บลจ.บัวหลวงคาดกองไพรเวตฟันด์มีบทสรุปไม่เกินสิงหานี้ ก่อนขอไลนเซนต์จาก ก.ล.ต. เหตุติดบอร์ดธนาคารอนุมัติในด้านต่างๆ ทั้งเรื่องการโอนเงินจากพอร์ต และลูกค้าที่ธนาคารดูแลอยู่ มั่นใจนักลงทุนเข้าใจ และเชื่อฝีมือการบริหารงานของบริษัท เนื่องจากมีผลงานที่ชัดเจน ส่วนการขยายฐานลูกค้าเน้นทั้งจากแบงก์ และบลจ.เพิ่มการลงทุนในกองทุนรวม และกองไพรเวตฟันด์
นางวรวรรณ ธาราภูมิ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองหทุน(บลจ.) บัวหลวง จำกัด เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการจัดตั้งกองทุนส่วนบุคคล (Private Fund)ของบริษัทว่า ขณะนี้ยังไม่ได้ทำการยื่นขอใบอนุญาตการจัดตั้งกองทุนกับทางคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) เนื่องจากจะต้องรอผลการประชุมคณะกรรมการของธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ก่อนว่าจะมีมติอย่างไรในเรื่องการจัดตั้งกองทุนส่วนบุคคล และการโอนเงินจากพอร์ตเดิมที่ทางธนาคารฯ บริหารอยู่มาให้ทางบริษัทดูแล
ทั้งนี้ คาดว่าผลการประชุมน่าจะมีข้อสรุปออกมาไม่เกินช่วงเดือนมิถุนายน หรือสิงหาคมปีนี้ โดยหลังจากนั้นบริษัทจะทำการยื่นขอใบอนุญาตจัดตั้งกองทุนดังกล่าวให้ ก.ล.ต. พิจารณาต่อไป
“การขอไลเซนต์จัดตั้งกองไพรเวตฟันด์คงต้องรอก่อน เพราะขั้นตอนมันจะต้องผ่านการประชุมบอร์ดของธนาคารก่อน และเมื่อบอร์ดอนุมัติแล้วจึงจะสามารถยื่นขออนุญาตกับ ก.ล.ต. แต่คาดว่าเดือนมิถุนายน ไม่เกินสิงหาคมนี้น่าจะทำการยื่นขอเรื่องดังกล่าวได้”นางวรวรรณกล่าว
นางวรวรรณ กล่าวอีกว่า การโอนพอร์ตกองทุนส่วนบุคคลของธนาคารกรุงเทพ มาให้ทางบริษัทดูแล เชื่อว่าจะไม่มีปัญหาอะไร เนื่องจากเป็นนโยบายส่วนหนึ่งของทางธนาคารที่ต้องการให้ธุรกิจมีความเข้มแข็งมากขึ้น แต่จะต้องมีการแจ้งให้ลูกค้ารู้ด้วยว่าจะมีการปรับเปลี่ยนการบริหารเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตามเชื่อว่า ลูกค้าเดิมของทางธนาคารน่าจะมีความเชื่อมั่นในการบริหารงานของบริษัท เนื่องจากที่ผ่านมา บริษัทมีผลการดำเนินงานที่ดีในส่วนของกองทุนรวมต่างๆ และเป็นที่ยอมรับของนักลงทุนทั่วไป
“การโอนพอร์ตเดิมให้เราดูแลน่าจะไม่มีปัญหา เพราะแบงก์มีความต้องการให้ทุกธุรกิจมีความแข่งแกร่งอยู่แล้ว แต่ต้องบอกลูกค้าก่อน และลูกค้าเองก็คงเชื่อว่า การประสานงาน 2 ฝ่ายจะมีศักยภาพดี โดยผลงานของบลจ.บัวหลวง แบรนด์มันก็ติดตลาดอยู่แล้ว และผลการดำเนินงานของเราก็ดีด้วยจึงไม่น่ามีปัญหา”นางวรวรรณกล่าว
นางวรวรรณ กล่าวอีกว่า การรักษาฐานลูกค้าเดิมในกองไพรเวทฟันด์นั้นคงจะมีการให้ความสำคัญด้านการบริการในรูปแบบที่ต่างกัน เนื่องจากลูกค้าของกองทุนนี้ส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าที่มีพอร์ตการลงทุนขนาดใหญ่ โดยอาจจะมีการให้คำปรึกษาด้านช่องทางการลงทุนในด้านต่างๆ เพิ่มเติม
“การบริการอาจมีการแยกเป็นเซคเตอร์ และมีรูปแบบแตกต่างกันไป เนื่องจากเป็นลูกค้าระดับไฮเอนด์ ซึ่งอาจมีการให้คำปรึกษาช่องทางการลงทุนเพิ่มเติมให้ในส่วนนี้”นางวรวรรณกล่าว
ส่วนการขยายฐานลูกค้า ทางบริษัทได้มีการเตรียมความพร้อมในเรื่องนี้อยู่แล้ว โดยจะเริ่มต้นขยายฐานลูกค้าทั้งจาก 2 ส่วน คือ ลูกค้าของธนาคารกรุงเทพฯ และลูกค้าของบริษัท ให้กลายมาเป็นกลุ่มเดียวกัน และจะทำให้มีลูกค้าในส่วนของกองทุนส่วนบุคคลขยายการลงทุนเข้ามาลงทุนในกองทุนรวม ขณะที่ลูกค้ากองทุนรวมก็สามารถจัดตั้งกองทุนส่วนบุคคลได้เช่นกัน
ทั้งนี้ หลังจากที่พ.ร.บ.คุ้มครองเงินฝากมีการประกาศใช้เชื่อว่า กองทุนส่วนบุคคลน่าจะมีการเติบโตขึ้นมากกว่าในปัจจุบัน เนื่องจากผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดน่าจะเป็นบุคคลที่มีเงินฝากเกิน 1 ล้านบาทขึ้นไป แต่การขยายตัวคงยังประมาณการณ์ไม่ได้ว่าจะเป็นเท่าไร เนื่องจากยังต้องใช้เวลากว่า พ.ร.บ.ฉบับนี้จะมีผลกระทบจนถึงระดับนั้น
สำหรับกองทุนส่วนบุคคล ของธนาคารกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) จากรายงานของ สมาคมบริษัทจัดการลงทุนในไตรมาสที่ 1 พบว่ามีส่วนแบ่งทางการตลาด(มาร์เกตแชร์) อยู่ในอันดับ 6. มีจำนวนเงินลงทุนรวม 9543.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 277.20 ล้านบาทจากเงินลงทุนรวมเดิม 9,266.25 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 5.33%
ขณะที่ บล.บัวหลวง อยู่ในอันดับ 8. มีจำนวนเงินลงทุนรวม 5760.60 ล้านบาท ลดลง (654.29) ล้านบาทจากเงินลงทุนรวมเดิม 6,414.89 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเปลี่ยนแปลงลดลง 3.22%
นางวรวรรณ ธาราภูมิ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองหทุน(บลจ.) บัวหลวง จำกัด เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการจัดตั้งกองทุนส่วนบุคคล (Private Fund)ของบริษัทว่า ขณะนี้ยังไม่ได้ทำการยื่นขอใบอนุญาตการจัดตั้งกองทุนกับทางคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) เนื่องจากจะต้องรอผลการประชุมคณะกรรมการของธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ก่อนว่าจะมีมติอย่างไรในเรื่องการจัดตั้งกองทุนส่วนบุคคล และการโอนเงินจากพอร์ตเดิมที่ทางธนาคารฯ บริหารอยู่มาให้ทางบริษัทดูแล
ทั้งนี้ คาดว่าผลการประชุมน่าจะมีข้อสรุปออกมาไม่เกินช่วงเดือนมิถุนายน หรือสิงหาคมปีนี้ โดยหลังจากนั้นบริษัทจะทำการยื่นขอใบอนุญาตจัดตั้งกองทุนดังกล่าวให้ ก.ล.ต. พิจารณาต่อไป
“การขอไลเซนต์จัดตั้งกองไพรเวตฟันด์คงต้องรอก่อน เพราะขั้นตอนมันจะต้องผ่านการประชุมบอร์ดของธนาคารก่อน และเมื่อบอร์ดอนุมัติแล้วจึงจะสามารถยื่นขออนุญาตกับ ก.ล.ต. แต่คาดว่าเดือนมิถุนายน ไม่เกินสิงหาคมนี้น่าจะทำการยื่นขอเรื่องดังกล่าวได้”นางวรวรรณกล่าว
นางวรวรรณ กล่าวอีกว่า การโอนพอร์ตกองทุนส่วนบุคคลของธนาคารกรุงเทพ มาให้ทางบริษัทดูแล เชื่อว่าจะไม่มีปัญหาอะไร เนื่องจากเป็นนโยบายส่วนหนึ่งของทางธนาคารที่ต้องการให้ธุรกิจมีความเข้มแข็งมากขึ้น แต่จะต้องมีการแจ้งให้ลูกค้ารู้ด้วยว่าจะมีการปรับเปลี่ยนการบริหารเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตามเชื่อว่า ลูกค้าเดิมของทางธนาคารน่าจะมีความเชื่อมั่นในการบริหารงานของบริษัท เนื่องจากที่ผ่านมา บริษัทมีผลการดำเนินงานที่ดีในส่วนของกองทุนรวมต่างๆ และเป็นที่ยอมรับของนักลงทุนทั่วไป
“การโอนพอร์ตเดิมให้เราดูแลน่าจะไม่มีปัญหา เพราะแบงก์มีความต้องการให้ทุกธุรกิจมีความแข่งแกร่งอยู่แล้ว แต่ต้องบอกลูกค้าก่อน และลูกค้าเองก็คงเชื่อว่า การประสานงาน 2 ฝ่ายจะมีศักยภาพดี โดยผลงานของบลจ.บัวหลวง แบรนด์มันก็ติดตลาดอยู่แล้ว และผลการดำเนินงานของเราก็ดีด้วยจึงไม่น่ามีปัญหา”นางวรวรรณกล่าว
นางวรวรรณ กล่าวอีกว่า การรักษาฐานลูกค้าเดิมในกองไพรเวทฟันด์นั้นคงจะมีการให้ความสำคัญด้านการบริการในรูปแบบที่ต่างกัน เนื่องจากลูกค้าของกองทุนนี้ส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าที่มีพอร์ตการลงทุนขนาดใหญ่ โดยอาจจะมีการให้คำปรึกษาด้านช่องทางการลงทุนในด้านต่างๆ เพิ่มเติม
“การบริการอาจมีการแยกเป็นเซคเตอร์ และมีรูปแบบแตกต่างกันไป เนื่องจากเป็นลูกค้าระดับไฮเอนด์ ซึ่งอาจมีการให้คำปรึกษาช่องทางการลงทุนเพิ่มเติมให้ในส่วนนี้”นางวรวรรณกล่าว
ส่วนการขยายฐานลูกค้า ทางบริษัทได้มีการเตรียมความพร้อมในเรื่องนี้อยู่แล้ว โดยจะเริ่มต้นขยายฐานลูกค้าทั้งจาก 2 ส่วน คือ ลูกค้าของธนาคารกรุงเทพฯ และลูกค้าของบริษัท ให้กลายมาเป็นกลุ่มเดียวกัน และจะทำให้มีลูกค้าในส่วนของกองทุนส่วนบุคคลขยายการลงทุนเข้ามาลงทุนในกองทุนรวม ขณะที่ลูกค้ากองทุนรวมก็สามารถจัดตั้งกองทุนส่วนบุคคลได้เช่นกัน
ทั้งนี้ หลังจากที่พ.ร.บ.คุ้มครองเงินฝากมีการประกาศใช้เชื่อว่า กองทุนส่วนบุคคลน่าจะมีการเติบโตขึ้นมากกว่าในปัจจุบัน เนื่องจากผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดน่าจะเป็นบุคคลที่มีเงินฝากเกิน 1 ล้านบาทขึ้นไป แต่การขยายตัวคงยังประมาณการณ์ไม่ได้ว่าจะเป็นเท่าไร เนื่องจากยังต้องใช้เวลากว่า พ.ร.บ.ฉบับนี้จะมีผลกระทบจนถึงระดับนั้น
สำหรับกองทุนส่วนบุคคล ของธนาคารกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) จากรายงานของ สมาคมบริษัทจัดการลงทุนในไตรมาสที่ 1 พบว่ามีส่วนแบ่งทางการตลาด(มาร์เกตแชร์) อยู่ในอันดับ 6. มีจำนวนเงินลงทุนรวม 9543.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 277.20 ล้านบาทจากเงินลงทุนรวมเดิม 9,266.25 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 5.33%
ขณะที่ บล.บัวหลวง อยู่ในอันดับ 8. มีจำนวนเงินลงทุนรวม 5760.60 ล้านบาท ลดลง (654.29) ล้านบาทจากเงินลงทุนรวมเดิม 6,414.89 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเปลี่ยนแปลงลดลง 3.22%
