บลจ.ไอเอ็นจีเข็นกองทุนพันธบัตรเกาหลีใต้กองที่ 3 "ไอเอ็นจี ไทย อินเตอร์เนชั่นแนล อินคัม 3" รองรับความต้องการลูกค้าต่อเนื่อง ให้ผลตอบแทน 3.55-3.65% ไอพีโอถึง 30 เม.ย.นี้ ด้านผู้บริหารมั่นใจดีมานต์นักลงทุนสูงไม่จำเป็นต้องเพิ่งใช้กลยุทธ์ดึงลูกค้าแม้จะมีกองบอนด์โสมเกลื่อนตลาด
นายจุมพล สายมาลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทจะมีการเปิดจำหน่ายหน่วยลงทุนของกองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทย อินเตอร์เนชั่นแนล อินคัม 3 ซึ่งยังคงเป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในพันธบัตรที่ออกโดยรัฐบาลเกาหลีใต้ ในระหว่างวันที่ 23-30 เมษายน 2551 อายุโครงการประมาณ 1 ปี นับตั้งแต่วันที่จดทะเบียนกองทรัพย์สินเป็นกองทุนรวม มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท และคาดการณ์ผลตอบแทนประมาณ 3.55-3.65%
สำหรับกองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทย อินเตอร์เนชั่นแนล อินคัม 3 เป็นกองทุนรวมผสมแบบไม่ลงทุนในตราสารทุน ประเภทรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติ ที่มีการกระจายการลงทุนน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน (Specific fund) และมีนโยบายการลงทุนในตราสารแห่งหนี้เงินฝาก และตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structures Note) หรือ Credit Linked Note ที่ออก รับรอง รับอาวัล หรือค้ำประกันการจ่ายเงินโดยภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน และสถาบันการเงินต่างประเทศ
โดยตราสารดังกล่าวได้รับอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหรือของผู้ออกตราสาร จากสถาบันการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ได้รับการยอมรับจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (investment grad) ไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ซึ่งตราสารส่วนใหญ่ที่กองทุนลงทุนจะมีอายุคงเหลือประมาณ 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ลงทุน
ทั้งนี้กรณีที่กองทุนคาดว่าจะไม่สามารถซื้อตราสารที่มีอายุคงเหลือดังกล่าวได้ครบตามจำนวนที่ต้องการ กองทุนจะเข้าลงทุนในตราสารที่มีอายุยาวกว่า 1 ปี โดยจะเข้าทำสัญญาขายตราสารดังกล่าวล่วงหน้าตั้งแต่วันที่ลงทุนในตราสารเพื่อให้อายุของสัญญาสอดคล้องกับวันรับซื้อคืนหน่วยลงทุน ซึ่งกำหนดไว้ประมาณ 1 ปี
ส่วนในภาวะปกติ กองทุนจะนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน เว้นแต่ในช่วงระหว่างรอการลงทุน ซึ่งมีระยะเวลาประมาณ 15 วัน นับตั้งแต่วันถัดจากวันจดทะเบียนกองทรัพย์สิน และในช่วงระยะก่อนเลิกโครงการ สัดส่วนการลงทุนในต่างประเทศอาจต่ำกว่ากำหนดไว้ในโครงการตามข้างต้นได้
ขณะเดียวกันเงินทุนส่วนที่เหลือจะลงทุนในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นหรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่น ที่ไม่ขัดต่อประกาศของก.ล.ต. และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้กองทุนอาจเข้าทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) ที่มีตัวแปรเป็นอัตราแลกเปลี่ยน โดยมีวัตุประสงค์เพื่อป้องกันความเสี่ยง (hedging) หรืออาจเข้าทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านราคาของตราสาร
นายจุมพล กล่าวว่า แม้ว่าปัจจุบันจะมีบลจ.หลายแห่งออกกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในพันธบัตรเกาหลีจำนวนมาก แต่ปริมาณความต้องการ (demand) ในตลาดต่อการกองทุนประเภทดังกล่าวยังคงมีอยู่ในระดับสูง ทำให้บริษัทไม่มีความจำเป็นต้องใช้กลยุทธ์การตลาดเป็นพิเศษเพื่อดึงเงินฝากของลูกค้า
"สินค้าประเภทนี้มันสามารถขายได้ด้วยตัวเอง เพราะนักลงทุนสามารถเทียบผลตอบแทนกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก เหมือนกับกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดยสถาบันการเงินยุโรป (ECP) ที่เป็นที่นิยมก่อนหน้านี้ ซึ่งในส่วนของกองทุน ECP ของบริษัทเองก็ทยอยครบกำหนด ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ที่เคยลงทุนในกอง ECP ก็จะนำมาลงทุนในกองทุนเกาหลีต่อเนื่องแทน " นายจุมพล กล่าว
นายจุมพล สายมาลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทจะมีการเปิดจำหน่ายหน่วยลงทุนของกองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทย อินเตอร์เนชั่นแนล อินคัม 3 ซึ่งยังคงเป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในพันธบัตรที่ออกโดยรัฐบาลเกาหลีใต้ ในระหว่างวันที่ 23-30 เมษายน 2551 อายุโครงการประมาณ 1 ปี นับตั้งแต่วันที่จดทะเบียนกองทรัพย์สินเป็นกองทุนรวม มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท และคาดการณ์ผลตอบแทนประมาณ 3.55-3.65%
สำหรับกองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทย อินเตอร์เนชั่นแนล อินคัม 3 เป็นกองทุนรวมผสมแบบไม่ลงทุนในตราสารทุน ประเภทรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติ ที่มีการกระจายการลงทุนน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน (Specific fund) และมีนโยบายการลงทุนในตราสารแห่งหนี้เงินฝาก และตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structures Note) หรือ Credit Linked Note ที่ออก รับรอง รับอาวัล หรือค้ำประกันการจ่ายเงินโดยภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน และสถาบันการเงินต่างประเทศ
โดยตราสารดังกล่าวได้รับอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหรือของผู้ออกตราสาร จากสถาบันการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ได้รับการยอมรับจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (investment grad) ไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ซึ่งตราสารส่วนใหญ่ที่กองทุนลงทุนจะมีอายุคงเหลือประมาณ 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ลงทุน
ทั้งนี้กรณีที่กองทุนคาดว่าจะไม่สามารถซื้อตราสารที่มีอายุคงเหลือดังกล่าวได้ครบตามจำนวนที่ต้องการ กองทุนจะเข้าลงทุนในตราสารที่มีอายุยาวกว่า 1 ปี โดยจะเข้าทำสัญญาขายตราสารดังกล่าวล่วงหน้าตั้งแต่วันที่ลงทุนในตราสารเพื่อให้อายุของสัญญาสอดคล้องกับวันรับซื้อคืนหน่วยลงทุน ซึ่งกำหนดไว้ประมาณ 1 ปี
ส่วนในภาวะปกติ กองทุนจะนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน เว้นแต่ในช่วงระหว่างรอการลงทุน ซึ่งมีระยะเวลาประมาณ 15 วัน นับตั้งแต่วันถัดจากวันจดทะเบียนกองทรัพย์สิน และในช่วงระยะก่อนเลิกโครงการ สัดส่วนการลงทุนในต่างประเทศอาจต่ำกว่ากำหนดไว้ในโครงการตามข้างต้นได้
ขณะเดียวกันเงินทุนส่วนที่เหลือจะลงทุนในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นหรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่น ที่ไม่ขัดต่อประกาศของก.ล.ต. และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้กองทุนอาจเข้าทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) ที่มีตัวแปรเป็นอัตราแลกเปลี่ยน โดยมีวัตุประสงค์เพื่อป้องกันความเสี่ยง (hedging) หรืออาจเข้าทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านราคาของตราสาร
นายจุมพล กล่าวว่า แม้ว่าปัจจุบันจะมีบลจ.หลายแห่งออกกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในพันธบัตรเกาหลีจำนวนมาก แต่ปริมาณความต้องการ (demand) ในตลาดต่อการกองทุนประเภทดังกล่าวยังคงมีอยู่ในระดับสูง ทำให้บริษัทไม่มีความจำเป็นต้องใช้กลยุทธ์การตลาดเป็นพิเศษเพื่อดึงเงินฝากของลูกค้า
"สินค้าประเภทนี้มันสามารถขายได้ด้วยตัวเอง เพราะนักลงทุนสามารถเทียบผลตอบแทนกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก เหมือนกับกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดยสถาบันการเงินยุโรป (ECP) ที่เป็นที่นิยมก่อนหน้านี้ ซึ่งในส่วนของกองทุน ECP ของบริษัทเองก็ทยอยครบกำหนด ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ที่เคยลงทุนในกอง ECP ก็จะนำมาลงทุนในกองทุนเกาหลีต่อเนื่องแทน " นายจุมพล กล่าว
