงทุนระยะยาวที่ยั่งยืน ตัวอย่างเช่น การผลักดันให้มีการออมเพื่อการศึกษาผ่านกองทุนรวม EMF (Education Mutual Fund) ที่ให้ประโยชน์ต่อผู้ปกครองที่ต้องส่งลูกหลานหรือผู้ที่อยู่ในอุปการะเข้ารับการศึกษา โดยให้การประหยัดภาษีเป็นสิ่งจูงใจภายในขอบเขตที่เหมาะสม พร้อมทั้งสนับสนุนให้สมาชิกให้ความสำคัญกับการเตรียมพร้อมเพื่อรองรับกับกระแสโลกาภิวัตน์ การพัฒนาระบบงาน แนวคิด และพัฒนาบุคคลากรต่อเนื่องเพื่อให้มีความสามารถเท่าเทียมต่างชาติ และให้ธุรกิจจัดการลงทุนเป็นธุรกิจที่เป็นเสาหลักหนึ่งในการพัฒนาประเทศ รวมทั้งพัฒนาความรู้ความเข้าใจในการบริหารเงิน บริหารภาษี ให้แก่ภาคครัวเรือน และร่วมรณรงค์ให้ประชาชนโดยทั่วไปเล็งเห็นว่าตลาดหลักทรัพย์และ ธุรกิจจัดการกองทุนมีประโยชน์ต่อประเทศและประชาชนอย่างไร
ขณะเดียวกันสมาคมก็จะให้ความสำคัญกับการสื่อสารกับภาครัฐที่กำกับธุรกิจให้มีความเข้าใจในธุรกิจ เพื่อให้กฎเกณฑ์ การกำกับต่างๆ และการพัฒนาไปได้ด้วยดีตามกาลเวลาที่เปลี่ยนไป และมีความเหมาะสมกับประเทศ
"จากที่ประชุมสมาชิกครั้งที่ผ่านมานั้นนายกสมาคมฯ ยังต้องการสร้างความแข็งแกร่งให้กับสมาคม เพื่อให้เป็นศูนย์กลางของบริษัทสมาชิกทุกราย ทุกกลุ่มธุรกิจ โดยการบริหารงานจะคำนึงถึงผลประโยชน์ที่เสมอภาคเท่าเทียมกันของสมาชิกร่วมธุรกิจทุกราย ไม่ว่ารายเล็ก รายใหญ่ เพราะความร่วมมือจากเพื่อนร่วมธุรกิจจะเป็นกุญแจสำคัญไปสู่ความสำเร็จ ไม่มีใครเก่งไปทุกเรื่อง แต่การไม่เก่งในบางเรื่องแล้วยอมรับตนเอง ขอความรู้ ความร่วมมือจากผู้เกี่ยวข้องที่รู้มากกว่า จะทำให้ภารกิจของสมาคมไม่เสียหาย"
นางวรวรรณ กล่าวว่า หากพูดถึงภาวการณ์ลงทุนทั่วไปนั้นยังคงเป็นปัญหาในสหรัฐที่ลามไปถึงยุโรป และส่งผลกระทบมาที่เอเชียกับที่อื่นๆ นั้นยังไม่จบลงง่ายๆ ตลาดหุ้นยังอ่อนไหวกับทุกๆ ข่าวที่มากระทบทั้งข่าวดีและข่าวร้าย ราคาหุ้นจะผันผวนขึ้นๆ ลงๆ ในช่วงแคบๆ การเทรดช่วงสั้นๆ มีความเสี่ยงมากกว่าปีก่อน และอาจไม่คุ้มเพราะเวลาขึ้นก็ขึ้นไม่มาก ตลาดหุ้นไทยเองก็มีเรื่องปัญหาทางการเมืองมาถ่วงเอาไว้ด้วย
นางวรวรรณ ธาราภูมิ นายกสมาคมบริษัทจัดการกองทุน (สมาคม บลจ.) และกรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บัวหลวง จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่เมื่อช่วงต้นเดือนเมษายน 2551 ที่ผ่านมา ทางสมาคมได้มีการประชุมหารือกับสมาชิกสมาคมบริษัทจัดการลงทุนถึงแผนการดำเนินงานในช่วงปีที่ผ่านมา และแผนการดำเนินงานในอนาคตว่าเป็นอย่างไรบ้าง
ทั้งนี้ในช่วงกลางปีสมาคม ฯ จะมีการประชุมใหญ่กันอีก 1 ครั้ง เนื่องจากอุตสาหกรรมกองทุนรวมมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทางสมาคมฯ ได้มีการแบ่งคณะกรรมการในการรับผิดชอบหน้าที่เรียบร้อยแล้ว และจะมีการประชุมย่อยอีกเป็นระยะ ๆ เพื่อจะได้มีการพูดคุยปรึกษาหารือในการพัฒนาธุรกิจกองทุนรวมต่อไป
นายกสมาคม ฯ กล่าวว่า จากที่มีการประชุมที่ผ่านมานั้น สิ่งหนึ่งที่ยังจะต้องทำอยู่อย่างต่อเนื่อง จากนายกสมาคมฯ คนก่อนนั้น นั่นคือการร่วมมือกับตลาดหลักทรัพย์ฯ ในการจัดโครงการให้เงินทำงานผ่านกองทุนรวม ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งโครงการที่ดีที่สมาคมฯจะดำเนินต่อไปด้วย
สำหรับในปีนี้ สิ่งที่จะทำการสนับสนุนมากที่สุดคงเป็นเรื่องของกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (อาร์เอ็มเอฟ) และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เนื่องจากเป็นการสนับสนุนให้ผู้ลงทุนมีเงินไว้รองรับในยามเกษียณ และยังเป็นความยั่งยืนของอุตสาหกรรมอีกด้วย ทั้งนี้ทางสมาคมจะสนับสนุนการให้ความรู้แก่นักลงทุนในการบริหารเงินในการจัดการพอร์ตการลงทุน และการบริหารภาษี โดยจะร่วมมือกับโครงการขยายฐานผู้ลงทุนของตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งจะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้สมาคมฯ จะให้ความร่วมมือต่อรัฐในการสร้างเงินออมและช่องทางลงทุนใหม่ๆ ที่จะเป็นการลงทุนระยะยาวที่ยั่งยืน ตัวอย่างเช่น การผลักดันให้มีการออมเพื่อการศึกษาผ่านกองทุนรวม EMF (Education Mutual Fund) ที่ให้ประโยชน์ต่อผู้ปกครองที่ต้องส่งลูกหลานหรือผู้ที่อยู่ในอุปการะเข้ารับการศึกษา โดยให้การประหยัดภาษีเป็นสิ่งจูงใจภายในขอบเขตที่เหมาะสม พร้อมทั้งสนับสนุนให้สมาชิกให้ความสำคัญกับการเตรียมพร้อมเพื่อรองรับกับกระแสโลกาภิวัตน์ การพัฒนาระบบงาน แนวคิด และพัฒนาบุคคลากรต่อเนื่องเพื่อให้มีความสามารถเท่าเทียมต่างชาติ และให้ธุรกิจจัดการลงทุนเป็นธุรกิจที่เป็นเสาหลักหนึ่งในการพัฒนาประเทศ รวมทั้งพัฒนาความรู้ความเข้าใจในการบริหารเงิน บริหารภาษี ให้แก่ภาคครัวเรือน และร่วมรณรงค์ให้ประชาชนโดยทั่วไปเล็งเห็นว่าตลาดหลักทรัพย์และ ธุรกิจจัดการกองทุนมีประโยชน์ต่อประเทศและประชาชนอย่างไร
ขณะเดียวกันสมาคมก็จะให้ความสำคัญกับการสื่อสารกับภาครัฐที่กำกับธุรกิจให้มีความเข้าใจในธุรกิจ เพื่อให้กฎเกณฑ์ การกำกับต่างๆ และการพัฒนาไปได้ด้วยดีตามกาลเวลาที่เปลี่ยนไป และมีความเหมาะสมกับประเทศ
"จากที่ประชุมสมาชิกครั้งที่ผ่านมานั้นนายกสมาคมฯ ยังต้องการสร้างความแข็งแกร่งให้กับสมาคม เพื่อให้เป็นศูนย์กลางของบริษัทสมาชิกทุกราย ทุกกลุ่มธุรกิจ โดยการบริหารงานจะคำนึงถึงผลประโยชน์ที่เสมอภาคเท่าเทียมกันของสมาชิกร่วมธุรกิจทุกราย ไม่ว่ารายเล็ก รายใหญ่ เพราะความร่วมมือจากเพื่อนร่วมธุรกิจจะเป็นกุญแจสำคัญไปสู่ความสำเร็จ ไม่มีใครเก่งไปทุกเรื่อง แต่การไม่เก่งในบางเรื่องแล้วยอมรับตนเอง ขอความรู้ ความร่วมมือจากผู้เกี่ยวข้องที่รู้มากกว่า จะทำให้ภารกิจของสมาคมไม่เสียหาย"
นางวรวรรณ กล่าวว่า หากพูดถึงภาวการณ์ลงทุนทั่วไปนั้นยังคงเป็นปัญหาในสหรัฐที่ลามไปถึงยุโรป และส่งผลกระทบมาที่เอเชียกับที่อื่นๆ นั้นยังไม่จบลงง่ายๆ ตลาดหุ้นยังอ่อนไหวกับทุกๆ ข่าวที่มากระทบทั้งข่าวดีและข่าวร้าย ราคาหุ้นจะผันผวนขึ้นๆ ลงๆ ในช่วงแคบๆ การเทรดช่วงสั้นๆ มีความเสี่ยงมากกว่าปีก่อน และอาจไม่คุ้มเพราะเวลาขึ้นก็ขึ้นไม่มาก ตลาดหุ้นไทยเองก็มีเรื่องปัญหาทางการเมืองมาถ่วงเอาไว้ด้วย