xs
xsm
sm
md
lg

SCBAMปรับพอร์ตช้อนเพิ่มหุ้นพลังงาน ล่าสุดยอดเอ็นเอวีกองเกาหลีโตกว่า1.6หมื่นล.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ.ไทยพาณิชย์ เผย ทยอยออกกองเกาหลีต่อเนื่องทุกเดือน ล่าสุดมีมูลค่ารวมกันกว่า 16,000 ล้านบาท ยืนยันมีโอกาสเข้าไปโกยผลบตอบแทนจากแดนกิมจิได้อีกเยอะ เพราะเกาหลีใต้ต้องใช้เงินทุนจำนวนมากในการพัฒนาปรเทศ ล่าสุดปรับพอร์ตกองทุนเน้นช้อนหุ้นพลังงาน หวังดันผลตอบแทนขยายตัว รับอานิสงส์ราคาน้ำมันดีดตัวสูง ขณะที่แผนปัดฝุ่นกองเา SCBPMO เวิร์ค นักลงทุนทยอยซื้อต่อเนื่อง ดันยอดเอ็นเอวีขยายตัวเพิ่ม ชี้ไตรมาส 2 อุตสาหกรรมกองทุนขยายตัวแน่
นายกำพล อัศวกุลชัย
นายกำพล อัศวกุลชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานกองทุนรวม บริษัทจัดการหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้ทาง บลจ.ได้ทยอยออกกองทุนที่ลงทุนประเทศเกาหลีอย่างต่อเนื่องในทุกเดือน โดยมีทั้งอายุ 6 เดือน และ 12 เดือน ซึ่งขณะนี้มีไม่ตํ่ากว่า 7 กองที่ไปลงทุนในประเทศเกาหลี โดยมีเงินลงทุนรวมกันกว่า 15,000-16,000 ล้าน ส่วนกลุ่มลูกค้าของ บลจ. ก็เป็นกลุ่มที่มีการระมัดระวังในเรื่องของการลงทุนอยู่แล้ว และทาง บลจ.ไม่ได้มีการประชาสัมพันธ์เรื่องของการออกขายกองทุน แต่อย่างใด แต่ก็ได้รับการตอบรับจากลูกคต้าเป็นอย่างดี

ส่วนการที่ธนาคารกลางเกาหลีใต้ ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนั้น มองว่า เงินทุนสำรองของประเทศเกาหลีมีอยู่ประมาณ 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่เงินลงทุนของประเทศไทยที่ไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลประเทศเกาหลีใต้มีประมาณ 100,000 ล้านบาท หรือประมาณ 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น ซึ่งถือเป็นจำนวนที่น้อยมากหรือไม่ถึง 5% ของเงินทุนสำรองของประเทศเกาหลีใต้ที่มีถึง 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

ดังนั้นเรื่องดังกล่าว นักลงทุนจึงไม่ต้องวิตกกังวลว่าประเทศเกาหลีใต้จะเกิดปัญหาทางด้านการเงิน เพราะประเทศเกาหลีใต้ มีทุนสำรองมากว่าไทยถึงเท่าตัว ส่วนความน่าเชื่อถือในการลงทุนของเกาหลีใต้นั้นยังมีสูงกว่าประเทศไทย รวมถึง มีโอกาสได้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูงกว่าเกือบ 1% และกองทุนที่ บลจ.ออกมาส่วนใหญ่ทำการปิดความเสี่ยงด้วยอัตราการแลกเปลี่ยนไว้แล้ว ทำให้มีโอกาสที่ได้ผลต่างจากดอกเบี้ยที่ดี ซึ่งถือว่าช่วงนี้เป็นช่วงดีที่นักลงทุนควรจัดสรรเงินไปลงทุน

นายกำพล กล่าวถึงโอกาสที่ประเทศเกาหลีใต้จะออกมาตราการทางการเงินเหมือนกับประเทศไทยว่า โอกาสที่จะเกิดขึ้นเหมือนกับประเทศไทยนั้นมีน้อย เพราะประเทศเกาหลีนั้นเป็นประเทศที่ต้องการเงินลงทุนจากต่างประเทศเข้าไปลงทุนพัฒนาประเทศเหมือนกับประเทศไทย จึงไม่มีมาตราการในเชิงของการจำกัดการลงทุนออกมา เพราะต้องพึ่งพิงเงินทุนจากต่างประเทศค่อนข้างมากเหมือนกับประเทศไทย ซึ่งหากต้องใช้มาตราการทางการเงิน ประเทศเกาหลีใต้สามารถใช้มาตราการอื่นที่มีอยู่มากมายไม่จำเป็นจะต้องใช้มาตราการกันสำรอง 30% เหมือนกับประเทศไทย

นอกจากนี้ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บลจ.ไทยพาณิชย์ ยังได้กล่าวถึง เรื่องของผลตอบแทนการลงทุนในกองทุนรวมหุ้นของบริษัทที่ปรับตัวสูงขึ้นในขณะนี้ว่า เป็นเพราะราคาหุ้นและน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น จึงส่งผลให้พอร์ตการลงทุนปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย ซึ่งในขณะนี้หุ้นในกลุ่มพลังงาน ที่นำไปลงทุนในกลุ่มบริษัทพลังงานทั้งหลายได้รับประโยชน์จากราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น และในส่วนของ บลจ.ไทยพาณิชย์ นั้น ผู้จัดการกองทุนได้มีการปรับพอร์ตเพิ่มการลงทุนในกลุ่มพลังงานเพิ่มขึ้นเช่นกัน เพื่อให้ตอบรับกับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว โดยทาง บลจ. มองว่าหุ้นกลุ่มพลังงานในขณะนี้ปรับตัวสูงขึ้นพอสมควร

ส่วนแนวโน้มของหุ้นในกลุ่มพลังงานนั้นคาดว่ามีแนวโน้มในการปรับตัวสูงขึ้นอีกในระยะยาว จากแนวโน้มที่เติบโตตามราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้น แต่ความต้องการของการใช้พลังงานไม่ได้ปรับตัวลดลงแต่อย่างใด ซึ่งทาง บลจ.มองว่าแนวโน้มหุ้นในกลุ่มพลังงานยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูงอยู่ และยังมองไม่เห็นถึงการปรับตัวลดลง

นายกำพล กล่าวต่อว่า เมื่อเร็วๆนี้ ทางบลจ.ไทยพาณิชย์ ได้นำกองทุนเก่ากลับมาขายอีกครั้ง ได้แก่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์เพิ่มผลมั่นคง (SCBPMO) ซึ่งปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากลูฏค้าเป็นอย่างดี ส่งผลให้มูลค่าเอ็นเอวีของกองทุนขยายตัวเพิ่มขึ้น แต่เป็นไปในแบบทยอยปรับ ทำให้ขนาดกองทุนนี้ไม่เพิ่มปริมาณอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้เพราะผู้ที่มาลงทุนในกองหุ้นมีความเข้าใจด้านการลงทุนมากขึ้นรวมทั้งมีการทำกำไรเป็นระยะๆ สำหรับกองทุนกองต่อไปที่จะนำออกมาขายใหม่อาจจะเป็นกองทุนที่เลียนแบบกองทุน LTF เพราะกองทุน LTF เป็นกองทุนที่ใช้เครื่องมือทางการเงินมาลดความเสี่ยงของการลงทุนได้ โดยเตรียมที่จะดำเนินแผนการตลาดเรื่องดังกล่าวในเร็วๆนี้

สำหรับกองทุนเปิดไทยพาณิชย์เพิ่มผลมั่นคง (SCBPMO) ซึ่งมีลักษณะและนโยบายการลงทุนใกล้เคียง กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ หุ้นระยะยาวเอ็มเอไอ (SCBLT3) โดยกองทุนดังกล่าวมีนโนยายลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และมีแนวโน้มที่จะเจริญเติบโตยิ่งขึ้นในอนาคตไม่น้อยกว่า70% ของมูลค่าทรัพย์สินกองทุนรวม ซึ่งรวมถึงหุ้นขนาดเล็กที่อยู่ในSet100 และหุ้นในตลาดเอ็ม เอ ไอ ขณะที่ส่วนที่เหลือจะเข้าลงทุนในหลักทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียน และไม่ได้จดทะเบียนตลอดจนตราสารการเงินอื่นๆ ในสัดส่วนที่เหมาะสมของแต่ละช่วงเวลา

ส่วนผลดำเนินงานกองทุนรวม SCBPMO ที่ผ่านมานั้น กองทุนสามารถให้ผลดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนที่ 0.77% เมื่อเปรียบเทียบกับเกณฑ์มาตรฐาน (ดัชนีตลาดหลักทรัพย์) –0.08% ขณะที่ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 14.92% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐาน 4.00% ย้อนหลัง 1ปี 49.68% เมื่อเทียบเกณฑ์มมาตรฐาน 24.90% และย้อนหลัง 3 ปี 34.37% เมื่อเทียบเกณฑ์มาตรฐาน 14.05%

นายกำพล กล่าวเพิ่มเติมว่าในช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมาภาพรวมของอุตสาหกรรมกองทุนรวม ไม่ได้เติบโตไปมากว่ากัน อาจจะลดลงเล็กน้อยซึ่งเป็นผลมาจากสภาพการแข่งขันระดมทุนเงินฝากของธนาคาร ทำให้ธุรกิจกองทุนไม่ได้ขยายตัวมากนัก แต่เชื่อว่าหลังจากไตรมาส 2 กองทุนรวมน่าจะเติบโตได้มากขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น