น้ำมันขายปลีกในไทยยังต้องลุ้นระทึกกันต่อ หลังตลาดน้ำมันดิบสวิงหนักอีกระลอกจากเหตุคนงานของโรงกลั่นใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของสหราชอาณาจักรเริ่มนัดหยุดงานเป็นเวลา 2 วัน และบังคับให้ต้องปิดระบบท่อส่งน้ำมันทะเลเหนือ ที่รับผิดชอบขนถ่ายน้ำมันเกือบครึ่งหนึ่งของแดนผู้ดี เผยสัปดาห์นี้เกาะติดราคาสิงคโปร์ 1-2 วันหากปรับเพิ่มทำใจน้ำมันขยับอีกรอบ ขณะที่พูนภิรมย์โยนให้หมอเลี้ยบตัดสินใจวันนี้ลดภาษีสรรพสามิตรดีเซลอุ้มขนส่ง 1 บาทต่อลิตร ด้านผู้ค้าก๊าซหุงต้มจ้องขอส่วนลดด้วย
นายมนูญ ศิริวรรณ นักวิชาการด้านพลังงาน กล่าวว่า จากปัญหาการประท้วงในอังกฤษจนทำให้โรงกลั่นน้ำมันอิ-เน-ออส ต้องปิดลงประกอบกับปัญหาความไม่สงบในไนจีเรียเป็นแรงกดดันให้ตลาดน้ำมันดิบไนเม็กซ์วันที่ 24 เม.ย.ปิดเพิ่มขึ้น 2.46 เหรียญต่อบาร์เรลมาอยู่ที่118.52 เหรียญต่อบาร์เรลซึ่งหากการประท้วงยังมีต่อเนื่อง ก็จะเป็นแรงกดดันให้ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้นอีก ดังนั้นจึงต้องติดตามสถานการณ์น้ำมันอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะตลาดสิงคโปร์ที่ช่วงปลายสัปดาห์เริ่มลดลงไป 2-3 เหรียญต่อบาร์เรลเนื่องจากสะท้อนน้ำมันดิบที่ลดลงก่อนหน้านี้จึงต้องติดตามเปิดตลาดวันที่ 28 เม.ย.ว่าจะขยับขึ้นตามน้ำมันดิบสุดสัปดาห์หรือไม่เพื่อที่จะสามารถมองทิศทางราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศว่าจะมีทิศทางใด
" ยอมรับว่า น้ำมันค่อนข้างผันผวนมากตามกระแสข่าวรายวันซึ่งปิดตลาดวันศุกร์ตลาดสิงคโปร์ลดลงจึงทำให้ผู้ค้าน้ำมันชะลอการปรับขึ้นราคาขายปลีกในประเทศ แต่เฉลี่ยค่าการตลาดก็ยังถือว่าไม่ได้สูงมากนักทิศทางขายปลีกในไทยจะต้องรอดูตลาดสิงคโปร์ที่เปิดมาสัปดาห์นี้ช่วง 1-2 วันก็คงจะเห็นทิศทางมากขึ้น"นายมนูญกล่าว
สำหรับการที่รัฐจะพิจารณาลดภาษีสรรพสามิตดีเซลเพื่อช่วยเหลือภาคขนส่งนั้น หลักการก็สามารถดำเนินการได้ แต่การปฏิบัติยอมรับว่าค่อนข้างลำบาก เนื่องจากรถที่จะมาเติมน้ำมันจะต้องขึ้นทะเบียนแล้วกำหนดปั๊มที่จะเติม ซึ่งอดีตเคยทำมาแล้วก็พบว่าช่วยเหลือได้ไม่ทั่วถึง และหากจะทำอีกวิธีด้วยการนำบัตรส่วนลดให้ไปเลยก็จะมีค่าใช้จ่ายและยุ่งยากพอสมควร ซึ่งทั้งหมดก็อยู่ที่รัฐบาลจะพิจารณาร่วมกับผู้ขนส่งว่าท้ายสุดจะเป็นอย่างไร
ผศ.ดร.จำนง สรพิพัฒน์ ประธานสายวิชาการพลังงาน บัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม(JGSEE) กล่าวว่า การปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลนั้น ในระยะสั้นจะส่งผลดีต่อราคาน้ำมันดีเซลที่จะตัวลดลงมา และเป็นผลทางจิตวิทยาต่อผู้บริโภคที่ได้เห็นรัฐบาลเข้ามาแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นได้
แต่หากพิจารณาในแง่ของผู้ประกอบการแล้ว ราคาน้ำมันดีเซลที่ปรับตัวสูงขึ้นไปอยู่ที่ 33.44 บาทต่อลิตรนั้น หากปรับดลภาษีสรรพสามิตลงมา 1 บาทต่อลิตร เท่ากับว่าราคาน้ำมันลดลงมาเพียงประมาณ 3 % ขณะที่ธุรกิจด้านขนส่ง จะมีต้นทุนจากเชื้อเพลิงคิดเป็น 50%ของต้นทุนทั้งหมด การอุ้มราคาดีเซลจะช่วยลดต้นทุนลงเพียง 1.5% เท่านั้น ซึ่งราคาสินค้าแทบไม่จะถูกลงเลย
“ การลดภาษีดังกล่าวจะไม่ช่วยให้ประชาชนรู้จักการประหยัดหรือการใช้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะยังเห็นว่าน้ำมันยังมีราคาถูกอยู่ และมีรัฐบาลเข้ามาช่วยเหลืออยู่ตลอด ผลที่ตามมาก็คือประเทศต้องนำเข้าน้ำมันในปริมาณที่มากขึ้น ทางที่ดีรัฐบาลควรจะนำเงินดังกล่าวมาอุดหนุนให้แก่ผู้ประกอบการทางอ้อมน่าจะเป็นการที่ดีกว่า ไม่ใช่เป็นการอุดหนุนคนทั้งประเทศ โดยเฉพาะรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่เวลานี้มีการใช้น้ำมันดีเซลค่อนข้างมาก แต่มีฐานะค่อนข้างดีเมื่อเทียบกับประชาชนทั่วไป ที่ยังต้องขึ้นรถโดยสารประจำทางอยู่ ”
****ติ้งโยนเลี้ยบทุบโต๊ะลดภาษีฯดีเซล
พลโทหญิงพูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รมว.พลังงาน กล่าวว่า วันนี้ ( 28 ) จะหารือกับนพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ถึงแนวทางการลดภาษีฯดีเซลเพื่อช่วยเหลือภาคขนส่ง ซึ่งส่วนของกระทรวงพลังงานต้องการที่จะเข้าไปดูแลต้นทุนที่เพิ่มขึ้นเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน แต่การจะตัดสินใจลดหรือไม่อย่างไรนั้นคงจะต้องให้ทาง รมว.คลังเป็นผู้พิจารณาเป็นหลัก อย่างไรก็ตามยืนยันว่ารัฐจะไม่ทำให้กลไกตลาดบิดเบือนและจะเป็นมาตรการระยะสั้นๆ เท่านั้นเนื่องจากกลุ่มขนส่งจะใช้น้ำมันเพียง 4 ล้านลิตรต่อเดือนเท่านั้น เพราะส่วนหนึ่งได้หันไปติดตั้งก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์หรือ NGV แล้ว
*****ค่าขนส่งก๊าซหุงต้มจ่อขยับ
นายชิษณุพงศ์ รุ่งโรจน์งามเจริญ นายกสมาคมผู้ค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว(ก๊าซหุงต้ม) กล่าวว่า สมาคมฯเตรียมยื่นหนังสือถึงกระทรวงพลังงานกรณีที่รัฐมีการพิจารณาลดภาษีสรรพสามิตดีเซลช่วยภาคขนส่งเนื่องจากจากราคาดีเซลต้นปีอยู่ระดับ 25 บาทต่อลิตรล่าสุดปรับมาอยู่ประมาณ 33 บาทต่อลิตรนั้นส่งผลกระทบต่อค่าขนส่งของผู้ค้าก๊าซหุงต้มเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 1 ร้านค้าจะใช้ดีเซลประมาณ 500-1,000 ลิตรต่อเดือนหรือคิดเป็นเงินประมาณ 5,000 -10,000 บาทต่อเดือน
"ก็คงจะต้องติดตามว่ารัฐจะลดภาษีฯดีเซลหรือไม่และลดเท่าใดพอจะครอบคลุมต้นทุนหรือเปล่า และถ้าไม่ลดทางสมาคมฯก็จะต้องหารือถึงความเป็นไปได้ในการช่วยเหลือรูปแบบอื่นๆ และทางสุดท้ายก็จะต้องขอปรับขึ้นค่าขนส่งที่เวลานี้เราก็แบกรับภาระมาพอสมควรแล้วเพราะอยู่ที่เพียง 10 บาทต่อถังต่อเที่ยวเว้นส่งด่วนจะบวกอีก 5 บาทเท่านั้นซึ่งถือเป็นการปรับขึ้นที่น้อยมากเมื่อเทียบกับราคาดีเซลที่เพิ่มขึ้นมาต่อเนื่อง 2-3 ปี"นายชิษณุพงศ์กล่าว
*****นำเข้าน้ำมันทะลุ9แสนลบ.แน่
นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า จากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอย่างมากคาดว่าปีนี้การนำเข้าน้ำมันของไทยอาจจะทะลุระดับ 900,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ทางผู้ใช้น้ำมันและผู้ค้าน้ำมันต่างต้องปรับตัวในภาวะราคาน้ำมันที่สูงขึ้น โดยเห็นได้จากการจำหน่ายน้ำมันพลังงานทดแทนเพิ่มขึ้น และยอดขายพลังงานทดแทนเพิ่มขึ้นอย่างมาก อย่างไรก็ตามการที่รัฐจะลดภาษีฯดีเซลช่วยภาคขนส่งนั้นคงจะช่วยอะไรมากไม่ได้ และหากจะลดภาษีเพื่อช่วยภาคขนส่งเพียงอย่างเดียว ก็อาจจะมีปัญหาเรื่องการควบคุมอย่างไรไม่ให้เกิดการรั่วไหลไปยังภาคอื่น ๆ ซึ่งระบบนี้จะคุมได้ลำบาก
นายศัลยา สุคนธทรัพย์ ผู้จัดการฝ่ายราคาการตลาดขายปลีกบริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ยังคงต้องติดตามราคาน้ำมันตลาดสิงคโปร์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากค่าการตลาดรวมยังไม่ดีขึ้นนัก โดยตั้งแต่มกราคม-เมษายน แบกรับขาดทุนประมาณกว่า 500 ล้านบาท โดยค่าการตลาดของเบนซิน อยู่ที่ 60-69สตางค์ต่อลิตรส่วนดีเซล อยู่ที่ติดลบ66 สตางค์ต่อลิตร ซึ่งราคาขายปลีกหน้าปั๊มควรที่จะเป็น ราคาเบนซิน น่าจะเป็น 37 บาทต่อลิตร ดีเซล 34-35บาทต่อลิตร ถึงจะมีสะท้อนต้นทุนมากที่สุดในช่วงนี้
**UKหยุดงานปิดโรงกลั่น
ผวาดันราคาน้ำมันพุ่งอีก
คนงานราว 1,200 คนในโรงกลั่นน้ำมันเกรนจ์เมาต์ ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกของเมืองเอดินบะระ เขตการปกครองสกอตแลนด์ ของสหราชอาณาจักร เริ่มการนัดหยุดงานเมื่อเวลาประมาณ 6.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น (12.00 น.เวลาเมืองไทย) และระบบท่อส่งน้ำมันฟอร์ตี้ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้เคียงกันก็ปิดการขนส่งน้ำมันในเวลาเดียวกัน บริษัทบริติชปิโตรเลียม (บีพี) ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการระบบท่อส่งน้ำมันเส้นนี้แถลง
ระบบท่อส่งน้ำมันฟอร์ตี้ เป็นช่องทางขนส่งน้ำมันดิบจากแหล่งผลิตในทะเลเหนือขึ้นสู่ฝั่งด้วยปริมาณมากกว่า 700,000 บาร์เรลในแต่ละวัน อีกทั้งเป็นผู้ส่งน้ำมันและแก๊สถึงราว 40% ของที่ใช้กันอยู่ในสหราชอาณาจักร รวมทั้งบางส่วนก็ส่งไปยังตลาดระหว่างประเทศด้วย เนื่องจากต้องพึ่งพากระแสไฟฟ้าและไอน้ำจากโรงกลั่นเกรนจ์เมาต์ เมื่อโรงกลั่นหยุดเดินเครื่อง ทางฟอร์ตี้ก็ต้องหยุดตามไปด้วย
การนัดหยุดงานคราวนี้ซึ่งจัดขึ้นโดยสหภาพแรงงานยูไนต์ มีสาเหตุจากการพิพาทกับฝ่ายนายจ้างในเรื่องเงินบำนาญ บีพีบอกว่าหากได้กระแสไฟฟ้ากลับมาโดยเร็วในทันทีที่การสไตรก์ยุติ รวมทั้งแหล่งน้ำมันและแก๊สต่างๆ ของฟอร์ตี้ก็สามารถฟื้นการผลิตได้อย่างรวดเร็วแล้ว ระบบท่อส่งน้ำมันก็จะสามารถกลับปฏิบัติการได้ใหม่ภายในเวลา 24 ชั่วโมง ทว่ากว่าจะให้น้ำมันและแก๊สกลับไหลได้เต็มที่อีกครั้งคงต้องใช้เวลาอีกหลายวัน
รัฐบาลพรรคเลเบอร์ได้ออกมาเรียกร้องให้อยู่ในความสงบ และยืนยันว่ามีน้ำมันเพียงพอใช้ไปจนกว่าการนัดหยุดงานจะยุติ ทว่ามีรายงานว่าผู้ขับขี่ยานยนต์หลายราย โดยเฉพาะทางสกอตแลนด์และตอนเหนือของอังกฤษ กำลังแห่กันไปที่ปั๊มน้ำมันเพื่อหาเติมและหาซื้อสำรองเอาไว้เท่าที่จะทำได้ จนปั๊มบางแห่งต้องใช้วิธีปันส่วนมาแบ่งสรร บางแห่งก็ถือโอกาสขึ้นราคา และบางแห่งน้ำมันหมดเกลี้ยงไปเลย
ทางด้านพรรคคอนเซอร์เวทีฟ ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านใหญ่ที่สุด ได้แถลงเตือนว่า การปิดโรงกลั่นซึ่งมีความเกี่ยวพันกับการผลิตน้ำมันและแก๊สในเขตทะเลเหนืออย่างใกล้ชิด ย่อมมีผลกระทบทำให้ราคาน้ำมันในทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นได้
อันที่จริงข่าวการนัดหยุดงานของคนงานโรงกลั่นเกรนจ์เมาต์ ได้ถูกอ้างเป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งอยู่แล้ว ที่ดันให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งลิ่วทำนิวไฮหลายๆ ระลอกในสัปดาห์ที่ผ่านมา
โดยในวันศุกร์(25) ซึ่งเป็นวันทำการสุดท้ายของสัปดาห์ที่แล้ว น้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดปิดที่นิวยอร์กในระดับ 118.52 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นจากวันก่อน 2.46 ดอลลาร์ ส่วนน้ำมันดิบชนิดเบรนต์ ก็ขยับขึ้น 2.00 ดอลลาร์ ปิดที่ 116.34 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากการซื้อขายระหว่างวันไต่ทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่ที่ 117.56 ดอลลาร์
นายมนูญ ศิริวรรณ นักวิชาการด้านพลังงาน กล่าวว่า จากปัญหาการประท้วงในอังกฤษจนทำให้โรงกลั่นน้ำมันอิ-เน-ออส ต้องปิดลงประกอบกับปัญหาความไม่สงบในไนจีเรียเป็นแรงกดดันให้ตลาดน้ำมันดิบไนเม็กซ์วันที่ 24 เม.ย.ปิดเพิ่มขึ้น 2.46 เหรียญต่อบาร์เรลมาอยู่ที่118.52 เหรียญต่อบาร์เรลซึ่งหากการประท้วงยังมีต่อเนื่อง ก็จะเป็นแรงกดดันให้ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้นอีก ดังนั้นจึงต้องติดตามสถานการณ์น้ำมันอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะตลาดสิงคโปร์ที่ช่วงปลายสัปดาห์เริ่มลดลงไป 2-3 เหรียญต่อบาร์เรลเนื่องจากสะท้อนน้ำมันดิบที่ลดลงก่อนหน้านี้จึงต้องติดตามเปิดตลาดวันที่ 28 เม.ย.ว่าจะขยับขึ้นตามน้ำมันดิบสุดสัปดาห์หรือไม่เพื่อที่จะสามารถมองทิศทางราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศว่าจะมีทิศทางใด
" ยอมรับว่า น้ำมันค่อนข้างผันผวนมากตามกระแสข่าวรายวันซึ่งปิดตลาดวันศุกร์ตลาดสิงคโปร์ลดลงจึงทำให้ผู้ค้าน้ำมันชะลอการปรับขึ้นราคาขายปลีกในประเทศ แต่เฉลี่ยค่าการตลาดก็ยังถือว่าไม่ได้สูงมากนักทิศทางขายปลีกในไทยจะต้องรอดูตลาดสิงคโปร์ที่เปิดมาสัปดาห์นี้ช่วง 1-2 วันก็คงจะเห็นทิศทางมากขึ้น"นายมนูญกล่าว
สำหรับการที่รัฐจะพิจารณาลดภาษีสรรพสามิตดีเซลเพื่อช่วยเหลือภาคขนส่งนั้น หลักการก็สามารถดำเนินการได้ แต่การปฏิบัติยอมรับว่าค่อนข้างลำบาก เนื่องจากรถที่จะมาเติมน้ำมันจะต้องขึ้นทะเบียนแล้วกำหนดปั๊มที่จะเติม ซึ่งอดีตเคยทำมาแล้วก็พบว่าช่วยเหลือได้ไม่ทั่วถึง และหากจะทำอีกวิธีด้วยการนำบัตรส่วนลดให้ไปเลยก็จะมีค่าใช้จ่ายและยุ่งยากพอสมควร ซึ่งทั้งหมดก็อยู่ที่รัฐบาลจะพิจารณาร่วมกับผู้ขนส่งว่าท้ายสุดจะเป็นอย่างไร
ผศ.ดร.จำนง สรพิพัฒน์ ประธานสายวิชาการพลังงาน บัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม(JGSEE) กล่าวว่า การปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลนั้น ในระยะสั้นจะส่งผลดีต่อราคาน้ำมันดีเซลที่จะตัวลดลงมา และเป็นผลทางจิตวิทยาต่อผู้บริโภคที่ได้เห็นรัฐบาลเข้ามาแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นได้
แต่หากพิจารณาในแง่ของผู้ประกอบการแล้ว ราคาน้ำมันดีเซลที่ปรับตัวสูงขึ้นไปอยู่ที่ 33.44 บาทต่อลิตรนั้น หากปรับดลภาษีสรรพสามิตลงมา 1 บาทต่อลิตร เท่ากับว่าราคาน้ำมันลดลงมาเพียงประมาณ 3 % ขณะที่ธุรกิจด้านขนส่ง จะมีต้นทุนจากเชื้อเพลิงคิดเป็น 50%ของต้นทุนทั้งหมด การอุ้มราคาดีเซลจะช่วยลดต้นทุนลงเพียง 1.5% เท่านั้น ซึ่งราคาสินค้าแทบไม่จะถูกลงเลย
“ การลดภาษีดังกล่าวจะไม่ช่วยให้ประชาชนรู้จักการประหยัดหรือการใช้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะยังเห็นว่าน้ำมันยังมีราคาถูกอยู่ และมีรัฐบาลเข้ามาช่วยเหลืออยู่ตลอด ผลที่ตามมาก็คือประเทศต้องนำเข้าน้ำมันในปริมาณที่มากขึ้น ทางที่ดีรัฐบาลควรจะนำเงินดังกล่าวมาอุดหนุนให้แก่ผู้ประกอบการทางอ้อมน่าจะเป็นการที่ดีกว่า ไม่ใช่เป็นการอุดหนุนคนทั้งประเทศ โดยเฉพาะรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่เวลานี้มีการใช้น้ำมันดีเซลค่อนข้างมาก แต่มีฐานะค่อนข้างดีเมื่อเทียบกับประชาชนทั่วไป ที่ยังต้องขึ้นรถโดยสารประจำทางอยู่ ”
****ติ้งโยนเลี้ยบทุบโต๊ะลดภาษีฯดีเซล
พลโทหญิงพูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รมว.พลังงาน กล่าวว่า วันนี้ ( 28 ) จะหารือกับนพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ถึงแนวทางการลดภาษีฯดีเซลเพื่อช่วยเหลือภาคขนส่ง ซึ่งส่วนของกระทรวงพลังงานต้องการที่จะเข้าไปดูแลต้นทุนที่เพิ่มขึ้นเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน แต่การจะตัดสินใจลดหรือไม่อย่างไรนั้นคงจะต้องให้ทาง รมว.คลังเป็นผู้พิจารณาเป็นหลัก อย่างไรก็ตามยืนยันว่ารัฐจะไม่ทำให้กลไกตลาดบิดเบือนและจะเป็นมาตรการระยะสั้นๆ เท่านั้นเนื่องจากกลุ่มขนส่งจะใช้น้ำมันเพียง 4 ล้านลิตรต่อเดือนเท่านั้น เพราะส่วนหนึ่งได้หันไปติดตั้งก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์หรือ NGV แล้ว
*****ค่าขนส่งก๊าซหุงต้มจ่อขยับ
นายชิษณุพงศ์ รุ่งโรจน์งามเจริญ นายกสมาคมผู้ค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว(ก๊าซหุงต้ม) กล่าวว่า สมาคมฯเตรียมยื่นหนังสือถึงกระทรวงพลังงานกรณีที่รัฐมีการพิจารณาลดภาษีสรรพสามิตดีเซลช่วยภาคขนส่งเนื่องจากจากราคาดีเซลต้นปีอยู่ระดับ 25 บาทต่อลิตรล่าสุดปรับมาอยู่ประมาณ 33 บาทต่อลิตรนั้นส่งผลกระทบต่อค่าขนส่งของผู้ค้าก๊าซหุงต้มเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 1 ร้านค้าจะใช้ดีเซลประมาณ 500-1,000 ลิตรต่อเดือนหรือคิดเป็นเงินประมาณ 5,000 -10,000 บาทต่อเดือน
"ก็คงจะต้องติดตามว่ารัฐจะลดภาษีฯดีเซลหรือไม่และลดเท่าใดพอจะครอบคลุมต้นทุนหรือเปล่า และถ้าไม่ลดทางสมาคมฯก็จะต้องหารือถึงความเป็นไปได้ในการช่วยเหลือรูปแบบอื่นๆ และทางสุดท้ายก็จะต้องขอปรับขึ้นค่าขนส่งที่เวลานี้เราก็แบกรับภาระมาพอสมควรแล้วเพราะอยู่ที่เพียง 10 บาทต่อถังต่อเที่ยวเว้นส่งด่วนจะบวกอีก 5 บาทเท่านั้นซึ่งถือเป็นการปรับขึ้นที่น้อยมากเมื่อเทียบกับราคาดีเซลที่เพิ่มขึ้นมาต่อเนื่อง 2-3 ปี"นายชิษณุพงศ์กล่าว
*****นำเข้าน้ำมันทะลุ9แสนลบ.แน่
นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า จากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอย่างมากคาดว่าปีนี้การนำเข้าน้ำมันของไทยอาจจะทะลุระดับ 900,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ทางผู้ใช้น้ำมันและผู้ค้าน้ำมันต่างต้องปรับตัวในภาวะราคาน้ำมันที่สูงขึ้น โดยเห็นได้จากการจำหน่ายน้ำมันพลังงานทดแทนเพิ่มขึ้น และยอดขายพลังงานทดแทนเพิ่มขึ้นอย่างมาก อย่างไรก็ตามการที่รัฐจะลดภาษีฯดีเซลช่วยภาคขนส่งนั้นคงจะช่วยอะไรมากไม่ได้ และหากจะลดภาษีเพื่อช่วยภาคขนส่งเพียงอย่างเดียว ก็อาจจะมีปัญหาเรื่องการควบคุมอย่างไรไม่ให้เกิดการรั่วไหลไปยังภาคอื่น ๆ ซึ่งระบบนี้จะคุมได้ลำบาก
นายศัลยา สุคนธทรัพย์ ผู้จัดการฝ่ายราคาการตลาดขายปลีกบริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ยังคงต้องติดตามราคาน้ำมันตลาดสิงคโปร์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากค่าการตลาดรวมยังไม่ดีขึ้นนัก โดยตั้งแต่มกราคม-เมษายน แบกรับขาดทุนประมาณกว่า 500 ล้านบาท โดยค่าการตลาดของเบนซิน อยู่ที่ 60-69สตางค์ต่อลิตรส่วนดีเซล อยู่ที่ติดลบ66 สตางค์ต่อลิตร ซึ่งราคาขายปลีกหน้าปั๊มควรที่จะเป็น ราคาเบนซิน น่าจะเป็น 37 บาทต่อลิตร ดีเซล 34-35บาทต่อลิตร ถึงจะมีสะท้อนต้นทุนมากที่สุดในช่วงนี้
**UKหยุดงานปิดโรงกลั่น
ผวาดันราคาน้ำมันพุ่งอีก
คนงานราว 1,200 คนในโรงกลั่นน้ำมันเกรนจ์เมาต์ ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกของเมืองเอดินบะระ เขตการปกครองสกอตแลนด์ ของสหราชอาณาจักร เริ่มการนัดหยุดงานเมื่อเวลาประมาณ 6.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น (12.00 น.เวลาเมืองไทย) และระบบท่อส่งน้ำมันฟอร์ตี้ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้เคียงกันก็ปิดการขนส่งน้ำมันในเวลาเดียวกัน บริษัทบริติชปิโตรเลียม (บีพี) ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการระบบท่อส่งน้ำมันเส้นนี้แถลง
ระบบท่อส่งน้ำมันฟอร์ตี้ เป็นช่องทางขนส่งน้ำมันดิบจากแหล่งผลิตในทะเลเหนือขึ้นสู่ฝั่งด้วยปริมาณมากกว่า 700,000 บาร์เรลในแต่ละวัน อีกทั้งเป็นผู้ส่งน้ำมันและแก๊สถึงราว 40% ของที่ใช้กันอยู่ในสหราชอาณาจักร รวมทั้งบางส่วนก็ส่งไปยังตลาดระหว่างประเทศด้วย เนื่องจากต้องพึ่งพากระแสไฟฟ้าและไอน้ำจากโรงกลั่นเกรนจ์เมาต์ เมื่อโรงกลั่นหยุดเดินเครื่อง ทางฟอร์ตี้ก็ต้องหยุดตามไปด้วย
การนัดหยุดงานคราวนี้ซึ่งจัดขึ้นโดยสหภาพแรงงานยูไนต์ มีสาเหตุจากการพิพาทกับฝ่ายนายจ้างในเรื่องเงินบำนาญ บีพีบอกว่าหากได้กระแสไฟฟ้ากลับมาโดยเร็วในทันทีที่การสไตรก์ยุติ รวมทั้งแหล่งน้ำมันและแก๊สต่างๆ ของฟอร์ตี้ก็สามารถฟื้นการผลิตได้อย่างรวดเร็วแล้ว ระบบท่อส่งน้ำมันก็จะสามารถกลับปฏิบัติการได้ใหม่ภายในเวลา 24 ชั่วโมง ทว่ากว่าจะให้น้ำมันและแก๊สกลับไหลได้เต็มที่อีกครั้งคงต้องใช้เวลาอีกหลายวัน
รัฐบาลพรรคเลเบอร์ได้ออกมาเรียกร้องให้อยู่ในความสงบ และยืนยันว่ามีน้ำมันเพียงพอใช้ไปจนกว่าการนัดหยุดงานจะยุติ ทว่ามีรายงานว่าผู้ขับขี่ยานยนต์หลายราย โดยเฉพาะทางสกอตแลนด์และตอนเหนือของอังกฤษ กำลังแห่กันไปที่ปั๊มน้ำมันเพื่อหาเติมและหาซื้อสำรองเอาไว้เท่าที่จะทำได้ จนปั๊มบางแห่งต้องใช้วิธีปันส่วนมาแบ่งสรร บางแห่งก็ถือโอกาสขึ้นราคา และบางแห่งน้ำมันหมดเกลี้ยงไปเลย
ทางด้านพรรคคอนเซอร์เวทีฟ ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านใหญ่ที่สุด ได้แถลงเตือนว่า การปิดโรงกลั่นซึ่งมีความเกี่ยวพันกับการผลิตน้ำมันและแก๊สในเขตทะเลเหนืออย่างใกล้ชิด ย่อมมีผลกระทบทำให้ราคาน้ำมันในทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นได้
อันที่จริงข่าวการนัดหยุดงานของคนงานโรงกลั่นเกรนจ์เมาต์ ได้ถูกอ้างเป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งอยู่แล้ว ที่ดันให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งลิ่วทำนิวไฮหลายๆ ระลอกในสัปดาห์ที่ผ่านมา
โดยในวันศุกร์(25) ซึ่งเป็นวันทำการสุดท้ายของสัปดาห์ที่แล้ว น้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดปิดที่นิวยอร์กในระดับ 118.52 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นจากวันก่อน 2.46 ดอลลาร์ ส่วนน้ำมันดิบชนิดเบรนต์ ก็ขยับขึ้น 2.00 ดอลลาร์ ปิดที่ 116.34 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากการซื้อขายระหว่างวันไต่ทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่ที่ 117.56 ดอลลาร์