บลจ.แอสเซทพลัสชี้ภาวะตลาดตราสารหนี้ผันผวนสูง คาดปีนี้รัฐบาลจะออกพันธบัตรเพื่อนำไปลงทุนในเมกะโปรเจกต์หนุนให้อัตราผลตอบแทนสูงขึ้น ชิงจังหวะคลอดพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้อีก 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดแอสเซทพลัสพรีเมี่ยม คาดว่าให้ผลตอบแทน 3.75% เปิดไอพีโอ 16-23 เม.ย. และกองทุนเปิดเอฟไอเอฟตราสารหนี้ 6M4 คาดว่าให้ผลตอบแทน 3.40% เปิดไอพีโอ 17-24 เม.ย.
นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แอสเซท พลัส จำกัด เปิดเผยว่า ภาวะตลาดตราสารหนี้ในปัจจุบันมีความผันผวนค่อนข้างสูงนั้น เนื่องจากตลาดได้คาดการณ์ว่าคณะกรรมการนโยบายทางการเงิน (กนง.) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ทำให้ผลตอบแทนของตราสารหนี้ในประเทศได้ปรับตัวลดลงไปแล้ว แต่เมื่อตัวเลขเงินเฟ้อในช่วงไตรมาสแรกออกมาสูงเกินกว่าการคาดการณ์ ตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยังคงอยู่ในระดับที่ดีอยู่ ประกอบกับการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยจากการประชุมเมื่อวันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา และมีแนวโน้มว่าจะยังไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามประเทศอื่นๆ จึงส่งผลให้ผลตอบแทนของตราสารหนี้ในประเทศมีความผันผวน
“ในมุมมองของแอสเซท พลัส คาดว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้ น่าจะยังทรงตัวอยู่ในระดับนี้ หรืออาจปรับตัวลดลงกว่านี้อีกเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ในปีนี้คาดว่าจะมี Supply จากการออกพันธบัตรรัฐบาลที่รัฐต้องการกู้จากประชาชน เพื่อนำไปลงทุนในโครงการเมกะโปรเจกต์ ซึ่งคาดว่าน่าจะมีจำนวนมากพอสมควร ซึ่งจะส่งผลให้อัตราผลตอบแทนปรับตัวสูงขึ้น”
ทั้งนี้ จากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลลดลงอย่างต่อเนื่อง จากระดับ 3.53% ในช่วงต้นปีมาอยู่ที่ระดับประมาณ 2.80-2.90% ทำให้ผู้ลงทุนส่วนหนึ่งให้ความสนใจในพันธบัตรรัฐบาลประเทศเกาหลีใต้ เนื่องจากเป็นประเทศที่มีพื้นฐานทางเศรษฐกิจแข็งแกร่งโดยได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับ AA จาก Standard & Poor's Ratings Services (S&P) และเป็นตราสารที่มีสภาพคล่อง นอกจากนี้ หลังจากปิดความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนแล้วยังสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า
นางสาวจารุลักษณ์ กล่าวว่า ในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมา ประเทศเกาหลีใต้มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระดับค่อนข้างสูงประมาณ 5% ทำให้การขยายตัวของสินเชื่อสูง และส่งผลกระทบให้อัตราส่วนเงินกู้ต่อเงินฝาก (Loan/Deposit Ratio) ของภาคธนาคารปรับตัวสูงขึ้นกว่า 130% ในช่วงปลายปี 2007 ประกอบกับการดำเนินนโยบายการเงินภายในประเทศ ทำให้เกิดการขาดแคลนเงินทุนในรูปของเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) ทำให้เกิดช่องทางผลตอบแทนที่สูงกว่าจากส่วนต่างดอกเบี้ยจากและอัตราแลกเปลี่ยน โดยปัจจุบันพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีอายุ 6 เดือน ถึง 1 ปี ผลตอบแทนอยู่ที่ประมาณ 5.00% หลังจากหักภาษี และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เช่น การป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนแล้ว ทำให้ผลตอบแทน 1 ปี อยู่ในระดับ 3.70-3.80%
ดังนั้น บริษัทฯ จึงยังคงเสนอขายกองทุนที่ลงทุนในพันธบัตรประเทศเกาหลีใต้อีก 2 กองทุน คือ กองทุนเปิดแอสเซทพลัสพรีเมี่ยม 12M (ASP-P12M) รอบระยะเวลาการลงทุนทุกประมาณ 1 ปี คาดว่าจะสามารถให้ผลตอบแทนประมาณ 3.75% โดยจะเสนอขายวันที่ 16-23 เมษายน และกองทุนเปิดเอฟไอเอฟตราสารหนี้ 6M4 (FIF-FIXED6M4) รอบระยะเวลาการลงทุนทุก 6 เดือนโดยประมาณ คาดว่าจะสามารถให้ผลตอบแทนประมาณ 3.40% เสนอขายระหว่างวันที่ 17-24 เมษายน เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า
อย่างไรก็ตาม ในส่วนผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศ บริษัทฯ มีกองทุนตราสารหนี้ในประเทศที่สามารถรองรับการลงทุนดังกล่าว ได้แก่ กองทุนเปิดแอสเซทพลัสทรัพย์มั่นคง 2 (ASP-SIF2) เปิดเสนอขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอีกครั้งในวันที่ 18 เมษายน โดยมีอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยจากการลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศที่มีอันดับความน่าเชื่อถือระดับ A-ขึ้นไปจากพอร์ตการลงทุนปัจจุบันอยู่ในระดับประมาณ 2.70-2.80% และกองทุนที่มีรอบการลงทุนสั้น ๆ ทุก 3 เดือน ได้แก่ กองทุนเปิดแอสเซทพลัสทวีเงินออม 1 เสนอขายในวันที่ 25 เมษายน และกองทุนเปิดพันธบัตรคุ้มครองเงินต้น 3M1 เสนอขายในวันที่ 28 เมษายน
นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แอสเซท พลัส จำกัด เปิดเผยว่า ภาวะตลาดตราสารหนี้ในปัจจุบันมีความผันผวนค่อนข้างสูงนั้น เนื่องจากตลาดได้คาดการณ์ว่าคณะกรรมการนโยบายทางการเงิน (กนง.) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ทำให้ผลตอบแทนของตราสารหนี้ในประเทศได้ปรับตัวลดลงไปแล้ว แต่เมื่อตัวเลขเงินเฟ้อในช่วงไตรมาสแรกออกมาสูงเกินกว่าการคาดการณ์ ตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยังคงอยู่ในระดับที่ดีอยู่ ประกอบกับการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยจากการประชุมเมื่อวันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา และมีแนวโน้มว่าจะยังไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามประเทศอื่นๆ จึงส่งผลให้ผลตอบแทนของตราสารหนี้ในประเทศมีความผันผวน
“ในมุมมองของแอสเซท พลัส คาดว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้ น่าจะยังทรงตัวอยู่ในระดับนี้ หรืออาจปรับตัวลดลงกว่านี้อีกเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ในปีนี้คาดว่าจะมี Supply จากการออกพันธบัตรรัฐบาลที่รัฐต้องการกู้จากประชาชน เพื่อนำไปลงทุนในโครงการเมกะโปรเจกต์ ซึ่งคาดว่าน่าจะมีจำนวนมากพอสมควร ซึ่งจะส่งผลให้อัตราผลตอบแทนปรับตัวสูงขึ้น”
ทั้งนี้ จากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลลดลงอย่างต่อเนื่อง จากระดับ 3.53% ในช่วงต้นปีมาอยู่ที่ระดับประมาณ 2.80-2.90% ทำให้ผู้ลงทุนส่วนหนึ่งให้ความสนใจในพันธบัตรรัฐบาลประเทศเกาหลีใต้ เนื่องจากเป็นประเทศที่มีพื้นฐานทางเศรษฐกิจแข็งแกร่งโดยได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับ AA จาก Standard & Poor's Ratings Services (S&P) และเป็นตราสารที่มีสภาพคล่อง นอกจากนี้ หลังจากปิดความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนแล้วยังสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า
นางสาวจารุลักษณ์ กล่าวว่า ในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมา ประเทศเกาหลีใต้มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระดับค่อนข้างสูงประมาณ 5% ทำให้การขยายตัวของสินเชื่อสูง และส่งผลกระทบให้อัตราส่วนเงินกู้ต่อเงินฝาก (Loan/Deposit Ratio) ของภาคธนาคารปรับตัวสูงขึ้นกว่า 130% ในช่วงปลายปี 2007 ประกอบกับการดำเนินนโยบายการเงินภายในประเทศ ทำให้เกิดการขาดแคลนเงินทุนในรูปของเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) ทำให้เกิดช่องทางผลตอบแทนที่สูงกว่าจากส่วนต่างดอกเบี้ยจากและอัตราแลกเปลี่ยน โดยปัจจุบันพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีอายุ 6 เดือน ถึง 1 ปี ผลตอบแทนอยู่ที่ประมาณ 5.00% หลังจากหักภาษี และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เช่น การป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนแล้ว ทำให้ผลตอบแทน 1 ปี อยู่ในระดับ 3.70-3.80%
ดังนั้น บริษัทฯ จึงยังคงเสนอขายกองทุนที่ลงทุนในพันธบัตรประเทศเกาหลีใต้อีก 2 กองทุน คือ กองทุนเปิดแอสเซทพลัสพรีเมี่ยม 12M (ASP-P12M) รอบระยะเวลาการลงทุนทุกประมาณ 1 ปี คาดว่าจะสามารถให้ผลตอบแทนประมาณ 3.75% โดยจะเสนอขายวันที่ 16-23 เมษายน และกองทุนเปิดเอฟไอเอฟตราสารหนี้ 6M4 (FIF-FIXED6M4) รอบระยะเวลาการลงทุนทุก 6 เดือนโดยประมาณ คาดว่าจะสามารถให้ผลตอบแทนประมาณ 3.40% เสนอขายระหว่างวันที่ 17-24 เมษายน เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า
อย่างไรก็ตาม ในส่วนผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศ บริษัทฯ มีกองทุนตราสารหนี้ในประเทศที่สามารถรองรับการลงทุนดังกล่าว ได้แก่ กองทุนเปิดแอสเซทพลัสทรัพย์มั่นคง 2 (ASP-SIF2) เปิดเสนอขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอีกครั้งในวันที่ 18 เมษายน โดยมีอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยจากการลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศที่มีอันดับความน่าเชื่อถือระดับ A-ขึ้นไปจากพอร์ตการลงทุนปัจจุบันอยู่ในระดับประมาณ 2.70-2.80% และกองทุนที่มีรอบการลงทุนสั้น ๆ ทุก 3 เดือน ได้แก่ กองทุนเปิดแอสเซทพลัสทวีเงินออม 1 เสนอขายในวันที่ 25 เมษายน และกองทุนเปิดพันธบัตรคุ้มครองเงินต้น 3M1 เสนอขายในวันที่ 28 เมษายน