ช่วงนี้อากาศร้อนก็จริงนะครับ เเต่ก็ยังพอมีฝนตกลงใสให้ชุ่มฉ่ำกันบ้าง หวังว่าผู้อ่านคงดูเเลสุขภาพกันนะครับ วันนี้ทางทีมงานได้เห็นคำถามดีๆของท่านหนึ่งที่มาโพสต์ถามเจ้าหน้าที่ของสมาคมบริษัทจัดการกองทุน เรื่องของกองทุนหุ้นระยะยาวหรือ LTF ทางทีมงานจึงขอหยิบยกมาให้ท่านผู้อ่านได้ลองติดตามดูนะครับ
ถาม - ถ้าต้องการจะลงทุนจำเป็นไหมครับต้องอบรมลึเปล่าครับ และต้องซื้อช่วงไหนดีครับ จะต้องมีคุณสมบัติของผู้ลงทุนอย่างไรบ้างครับ ขอบคุณครับ มือใหม่
ตอบ - ทางสมาคมบริษัทจัดการกองทุน ได้ตอบไว้ดังนี้ครับ การลงทุนในหลักทรัพย์หรือตราสารใดๆ คงจะไม่ได้มีการบังคับให้ผู้ลงทุนจะต้องไปรับการอบรมหรือเรียนอะไรมาก่อนนะครับ แต่ผู้ที่จะลงทุนในหลักทรัพย์หรือตราสารใดๆ นั้นจะต้องรับผิดชอบตัวเองที่ควรจะหาความรู้และศึกษาในเรื่องหลักทรัพย์หรือตราสารนั้นๆ ให้เข้าใจก่อนที่จะลงทุนครับ ในที่นี้ก็รวมถึงกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ด้วยครับ
ผู้ที่จะลงทุนในกองทุนรวม LTF นั้นไม่ได้มีข้อจำกัดไว้ครับ จะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลก็ได้ จะเป็นไทยหรือต่างชาติก็ได้ เพียงแต่การลงทุนในกองทุนรวม LTF จะมีภาระภาษีที่เกิดจากการลงทุนซึ่งต่างจากกองทุนรวมโดยทั่วๆ ไปที่เงินได้จากการลงทุนจะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้จากการลงทุน เว้นแต่กรณีที่ผู้ลงทุนเป็นบุคคลธรรมดาแล้วได้ลงทุนภายใต้หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการที่กรมสรรพกรกำหนดไว้เท่านั้นจึงจะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้จากการลงทุน รวมทั้งผู้มีเงินได้ที่เป็นบุคคลธรรมดานั้นยังสามารถนำเงินที่ลงทุนไว้ในแต่ละปีภาษีไปใช้หักลดหย่อนกับเงินได้ในตอนคำนวณเงินได้เพื่อเสียภาษีในปีภาษีนั้นได้ด้วยภายใต้หลักเกฑณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการที่กรมสรรพากรกำหนดไว้ โดยหลักเกณฑ์ในการลงทุนเพื่อให้ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีในกองทุนรวม LTF มีดังนี้ คือ
1. ผู้มีเงินได้ที่เป็นบุคคลธรรมดาไม่รวมถึงคณะบุคคล สามารถนำเงินค่าซื้อไปใช้สิทธิหักลดหย่อนกับเงินได้ในแต่ละปีภาษีได้ไม่เกิน 15% ของเงินได้ตามมาตรา 40 ที่นำมาแสดงในแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ประจำปีนั้นๆ แต่ทั้งนี้จะต้องไม่เกิน 500,0000 บาท
2. ผู้มีเงินได้ที่เป็นบุคคลธรรมดาไม่รวมถึงคณะบุคคล จะต้องถือหน่วยลงทุนในกองทุนรวม LTF ที่ได้ลงทุนไว้นั้นเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปีปฏิทิน (เศษของปีให้สามารถนับเป็น 1 ปีปฏิทินได้) จึงจะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้จากกำไรที่เกิดจากการลงทุน และได้รับยกเว้นไม่ต้องคืนสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่เคยได้รับยกเว้นไว้ตามข้อ1. แต่หากมีการขายคืนก่อนระยะเวลาที่กำหนด ผู้มีเงินได้ก็มีหน้าที่ที่จะต้องเสียภาษีกำไรที่เกิดจากการลงทุนรวมทั้งคืนสิทธิลดหย่อนภาษีที่เคยได้รับจากการลงทุนนั้นตามขอ้ 1 ให้กับกรมสรรพากรพร้อมเงินเพิ่มครับ
ส่วนว่าการซื้อจะซื้อช่วงไหนดีคงจะตอบไม่ได้ครับ เพราะการลงทุนนั้นจะขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ลงทุนว่า ต้องการลงทุนเพื่ออะไร เช่น ถ้าสนใจและต้องการแต่เรื่องการลดหย่อนภาษีเงินได้ การซื้อให้ใกล้สิ้นปีและหรือได้ของกำนัลพิเศษที่มากที่สุดก็น่าจะดีที่สุดกับผู้ลงทุนนั้น แต่ถ้าต้องการผลตอบแทนจากการลงทุนด้วยนอกจากการนำไปใช้สิทธิลดหย่อนภาษีด้วย ผู้ลทุนก็อาจจะเลือกวิธีการลงทุนได้ทั้งการจับจังหวะการลงทุนในขณะที่ระดับราคาต่ำสุด โดยเบื้องต้นอาจจะดูจากทิศทางของดัชนีของตลาดหลักทรัพย์เป็นเกณฑ์
เนื่องจากกองทุนรวม LTF ถูกกำหนดให้จะต้องมีการลงทุนในหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 หรือถ้าจะให้ดีกว่านั้นก็ต้องดูรายละเอียดลึกลงไปในแต่ละหลักทรัพย์ว่าราคาตลาดในขณะนั้นอยู่ในระดับต่ำหรือสูงอยู่ หรือหากจะใช้วิธีการลงทุนแบบ Dollar Cost Average คือ ลงทุนในจำนวนที่กำหนดตามระยะเวลาที่กำหนดไว้อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งจากสถิติการศึกษามีการกล่าวว่าการลงทุนในรูปแบบนี้มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่าการเลือกจับจังหวะการลงทุนครับ
ขอบคุณสมาคมบริษัทจัดการกองทุน มากนะครับ ท่านผู้อ่านท่านใดที่มีข้อสงสัยเรื่องกองทุนรวม สามารถส่งคำถามมาได้ที่ fund@manager.co.th หรือโพสต์ข้อความไว้ที่หน้า กองทุนรวม www.manager.co.th ทางเรายินดีที่จะตอบคำถามให้ครับ
ถาม - ถ้าต้องการจะลงทุนจำเป็นไหมครับต้องอบรมลึเปล่าครับ และต้องซื้อช่วงไหนดีครับ จะต้องมีคุณสมบัติของผู้ลงทุนอย่างไรบ้างครับ ขอบคุณครับ มือใหม่
ตอบ - ทางสมาคมบริษัทจัดการกองทุน ได้ตอบไว้ดังนี้ครับ การลงทุนในหลักทรัพย์หรือตราสารใดๆ คงจะไม่ได้มีการบังคับให้ผู้ลงทุนจะต้องไปรับการอบรมหรือเรียนอะไรมาก่อนนะครับ แต่ผู้ที่จะลงทุนในหลักทรัพย์หรือตราสารใดๆ นั้นจะต้องรับผิดชอบตัวเองที่ควรจะหาความรู้และศึกษาในเรื่องหลักทรัพย์หรือตราสารนั้นๆ ให้เข้าใจก่อนที่จะลงทุนครับ ในที่นี้ก็รวมถึงกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ด้วยครับ
ผู้ที่จะลงทุนในกองทุนรวม LTF นั้นไม่ได้มีข้อจำกัดไว้ครับ จะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลก็ได้ จะเป็นไทยหรือต่างชาติก็ได้ เพียงแต่การลงทุนในกองทุนรวม LTF จะมีภาระภาษีที่เกิดจากการลงทุนซึ่งต่างจากกองทุนรวมโดยทั่วๆ ไปที่เงินได้จากการลงทุนจะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้จากการลงทุน เว้นแต่กรณีที่ผู้ลงทุนเป็นบุคคลธรรมดาแล้วได้ลงทุนภายใต้หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการที่กรมสรรพกรกำหนดไว้เท่านั้นจึงจะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้จากการลงทุน รวมทั้งผู้มีเงินได้ที่เป็นบุคคลธรรมดานั้นยังสามารถนำเงินที่ลงทุนไว้ในแต่ละปีภาษีไปใช้หักลดหย่อนกับเงินได้ในตอนคำนวณเงินได้เพื่อเสียภาษีในปีภาษีนั้นได้ด้วยภายใต้หลักเกฑณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการที่กรมสรรพากรกำหนดไว้ โดยหลักเกณฑ์ในการลงทุนเพื่อให้ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีในกองทุนรวม LTF มีดังนี้ คือ
1. ผู้มีเงินได้ที่เป็นบุคคลธรรมดาไม่รวมถึงคณะบุคคล สามารถนำเงินค่าซื้อไปใช้สิทธิหักลดหย่อนกับเงินได้ในแต่ละปีภาษีได้ไม่เกิน 15% ของเงินได้ตามมาตรา 40 ที่นำมาแสดงในแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ประจำปีนั้นๆ แต่ทั้งนี้จะต้องไม่เกิน 500,0000 บาท
2. ผู้มีเงินได้ที่เป็นบุคคลธรรมดาไม่รวมถึงคณะบุคคล จะต้องถือหน่วยลงทุนในกองทุนรวม LTF ที่ได้ลงทุนไว้นั้นเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปีปฏิทิน (เศษของปีให้สามารถนับเป็น 1 ปีปฏิทินได้) จึงจะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้จากกำไรที่เกิดจากการลงทุน และได้รับยกเว้นไม่ต้องคืนสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่เคยได้รับยกเว้นไว้ตามข้อ1. แต่หากมีการขายคืนก่อนระยะเวลาที่กำหนด ผู้มีเงินได้ก็มีหน้าที่ที่จะต้องเสียภาษีกำไรที่เกิดจากการลงทุนรวมทั้งคืนสิทธิลดหย่อนภาษีที่เคยได้รับจากการลงทุนนั้นตามขอ้ 1 ให้กับกรมสรรพากรพร้อมเงินเพิ่มครับ
ส่วนว่าการซื้อจะซื้อช่วงไหนดีคงจะตอบไม่ได้ครับ เพราะการลงทุนนั้นจะขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ลงทุนว่า ต้องการลงทุนเพื่ออะไร เช่น ถ้าสนใจและต้องการแต่เรื่องการลดหย่อนภาษีเงินได้ การซื้อให้ใกล้สิ้นปีและหรือได้ของกำนัลพิเศษที่มากที่สุดก็น่าจะดีที่สุดกับผู้ลงทุนนั้น แต่ถ้าต้องการผลตอบแทนจากการลงทุนด้วยนอกจากการนำไปใช้สิทธิลดหย่อนภาษีด้วย ผู้ลทุนก็อาจจะเลือกวิธีการลงทุนได้ทั้งการจับจังหวะการลงทุนในขณะที่ระดับราคาต่ำสุด โดยเบื้องต้นอาจจะดูจากทิศทางของดัชนีของตลาดหลักทรัพย์เป็นเกณฑ์
เนื่องจากกองทุนรวม LTF ถูกกำหนดให้จะต้องมีการลงทุนในหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 หรือถ้าจะให้ดีกว่านั้นก็ต้องดูรายละเอียดลึกลงไปในแต่ละหลักทรัพย์ว่าราคาตลาดในขณะนั้นอยู่ในระดับต่ำหรือสูงอยู่ หรือหากจะใช้วิธีการลงทุนแบบ Dollar Cost Average คือ ลงทุนในจำนวนที่กำหนดตามระยะเวลาที่กำหนดไว้อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งจากสถิติการศึกษามีการกล่าวว่าการลงทุนในรูปแบบนี้มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่าการเลือกจับจังหวะการลงทุนครับ
ขอบคุณสมาคมบริษัทจัดการกองทุน มากนะครับ ท่านผู้อ่านท่านใดที่มีข้อสงสัยเรื่องกองทุนรวม สามารถส่งคำถามมาได้ที่ fund@manager.co.th หรือโพสต์ข้อความไว้ที่หน้า กองทุนรวม www.manager.co.th ทางเรายินดีที่จะตอบคำถามให้ครับ