“หลักการต่างๆ ที่ว่าอายุมากลงทุนในหุ้นอันตราย ผมว่ามันขัดแย้งในตัวเอง ลองนึกว่าอายุมากแล้วเก็บของเก่ากินอนาคตอาจไม่พอก็เป็นได้ ตอนหนุ่มยังพอหาเงินได้ แล้วอายุขนาดนี้จะหารายได้อย่างไร นี่แหละคือเหตุผลที่ควรลงทุนในหุ้น”
มีหลายแนวทางสำหรับการลงทุน แต่ที่เห็นนิยมมากน่าจะเป็นการลงทุนอย่างไร? ให้เหมาะสมกับช่วงอายุของคนมากที่สุด ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่มักจะให้ความสำคัญในเรื่องนี้เป็นพิเศษ
การเสวนาในหัวข้อนี้มักจัดขึ้นกันอย่างแพร่หลาย...วันนี้มาลองดูมุมมองของบุคคลที่มีชื่อเสียงกล่าวถึงหัวข้อ "กลยุทธ์การลงทุนที่สอดคล้องกับช่วงอายุของท่าน”Investment Strategies for your Life Stage ซึ่งจัดขึ้นในงาน Citigold Investment Experts Forum 2008 โดยจะแบ่งช่วงอายุคนเป็น 3 ช่วงด้วยกันได้แก่
1.)ช่วงอายุของการเสริมสร้างความมั่งคั่งให้กับตัวเอง หรือ Establish Wealth
2.)ช่วงอายุของผู้ที่เริ่มมีความมั่งคั่งทางการเงิน หรือ Optimize Wealth**
3.)ช่วงอายุของผู้ที่ความพร้อมด้านฐานะทางการเงิน หรือ Realize Wealth
เริ่มกันที่ วัยแห่งการสร้างความมั่งคั่ง Establish Wealth ตัวแทนของคนรุ่นนี้อย่างคุณอรลดา เผ่าวิบูลย์ ซึ่งมีอาชพีเป็นพิธีกร และนักธุรกิจ บอกว่า ชีวิตของเธอในช่วงนี้ให้ความสำคัญอยู่ 2-3 อย่างคือ การสร้างความั่งคั่ง การใช้จ่าย และการออม ซึ่งตนเองเป็นคนโสดที่จะจัดสรรเวลาให้ลงตัวในการสร้างฐานะด้วยการหารายได้ โดยที่ไม่ลืมเรื่องความสำคัญของสุขภาพ และครอบครัว แต่ตัวอย่างที่ไม่ดีของตนคือการใช้เงิน ทำให้บางครั้งต้องออกอุบายกับตัวเอง
อุบายที่ว่าคือ การซื้อสินทรัพย์จำพวกบ้านทำให้ทุกบังคับให้ต้องรับภาระนี้ทุกเดือน โดยจะลดการใช้จ่ายในส่วนอื่นที่ไม่จำเป็นแทน และการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทนี้ส่วนตัวเชื่อว่ามูลค่าของมันจะเพิ่มขึ้นในอนาคต
ตนเองเป็นคนเก็บเงินไม่อยู่ ทำให้ต้องมีอุบายที่ต้องตั้งเป้าหมายให้กับตัวเองว่าอยากได้อะไรต้องเก็บ และตอนนี้ต้องการบ้าน เลยต้องถูกบังคับให้ผ่อนบ้าน และงดการใช้จ่ายด้านอื่น เช่นเสื้อผ้า ซึ่งสินทรัพย์อย่างบ้านจะมีมูลค่าเพิ่ม จาก ตรว.ละไม่เท่าไร แต่ตอนนี้ก็เพิ่มขึ้นมาแล้ว”
ธนพ เอี่ยมอมรพันธ์ นักลงธุรกิจ และนักลงทุน อีกตัวแทนของช่วงอายุนี้ กล่าวว่า รายได้ของผมส่วนใหญ่เดือนหนึ่งหามาได้เท่าไรมักจะใช้เกือบหมด แต่หลังจากมีครอบครัวแล้วเริ่มคิดได้ว่าจะต้องมีเงินออมเอาไว้บ้าง แต่ก็ยังใช้เงินไปเรื่อยๆ เพื่อสร้างความสุขกับเงินที่หามาได้ แต่จะไม่ใช้เงินเกินตัว โดยส่วนหนึ่งจะเก็บไว้ให้ลูก
“ต้องเข้าใจเคล็ดของเงิน ซึ่งมันหาได้ แต่เก็บได้ยากมาก หรือถ้าจะให้ดีต้องซื้อสินทรัพย์ที่มีมูลค่ามากขึ้นในอนาคต เช่น อสังหาริม ทรัพย์ ทอง หรือของสะสมที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มได้”
ลงทุนอย่างไรกับช่วง Establish Wealth
อรลดา บอกว่า การลงทุนของเธอในช่วงนี้จะไม่มีการลงทุนในตลาดหุ้นเลย แต่ก่อนหน้านี้จะมีอยู่บ้าง ซึ่งในช่วงที่เกิดปัญหาซับไพรม์ และการเมืองที่ค่อนข้างผันผวนทำให้ตัดสินใจล้างพอร์ตที่มีออกไป โดยตอนนี้การลงทุนของตัวเองจะมีในส่วนของ กองทุนรวมหุ้นระยะยาว LTF และกองทุนรวมต่างประเทศที่กำลังให้ความสนใจ
เช่นเดียวกับ ธนพ ซึ่งแจงว่า พอร์ตการลงทุนของตัวเองขณะนี้ ไม่หุ้น พันธบัตร หรือทองคำเลย แต่จะให้ความสำคัญกับการเก็บเงินสดมากที่สุด เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน โดยเงินสดที่เก็บไว้จะแบ่งออกเป็น 7 สกุลด้วยกัน ได้แก่ ยูเอสดอลลาร์ ดอลลาร์ออสเตรเลีย หยวน เยน ยุโร สวิส และปอนด์
“ผมจะเก็บเงินสดเป็น 7 สกุลเงิน เพราะเชื่อว่าไม่มีทางที่ค่าเงินของทั้ง 7 ประเทศจะปรับตัวลงทั้งมหด เหมือนการกระจายความเสี่ยง แต่ถ้าช่วงไหนแนวโน้มเปลี่ยน ก็จะปรับน้ำหนักการถือค่าเงินไปตามนั้น แต่ยังไม่ทิ้งสินทรัพย์ประเภทอื่น เพียงแต่ต้องดูจังหวะให้แน่นอนก่อนเท่านั้น”
ส่วนสินทรัพย์ที่มองว่ามีความมั่นคงและน่าสนใจ คงเป็นพวกเครื่องเพชรต่างๆ ซึ่งหากดูกราฟราคาเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมานี้ ใครที่ซื้อเอาไว้จะมีกำไรเพิ่มขึ้นมาเกือบ 100% ทีเดียว ขณะที่แนวโน้มราคาของมันยังปรับตัวสูงขึ้นได้อีกในอนาคต โดยปัจจัยหนุนส่วนหนึ่งจะมาจากต้นทุนการขุดเจาะ ที่มีน้ำมันเข้ามาเกี่ยวข้อง และยิ่งขุดลึกเท่าต้นทุนในส่วนนี้จะเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น
“เพชรที่มีการันตีจากบริษัทชั้นนำจะมีราคาดีมาก แถมมีสภาพคล่องสูงด้วย ดูอย่างช่วงวิกฤตต้มยำกุ้งใครที่มีที่ดินขายไม่ค่อยได้ แต่เพชรราคามันสูงขึ้นยิ่งเม็ดใหญ่ที่มีการรับรองด้วยแล้ว เวลาไปขายต่างประเทศมันยิ่งได้ราคา ตีกลับมาเป็นเงินไทยช่วงนั้นได้กำไรเยอะมาก เพราะเม็ดใหญ่หายาก ค่าเงินเราก็อ่อนด้วย”
เริ่มมั่งคั่งกับ Optimize Wealth
ดร.โสรัชย์ อัศวะประภาบอกว่า เป็นช่วงที่ช่องว่างระหว่างความฝันกับความจริงจะเหลือน้อย เพราะเริ่มผ่านการทำงานมาพอสมควรแล้ว เริ่มแรกตนเองเป็นพวกมีเท่าไรใช้หมดเหมือนกัน แต่เมื่อมีเป้าหมาย และอะไรที่ลงตัวแล้วจะระมัดระวังมากขึ้น
“ก่อนหน้านี้ผมมีเท่าไรก็ใช้หมดเหมือนกัน แต่เมื่อเริ่มมีเป้าหมายที่จะมีบริษัทของตัวเองซึ่งตอนนี้ก็ค่อนข้างลงตัวแล้ว เหมือนเป็นช่วงอายุความฝันกับความจริงช่วงเริ่มแคบลงมาแล้ว”
ส่วนการลงทุนในช่วงนี้คงจะแล้วแต่ Life stiye ของแต่ละคนว่าต้องการแบบไหน แต่ตนเองจะเน้นในความมั่นคง ซึ่งอย่างน้อยเงินที่เก็บไว้จะต้องไม่ด้อยค่าลงตามเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น แต่ก็เป็นช่วงการลงทุนที่ระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยที่ไม่ต้องการผลตอบแทนที่โตมากนัก แต่จะเน้นลงทุนอย่างไรเพื่อไม่เสียเงินต้น และรักษามูลค่าของมันได้มากกว่า
“ตนเองค่อนข้างคอนเซอร์เวทีฟ หรือหัวเก่าหน่อย และจะกันเงินส่วนหนึ่งไว้ใช้ อีกส่วนไว้ดูแลพ่อแม่ และเงินออม ซึ่งการลงทุนจะไม่ใช่พวกคอมมานโด หรือเสี่ยงมากได้มาก แต่จะมีกองที่ไว้กลบเงินเฟ้อสัก 60% และมีกองที่ให้ความมั่นคงสูง หรือกองเสบี่ยงอีกสัก 30% ประมาณนี้”
Realize Wealth ช่วงมั่งคั่งทางการเงิน
ตัวแทนของช่วงอายุนี้อย่าง ดร.นิเวศ เหมวชิรวรากร กล่วว่า ความเห็นในเรื่องของผมจะแตกต่างออไป คือมันหายาก แต่เก็บง่าย ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะพื้นฐานครอบครัวผมในช่วงแรกที่ค่อนข้างยากจน ทำให้มีความรู้สึกว่าการหาเงินในช่วงแรกต้องเก็บไว้เพื่ออนาคตหากทำงานไม่ได้ โดยไม่ได้คิดถึงเรื่องการลงทุนเลย กลับกันเมื่อผมอายุ 50 ปีที่คนส่วนใหญ่มองกันว่าการลงทุนที่มีความเสี่ยงมากอย่างหุ้นจะไม่เป็นผลดี ซึ่งส่วนตัวแล้วมองว่ามันขัดแย้งในตัวมันเอง
“หลักการต่างๆ ที่ว่าอายุมากลงทุนในหุ้นอันตราย ผมว่ามันขัดแย้งในตัวเอง ลองนึกว่าอายุมากแล้วเก็บของเก่ากินอนาคตอาจไม่พอก็เป็นได้ ตอนหนุ่มยังพอหาเงินได้ แล้วอายุขนาดนี้จะหารายได้อย่างไร นี่แหละคือเหตุผลที่ควรลงทุนในหุ้น”
ดร.นิเวศ บอกว่า การลงทุนในหุ้นควรจะต้องมีการปรับจุดประสงค์ใหม่ คือมองในแง่การเป็นเจ้าของสินค้าหรือกิจการ ซึ่งการที่เรามีหุ้นอยู่ในบริษัทก็เปรียบเสมือนการมีส่วนร่วมในบริษัท หรือสินค้านั้นๆ โดยการเลือกเอาจะดูที่ความั่นคงของบริษัทและผลประกอบการของมัน
“การเลือกหุ้นเอาไม่ต้องมากสัก 5-6 ตัวก็พอ แล้วดูว่าสินค้าอะไรที่มีความจำเป็น หรือต้องใช้ตลอดก็หามาอยู่ในพอร์ต แล้วดูความมั่นคงของมัน การที่มีหลายตัวก็เพราะต้องกระจายออกไป เหมืนอมีลูก ถ้ามีมากหน่อยต้องมีสักคนแหละที่เลี้ยงเราได้ หุ้นก็เช่นกันในจำนวนนี้น่าจะมีที่มันให้กำไรกับเราได้”
ส่วนการลงทุนนั้นนอกจากจะปรับเรื่องจุดประสงค์แล้ว จะต้องให้ระยะเวลาในการลงทุนที่ยาวขึ้นด้วย โดยหุ้นบ้างตัวถึงแม้ราคาจะปรับลงในบ้างช่วง แต่เมื่อเปรียบเทียบกับเงินปันผลที่ได้แล้วมันคุ้มค่าอยู่ และถึงแม้มันจะผันผวน แต่จะเป็นแค่ระยะสั้น โดยอย่างลืมว่าตลาดหุ้นของประเทศไทยขึ้นเกือบทุกปี บางปีสูงถึง 10% เลยทีเดียว แต่ปีไหนมันลดบ้างคงไม่เป็นไร อยากให้ดูและลงทุนในระยะยาวตามจุดประสงค์ที่กล่าวมา
“หากมองแล้วตลาดหุ้นคงเป็นที่มีเงินเยอะที่สุด แล้วเราจะไปหาจากที่อื่นทำไม มองในทะลทราย แบงก์ ก็ไม่เท่านี้ ตลาดหุ้นบางปีโตมาก แต่ต้องรู้แหล่งว่าที่ไหนอุดมสมบูรณ์ด้วย ต้องดูให้ดีด้วย”
มีหลายแนวทางสำหรับการลงทุน แต่ที่เห็นนิยมมากน่าจะเป็นการลงทุนอย่างไร? ให้เหมาะสมกับช่วงอายุของคนมากที่สุด ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่มักจะให้ความสำคัญในเรื่องนี้เป็นพิเศษ
การเสวนาในหัวข้อนี้มักจัดขึ้นกันอย่างแพร่หลาย...วันนี้มาลองดูมุมมองของบุคคลที่มีชื่อเสียงกล่าวถึงหัวข้อ "กลยุทธ์การลงทุนที่สอดคล้องกับช่วงอายุของท่าน”Investment Strategies for your Life Stage ซึ่งจัดขึ้นในงาน Citigold Investment Experts Forum 2008 โดยจะแบ่งช่วงอายุคนเป็น 3 ช่วงด้วยกันได้แก่
1.)ช่วงอายุของการเสริมสร้างความมั่งคั่งให้กับตัวเอง หรือ Establish Wealth
2.)ช่วงอายุของผู้ที่เริ่มมีความมั่งคั่งทางการเงิน หรือ Optimize Wealth**
3.)ช่วงอายุของผู้ที่ความพร้อมด้านฐานะทางการเงิน หรือ Realize Wealth
เริ่มกันที่ วัยแห่งการสร้างความมั่งคั่ง Establish Wealth ตัวแทนของคนรุ่นนี้อย่างคุณอรลดา เผ่าวิบูลย์ ซึ่งมีอาชพีเป็นพิธีกร และนักธุรกิจ บอกว่า ชีวิตของเธอในช่วงนี้ให้ความสำคัญอยู่ 2-3 อย่างคือ การสร้างความั่งคั่ง การใช้จ่าย และการออม ซึ่งตนเองเป็นคนโสดที่จะจัดสรรเวลาให้ลงตัวในการสร้างฐานะด้วยการหารายได้ โดยที่ไม่ลืมเรื่องความสำคัญของสุขภาพ และครอบครัว แต่ตัวอย่างที่ไม่ดีของตนคือการใช้เงิน ทำให้บางครั้งต้องออกอุบายกับตัวเอง
อุบายที่ว่าคือ การซื้อสินทรัพย์จำพวกบ้านทำให้ทุกบังคับให้ต้องรับภาระนี้ทุกเดือน โดยจะลดการใช้จ่ายในส่วนอื่นที่ไม่จำเป็นแทน และการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทนี้ส่วนตัวเชื่อว่ามูลค่าของมันจะเพิ่มขึ้นในอนาคต
ตนเองเป็นคนเก็บเงินไม่อยู่ ทำให้ต้องมีอุบายที่ต้องตั้งเป้าหมายให้กับตัวเองว่าอยากได้อะไรต้องเก็บ และตอนนี้ต้องการบ้าน เลยต้องถูกบังคับให้ผ่อนบ้าน และงดการใช้จ่ายด้านอื่น เช่นเสื้อผ้า ซึ่งสินทรัพย์อย่างบ้านจะมีมูลค่าเพิ่ม จาก ตรว.ละไม่เท่าไร แต่ตอนนี้ก็เพิ่มขึ้นมาแล้ว”
ธนพ เอี่ยมอมรพันธ์ นักลงธุรกิจ และนักลงทุน อีกตัวแทนของช่วงอายุนี้ กล่าวว่า รายได้ของผมส่วนใหญ่เดือนหนึ่งหามาได้เท่าไรมักจะใช้เกือบหมด แต่หลังจากมีครอบครัวแล้วเริ่มคิดได้ว่าจะต้องมีเงินออมเอาไว้บ้าง แต่ก็ยังใช้เงินไปเรื่อยๆ เพื่อสร้างความสุขกับเงินที่หามาได้ แต่จะไม่ใช้เงินเกินตัว โดยส่วนหนึ่งจะเก็บไว้ให้ลูก
“ต้องเข้าใจเคล็ดของเงิน ซึ่งมันหาได้ แต่เก็บได้ยากมาก หรือถ้าจะให้ดีต้องซื้อสินทรัพย์ที่มีมูลค่ามากขึ้นในอนาคต เช่น อสังหาริม ทรัพย์ ทอง หรือของสะสมที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มได้”
ลงทุนอย่างไรกับช่วง Establish Wealth
อรลดา บอกว่า การลงทุนของเธอในช่วงนี้จะไม่มีการลงทุนในตลาดหุ้นเลย แต่ก่อนหน้านี้จะมีอยู่บ้าง ซึ่งในช่วงที่เกิดปัญหาซับไพรม์ และการเมืองที่ค่อนข้างผันผวนทำให้ตัดสินใจล้างพอร์ตที่มีออกไป โดยตอนนี้การลงทุนของตัวเองจะมีในส่วนของ กองทุนรวมหุ้นระยะยาว LTF และกองทุนรวมต่างประเทศที่กำลังให้ความสนใจ
เช่นเดียวกับ ธนพ ซึ่งแจงว่า พอร์ตการลงทุนของตัวเองขณะนี้ ไม่หุ้น พันธบัตร หรือทองคำเลย แต่จะให้ความสำคัญกับการเก็บเงินสดมากที่สุด เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน โดยเงินสดที่เก็บไว้จะแบ่งออกเป็น 7 สกุลด้วยกัน ได้แก่ ยูเอสดอลลาร์ ดอลลาร์ออสเตรเลีย หยวน เยน ยุโร สวิส และปอนด์
“ผมจะเก็บเงินสดเป็น 7 สกุลเงิน เพราะเชื่อว่าไม่มีทางที่ค่าเงินของทั้ง 7 ประเทศจะปรับตัวลงทั้งมหด เหมือนการกระจายความเสี่ยง แต่ถ้าช่วงไหนแนวโน้มเปลี่ยน ก็จะปรับน้ำหนักการถือค่าเงินไปตามนั้น แต่ยังไม่ทิ้งสินทรัพย์ประเภทอื่น เพียงแต่ต้องดูจังหวะให้แน่นอนก่อนเท่านั้น”
ส่วนสินทรัพย์ที่มองว่ามีความมั่นคงและน่าสนใจ คงเป็นพวกเครื่องเพชรต่างๆ ซึ่งหากดูกราฟราคาเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมานี้ ใครที่ซื้อเอาไว้จะมีกำไรเพิ่มขึ้นมาเกือบ 100% ทีเดียว ขณะที่แนวโน้มราคาของมันยังปรับตัวสูงขึ้นได้อีกในอนาคต โดยปัจจัยหนุนส่วนหนึ่งจะมาจากต้นทุนการขุดเจาะ ที่มีน้ำมันเข้ามาเกี่ยวข้อง และยิ่งขุดลึกเท่าต้นทุนในส่วนนี้จะเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น
“เพชรที่มีการันตีจากบริษัทชั้นนำจะมีราคาดีมาก แถมมีสภาพคล่องสูงด้วย ดูอย่างช่วงวิกฤตต้มยำกุ้งใครที่มีที่ดินขายไม่ค่อยได้ แต่เพชรราคามันสูงขึ้นยิ่งเม็ดใหญ่ที่มีการรับรองด้วยแล้ว เวลาไปขายต่างประเทศมันยิ่งได้ราคา ตีกลับมาเป็นเงินไทยช่วงนั้นได้กำไรเยอะมาก เพราะเม็ดใหญ่หายาก ค่าเงินเราก็อ่อนด้วย”
เริ่มมั่งคั่งกับ Optimize Wealth
ดร.โสรัชย์ อัศวะประภาบอกว่า เป็นช่วงที่ช่องว่างระหว่างความฝันกับความจริงจะเหลือน้อย เพราะเริ่มผ่านการทำงานมาพอสมควรแล้ว เริ่มแรกตนเองเป็นพวกมีเท่าไรใช้หมดเหมือนกัน แต่เมื่อมีเป้าหมาย และอะไรที่ลงตัวแล้วจะระมัดระวังมากขึ้น
“ก่อนหน้านี้ผมมีเท่าไรก็ใช้หมดเหมือนกัน แต่เมื่อเริ่มมีเป้าหมายที่จะมีบริษัทของตัวเองซึ่งตอนนี้ก็ค่อนข้างลงตัวแล้ว เหมือนเป็นช่วงอายุความฝันกับความจริงช่วงเริ่มแคบลงมาแล้ว”
ส่วนการลงทุนในช่วงนี้คงจะแล้วแต่ Life stiye ของแต่ละคนว่าต้องการแบบไหน แต่ตนเองจะเน้นในความมั่นคง ซึ่งอย่างน้อยเงินที่เก็บไว้จะต้องไม่ด้อยค่าลงตามเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น แต่ก็เป็นช่วงการลงทุนที่ระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยที่ไม่ต้องการผลตอบแทนที่โตมากนัก แต่จะเน้นลงทุนอย่างไรเพื่อไม่เสียเงินต้น และรักษามูลค่าของมันได้มากกว่า
“ตนเองค่อนข้างคอนเซอร์เวทีฟ หรือหัวเก่าหน่อย และจะกันเงินส่วนหนึ่งไว้ใช้ อีกส่วนไว้ดูแลพ่อแม่ และเงินออม ซึ่งการลงทุนจะไม่ใช่พวกคอมมานโด หรือเสี่ยงมากได้มาก แต่จะมีกองที่ไว้กลบเงินเฟ้อสัก 60% และมีกองที่ให้ความมั่นคงสูง หรือกองเสบี่ยงอีกสัก 30% ประมาณนี้”
Realize Wealth ช่วงมั่งคั่งทางการเงิน
ตัวแทนของช่วงอายุนี้อย่าง ดร.นิเวศ เหมวชิรวรากร กล่วว่า ความเห็นในเรื่องของผมจะแตกต่างออไป คือมันหายาก แต่เก็บง่าย ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะพื้นฐานครอบครัวผมในช่วงแรกที่ค่อนข้างยากจน ทำให้มีความรู้สึกว่าการหาเงินในช่วงแรกต้องเก็บไว้เพื่ออนาคตหากทำงานไม่ได้ โดยไม่ได้คิดถึงเรื่องการลงทุนเลย กลับกันเมื่อผมอายุ 50 ปีที่คนส่วนใหญ่มองกันว่าการลงทุนที่มีความเสี่ยงมากอย่างหุ้นจะไม่เป็นผลดี ซึ่งส่วนตัวแล้วมองว่ามันขัดแย้งในตัวมันเอง
“หลักการต่างๆ ที่ว่าอายุมากลงทุนในหุ้นอันตราย ผมว่ามันขัดแย้งในตัวเอง ลองนึกว่าอายุมากแล้วเก็บของเก่ากินอนาคตอาจไม่พอก็เป็นได้ ตอนหนุ่มยังพอหาเงินได้ แล้วอายุขนาดนี้จะหารายได้อย่างไร นี่แหละคือเหตุผลที่ควรลงทุนในหุ้น”
ดร.นิเวศ บอกว่า การลงทุนในหุ้นควรจะต้องมีการปรับจุดประสงค์ใหม่ คือมองในแง่การเป็นเจ้าของสินค้าหรือกิจการ ซึ่งการที่เรามีหุ้นอยู่ในบริษัทก็เปรียบเสมือนการมีส่วนร่วมในบริษัท หรือสินค้านั้นๆ โดยการเลือกเอาจะดูที่ความั่นคงของบริษัทและผลประกอบการของมัน
“การเลือกหุ้นเอาไม่ต้องมากสัก 5-6 ตัวก็พอ แล้วดูว่าสินค้าอะไรที่มีความจำเป็น หรือต้องใช้ตลอดก็หามาอยู่ในพอร์ต แล้วดูความมั่นคงของมัน การที่มีหลายตัวก็เพราะต้องกระจายออกไป เหมืนอมีลูก ถ้ามีมากหน่อยต้องมีสักคนแหละที่เลี้ยงเราได้ หุ้นก็เช่นกันในจำนวนนี้น่าจะมีที่มันให้กำไรกับเราได้”
ส่วนการลงทุนนั้นนอกจากจะปรับเรื่องจุดประสงค์แล้ว จะต้องให้ระยะเวลาในการลงทุนที่ยาวขึ้นด้วย โดยหุ้นบ้างตัวถึงแม้ราคาจะปรับลงในบ้างช่วง แต่เมื่อเปรียบเทียบกับเงินปันผลที่ได้แล้วมันคุ้มค่าอยู่ และถึงแม้มันจะผันผวน แต่จะเป็นแค่ระยะสั้น โดยอย่างลืมว่าตลาดหุ้นของประเทศไทยขึ้นเกือบทุกปี บางปีสูงถึง 10% เลยทีเดียว แต่ปีไหนมันลดบ้างคงไม่เป็นไร อยากให้ดูและลงทุนในระยะยาวตามจุดประสงค์ที่กล่าวมา
“หากมองแล้วตลาดหุ้นคงเป็นที่มีเงินเยอะที่สุด แล้วเราจะไปหาจากที่อื่นทำไม มองในทะลทราย แบงก์ ก็ไม่เท่านี้ ตลาดหุ้นบางปีโตมาก แต่ต้องรู้แหล่งว่าที่ไหนอุดมสมบูรณ์ด้วย ต้องดูให้ดีด้วย”