หลังจากที่ในปีนี้ทางสมาคมบริษัทจัดการกองทุน(AIMC) ได้มีการคัดสรรหานายกคนใหม่ หลังจากที่ มาริษ ท่าราบ นายกสมาคม ที่ครบกำหนดวาระ จึงส่งผลให้คณะกรรมการต้องมีการสรรหานายกสมาคมคนใหม่เข้าบริหารอุตสาหกรรมธุรกิจกองทุนรวมให้มีการเติบโตขึ้นไปอีก และในปีนี้ทางสมาคมฯเองก็ได้ผู้บริหารจากค่ายบัวหลวง อย่าง วรวรรณ ธาราภูมิ เอ็มดีหญิงคนเก่งมาดำรงตำแหน่งนายกสมาคมฯคนล่าสุด และมาในวันนี้เราลองมาดูกันว่าเธอจะมีวิสัยทัศน์ในการเข้ามาบริหารงานของสมาคมว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง
ทั้งนี้นายกสมาคมคนใหม่ได้แสดงวิสัยทัศน์ต่อที่ประชุมสมาชิกภายหลังการเลือกตั้งว่า ต้องการสร้างความแข็งแกร่งให้กับสมาคม เพื่อให้เป็นศูนย์กลางของบริษัทสมาชิกทุกราย ทุกกลุ่มธุรกิจ โดยการบริหารงานจะคำนึงถึงผลประโยชน์ที่เสมอภาคเท่าเทียมกันของสมาชิกร่วมธุรกิจทุกราย ไม่ว่ารายเล็ก รายใหญ่ เพราะความร่วมมือจากเพื่อนร่วมธุรกิจจะเป็นกุญแจสำคัญไปสู่ความสำเร็จ ไม่มีใครเก่งไปทุกเรื่อง แต่การไม่เก่งในบางเรื่องแล้วยอมรับตนเอง ขอความรู้ ความร่วมมือจากผู้เกี่ยวข้องที่รู้มากกว่า จะทำให้ภารกิจของสมาคมไม่เสียหาย
นอกจากนี้จะเน้นการกลั่นกรอง และปรับปรุงกฎเกณฑ์ในการทำธุรกิจ ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) โดยสร้างความสมดุลระหว่าง ผลประโยชน์ของอุตสาหกรรม ผลประโยชน์ของลูกค้า และความรัดกุมในการกำกับธุรกิจ สนับสนุนความรุ่งเรืองของธุรกิจอย่างมีเหตุมีผล และอยู่ในกรอบของผลประโยชน์โดยรวมของประเทศ และจะไม่นำตำแหน่งหน้าที่ในสมาคมไปสร้างผลประโยชน์ให้กับบริษัทบนความเสียเปรียบของเพื่อนสมาชิก ทั้งนี้ การดำรงแหน่งนายกสมาคม มีวาระการดำรงตำแหน่ง 2 ปี
วรวรรณ บอกว่า ผลสำเร็จของการทำหน้าที่ของคณะกรรมการสมาคมชุดใหม่ใน 2 ปีข้างหน้านี้จะพิจารณาได้จากความสำเร็จของ D P R G E C เข้ามาใช้ โดย ตัว D นั้น จะเป็นในด้านของ Industry Development ซึ่งจะเน้นที่การเพื่อการเจริญเติบโตที่ยั่งยืนของอุตสาหกรรม ทั้ง 3 กลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นกองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (อาร์เอ็มเอฟ) กองทุนหุ้นระยะยาว (แอลทีเอฟ) และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เพื่อเป็นการผลักดันและส่งเสริมเกี่ยวกับการออมแบบผูกพันเพื่อความมั่นคงของชีวิตและความมั่นคงของประเทศ รวมถึงสมาคมยังส่งเสริมให้ความรู้แก่นักลงทุนเรื่องของการจัดพอร์ตในการลงทุน , การบริหารจัดการ , การบริหารจัดการในเรื่องความเสี่ยง และการบริหารจัดการในเรื่องการลงทุนในมีความรู้มากยิ่งขึ้น
ตัว P นั้นมาจาก Positioning ได้แก่จุดยืนในการให้ความร่วมมือกับหน่วยงานราชการ สมาคมและองค์กรอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ เพื่อเป็นการส่งเสริมให้สมาคมฯ เป็นที่รู้จัดและยอมรับกันอย่างแพร่หลายในบทบาทหน้าที่ และความสำคัญในการเป็นองค์กรหนึ่งที่มีผลต่อการพัฒนาตลาดทุนและพฤติกรรมการออม การลงทุนของประชน
ส่วน R นั้น มาจาก Rules and Regulations ซึ่งทางสมาคมจะให้ความร่วมมือกับทางกลต. เพื่อทำการแก้ไข หรือปรับปรุง หรือเพิ่มเติมกฏเกณฑ์ให้เหมาะสมและมีความเหมาะสมกับพัฒนาการของประเทศไทย โดยมีความสมดุลย์ระหว่างการเติบโตของอุตสาหกรรมผลประโยชน์ที่ยั่งยืนของผู้ลงทุน และ การกำกับธุรกิจ
ขณะที่ตัว G นั้นได้มาจาก Industry Good Governance and CSR เป็นการส่งเสริมให้อุตสาหกรรมจัดการกงอทุนเป็นอุตสาหกรรมที่เป็นแบบอย่างที่ดีในการของ Good Governance และ Corporate Social Responsibility ตามกำลัง และความเหมาะสม
มาดูกันที่ E นั้นมากจาก Education เพื่อเป็นการพัฒนาความรู้ของสมาชิกสมาคมเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาษี และการแนะนำผุ้ลงทุนในการบริหารสินทรัพย์ทางการเงิน รวมถึงความรู้ด้านอื่นๆ ที่จะยกระดับพนักงานของสมาชิกไปสู่สากลมากยิ่งขึ้น
ส่วน C กันบ้างซึ่งมาจาก Communications เป็นการให้ความสำคัญการเผยแพร่ นโยบาย เป้าหมาย ของสมาคม รวมไปถึงกิจกรรม และความสำเร็จต่างๆ ของ สมาคม และ สมาชิก โดยสม่ำเสมอ พร้อมทั้งแก้ไขข่าวลบที่มีต่อส่วนรวม และส่งเสริมกิจกรรมที่ช่วยเสริมสร้างสัมพันธภาพที่ดีของสมาชิก (แข่งขันกันอย่างเป็นมิตร)
วรวรรณ บอกต่ออีกว่า ภารกิจในการแก้ไขของทางสมาคมนั้นมีหลายเรื่องด้วยกัน โดยเฉพาะที่รับงานมาจากท่านนายกสมาคมฯ คนเดิม ต้องสานต่อไป ส่วนเรื่องเร่งด่วนน่าจะเป็นการทำความเข้าใจกับคณะกรรมการชุดใหม่และสมาชิก ให้มีเป้าหมายการทำงานที่ยอมรับร่วมกัน เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมกองุทนรวมทุกประเภทให้มีการเติบโตขึ้นไป สำหรับเรื่องอื่นๆ นั้นจะทำการจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วน ซึ่งจะต้องเข้าหารือกับทางคณะกรรมการก่อน
สำหรับในปีนี้นายกสมาคมบอกว่า สิ่งที่จะทำการสนับสนุนมากที่สุดคงเป็นเรื่องของกองทุนอาร์เอ็มเอฟ และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เนื่องจากเป็นการสนับสนุนให้ผู้ลงทุนมีเงินไว้รองรับในยามเกษียณ และยังเป็นความยั่งยืนของอุตสาหกรรมอีกด้วย
นอกจากนี้ทางสมาคมจะสนับสนุนการให้ความรู้แก่นักลงทุนในการบริหารเงินในการจัดการพอร์ตการลงทุน และการบริหารภาษี โดยจะร่วมมือกับโครงการขยายฐานผู้ลงทุนของตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งจะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้นายกสมาคมยังบอกอีกว่า หากพูดถึงภาวะการณ์ลงทุนทั่วไป ต้องบอกว่าปัญหาในสหรัฐที่ลามไปยุโรป และส่งผลกระทบมาที่เอเชีย กับที่อื่นๆ นั้น มันยังไม่จบง่ายๆ ตลาดหุ้นยังอ่อนไหวกับทุกๆ ข่าวที่มากระทบทั้งข่าวดีและข่าวร้าย ราคาหุ้นจะผันผวนขึ้นๆ ลงๆ ในช่วงแคบๆ การเทรดช่วงสั้นๆ มีความเสี่ยงมากกว่าปีก่อน และอาจไม่คุ้มเพราะเวลาขึ้นก็ขึ้นไม่มาก ตลาดหุ้นไทยเองก็มีเรื่องปัญหาทางการเมืองมาถ่วงเอาไว้
ทั้งนี้นายกสมาคมคนใหม่ได้แสดงวิสัยทัศน์ต่อที่ประชุมสมาชิกภายหลังการเลือกตั้งว่า ต้องการสร้างความแข็งแกร่งให้กับสมาคม เพื่อให้เป็นศูนย์กลางของบริษัทสมาชิกทุกราย ทุกกลุ่มธุรกิจ โดยการบริหารงานจะคำนึงถึงผลประโยชน์ที่เสมอภาคเท่าเทียมกันของสมาชิกร่วมธุรกิจทุกราย ไม่ว่ารายเล็ก รายใหญ่ เพราะความร่วมมือจากเพื่อนร่วมธุรกิจจะเป็นกุญแจสำคัญไปสู่ความสำเร็จ ไม่มีใครเก่งไปทุกเรื่อง แต่การไม่เก่งในบางเรื่องแล้วยอมรับตนเอง ขอความรู้ ความร่วมมือจากผู้เกี่ยวข้องที่รู้มากกว่า จะทำให้ภารกิจของสมาคมไม่เสียหาย
นอกจากนี้จะเน้นการกลั่นกรอง และปรับปรุงกฎเกณฑ์ในการทำธุรกิจ ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) โดยสร้างความสมดุลระหว่าง ผลประโยชน์ของอุตสาหกรรม ผลประโยชน์ของลูกค้า และความรัดกุมในการกำกับธุรกิจ สนับสนุนความรุ่งเรืองของธุรกิจอย่างมีเหตุมีผล และอยู่ในกรอบของผลประโยชน์โดยรวมของประเทศ และจะไม่นำตำแหน่งหน้าที่ในสมาคมไปสร้างผลประโยชน์ให้กับบริษัทบนความเสียเปรียบของเพื่อนสมาชิก ทั้งนี้ การดำรงแหน่งนายกสมาคม มีวาระการดำรงตำแหน่ง 2 ปี
วรวรรณ บอกว่า ผลสำเร็จของการทำหน้าที่ของคณะกรรมการสมาคมชุดใหม่ใน 2 ปีข้างหน้านี้จะพิจารณาได้จากความสำเร็จของ D P R G E C เข้ามาใช้ โดย ตัว D นั้น จะเป็นในด้านของ Industry Development ซึ่งจะเน้นที่การเพื่อการเจริญเติบโตที่ยั่งยืนของอุตสาหกรรม ทั้ง 3 กลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นกองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (อาร์เอ็มเอฟ) กองทุนหุ้นระยะยาว (แอลทีเอฟ) และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เพื่อเป็นการผลักดันและส่งเสริมเกี่ยวกับการออมแบบผูกพันเพื่อความมั่นคงของชีวิตและความมั่นคงของประเทศ รวมถึงสมาคมยังส่งเสริมให้ความรู้แก่นักลงทุนเรื่องของการจัดพอร์ตในการลงทุน , การบริหารจัดการ , การบริหารจัดการในเรื่องความเสี่ยง และการบริหารจัดการในเรื่องการลงทุนในมีความรู้มากยิ่งขึ้น
ตัว P นั้นมาจาก Positioning ได้แก่จุดยืนในการให้ความร่วมมือกับหน่วยงานราชการ สมาคมและองค์กรอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ เพื่อเป็นการส่งเสริมให้สมาคมฯ เป็นที่รู้จัดและยอมรับกันอย่างแพร่หลายในบทบาทหน้าที่ และความสำคัญในการเป็นองค์กรหนึ่งที่มีผลต่อการพัฒนาตลาดทุนและพฤติกรรมการออม การลงทุนของประชน
ส่วน R นั้น มาจาก Rules and Regulations ซึ่งทางสมาคมจะให้ความร่วมมือกับทางกลต. เพื่อทำการแก้ไข หรือปรับปรุง หรือเพิ่มเติมกฏเกณฑ์ให้เหมาะสมและมีความเหมาะสมกับพัฒนาการของประเทศไทย โดยมีความสมดุลย์ระหว่างการเติบโตของอุตสาหกรรมผลประโยชน์ที่ยั่งยืนของผู้ลงทุน และ การกำกับธุรกิจ
ขณะที่ตัว G นั้นได้มาจาก Industry Good Governance and CSR เป็นการส่งเสริมให้อุตสาหกรรมจัดการกงอทุนเป็นอุตสาหกรรมที่เป็นแบบอย่างที่ดีในการของ Good Governance และ Corporate Social Responsibility ตามกำลัง และความเหมาะสม
มาดูกันที่ E นั้นมากจาก Education เพื่อเป็นการพัฒนาความรู้ของสมาชิกสมาคมเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาษี และการแนะนำผุ้ลงทุนในการบริหารสินทรัพย์ทางการเงิน รวมถึงความรู้ด้านอื่นๆ ที่จะยกระดับพนักงานของสมาชิกไปสู่สากลมากยิ่งขึ้น
ส่วน C กันบ้างซึ่งมาจาก Communications เป็นการให้ความสำคัญการเผยแพร่ นโยบาย เป้าหมาย ของสมาคม รวมไปถึงกิจกรรม และความสำเร็จต่างๆ ของ สมาคม และ สมาชิก โดยสม่ำเสมอ พร้อมทั้งแก้ไขข่าวลบที่มีต่อส่วนรวม และส่งเสริมกิจกรรมที่ช่วยเสริมสร้างสัมพันธภาพที่ดีของสมาชิก (แข่งขันกันอย่างเป็นมิตร)
วรวรรณ บอกต่ออีกว่า ภารกิจในการแก้ไขของทางสมาคมนั้นมีหลายเรื่องด้วยกัน โดยเฉพาะที่รับงานมาจากท่านนายกสมาคมฯ คนเดิม ต้องสานต่อไป ส่วนเรื่องเร่งด่วนน่าจะเป็นการทำความเข้าใจกับคณะกรรมการชุดใหม่และสมาชิก ให้มีเป้าหมายการทำงานที่ยอมรับร่วมกัน เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมกองุทนรวมทุกประเภทให้มีการเติบโตขึ้นไป สำหรับเรื่องอื่นๆ นั้นจะทำการจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วน ซึ่งจะต้องเข้าหารือกับทางคณะกรรมการก่อน
สำหรับในปีนี้นายกสมาคมบอกว่า สิ่งที่จะทำการสนับสนุนมากที่สุดคงเป็นเรื่องของกองทุนอาร์เอ็มเอฟ และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เนื่องจากเป็นการสนับสนุนให้ผู้ลงทุนมีเงินไว้รองรับในยามเกษียณ และยังเป็นความยั่งยืนของอุตสาหกรรมอีกด้วย
นอกจากนี้ทางสมาคมจะสนับสนุนการให้ความรู้แก่นักลงทุนในการบริหารเงินในการจัดการพอร์ตการลงทุน และการบริหารภาษี โดยจะร่วมมือกับโครงการขยายฐานผู้ลงทุนของตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งจะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้นายกสมาคมยังบอกอีกว่า หากพูดถึงภาวะการณ์ลงทุนทั่วไป ต้องบอกว่าปัญหาในสหรัฐที่ลามไปยุโรป และส่งผลกระทบมาที่เอเชีย กับที่อื่นๆ นั้น มันยังไม่จบง่ายๆ ตลาดหุ้นยังอ่อนไหวกับทุกๆ ข่าวที่มากระทบทั้งข่าวดีและข่าวร้าย ราคาหุ้นจะผันผวนขึ้นๆ ลงๆ ในช่วงแคบๆ การเทรดช่วงสั้นๆ มีความเสี่ยงมากกว่าปีก่อน และอาจไม่คุ้มเพราะเวลาขึ้นก็ขึ้นไม่มาก ตลาดหุ้นไทยเองก็มีเรื่องปัญหาทางการเมืองมาถ่วงเอาไว้