2 บลจ.ออกกองบอนด์ในประเทศเอาใจนักลงทุน พรีมาเวสท์ ส่ง KPG13 คุ้มครองเงินต้นระยะเวลา 1 ปี ดึงลูกค้าพรีเมี่ยม วงเงินลงทุนขั้นต่ำ 5 หมื่นบาท ขณะที่"KTAM"มองแนวโน้มผลตอบแทนพันธบัตรอาจปรับตัวสูงขึ้น ส่ง KTST3M36 อายุโครงการ 3 เดือน จับลูกค้าชอบลงทุนระยะสั้น รับผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝาก
นายเพิ่มพล ประเสริฐล้ำ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม พรีมาเวสท์ จำกัด บริษัทฯ ในเครือธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 10-18 มีนาคมนี้บริษัทจะเปิดเสนอขายหน่วยลงทุนกองทุนประเภทคุ้มครองเงินต้น“กองทุนเปิดกรุงศรี-พรีมาเวสท์พันธบัตรรัฐบาลคุ้มครองเงินต้น 13 หรือ KPG13” ที่มีระยะเวลาการลงทุนประมาณ 1 ปี และมีวงเงินลงทุนขั้นต่ำ 50,000 บาท เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในกองทุนที่ความเสี่ยงต่ำ
“พรีมาเวสท์ ยังคงให้ความสำคัญกับการลงทุนในตราสารที่มีความเสี่ยงต่ำ และเพื่อเป็นการตอบสนองความต้องการของผู้ลงทุน ที่ต้องการโอกาสได้รับผลตอบแทนสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำของธนาคารพาณิชย์ บริษัทจึงส่งกองทุนเปิดกรุงศรี-พรีมาเวสท์พันธบัตรรัฐบาลคุ้มครองเงินต้น 13 ออกมาเสนอขายแก่ผู้ลงทุน"นายเพิ่มพลกล่าว
สำหรับนโยบายการลงทุนของกองทุนนี้จะเน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐบาล และหรือเงินฝากในธนาคารพาณิชย์ หรือบัตรเงินฝากที่ธนาคารเป็นผู้ออก เพื่อเป็นทรัพย์สินของกองทุนรวมไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของมูลค่าสินทรัพย์ของกองทุน โดยส่วนที่เหลืออาจพิจารณาลงทุนในหลักทรัพย์หรือสินทรัพย์อื่นตามที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนดหรือให้ความเห็นชอบ
อย่างไรก็ตาม ตราสารที่กองทุนลงทุนนั้นจะมีต้องมีอายุเฉลี่ยเทียบเท่าหรือใกล้เคียงกับอายุของกองทุน เพื่อคุ้มครองเงินลงทุนเริ่มแรกตามมูลค่าที่ตราไว้ โดยการดำรงอัตราส่วนดังกล่าวจะไม่นำมาบังคับใช้ในช่วงระยะเวลา 7 วันแรกนับตั้งแต่วันที่ได้จดทะเบียนกองสินทรัพย์รวมเป็นกองทุน และ 7 วันสุดท้ายก่อนวันสิ้นอายุโครงการ
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทเตรียมที่จะเปิดจำหน่ายกองทุนรวมกรุงไทยตราสารหนี้ระยะสั้น 3เดือน36 ( KTST3M36) ในวันที่ 11-17 มีนาคม 2551 ซึ่งมีอายุโครงการ 3 เดือน มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท โดยมีวงเงินลงทุนขั้นต่ำอยู่ที่ 10,000 บาท
ทั้งนี้กองทุนดังกล่าวมีนโยบายลงทุนตราสารแห่งหนี้ในประเทศ ได้แก่ ตราสารแห่งหนี้ที่มีลักษณะคล้ายเงินฝาก ตราสารแห่งหนี้ทั่วไป เงินฝากในสถาบันการเงิน โดยกองทุนจะไม่ลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivative) และตราสารหนี้ที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structure Note)
สำหรับภาวะตลาดตราสารหนี้ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเส้นอัตราผลตอบแทน (Yield Curve) ได้ปรับตัวลดลง โดยอัตราผลตอบแทนปรับตัวลดลง 6-31 bp เนื่องจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ทำการยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% ซึ่งนักลงทุนได้มีการคาดการณ์ ว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) อาจจะต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง เพื่อลดแรงกดดันในเรื่องของค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเมื่อยกเลิกมาตรการดังกล่าว ประกอบกับแรงกดดันในเรื่องของอุปทานของพันธบัตรอาจจะกดดันตลาดมากขึ้น เนื่องจากรัฐบาลมีแนวโน้มที่จะใช้นโยบายการคลังในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้จำเป็นต้องใช้งบประมาณแบบขาดดุล และอาจจะต้องมีการออกพันธบัตรมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรปรับตัวสูงขึ้น ดังนั้น ในโอกาสนี้การลงทุนในตราสารหนี้น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับนักลงทุนที่ต้องการพักเงินจากการลงทุนในตลาดหุ้นที่มีความผันผวนสูง และนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก
นายเพิ่มพล ประเสริฐล้ำ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม พรีมาเวสท์ จำกัด บริษัทฯ ในเครือธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 10-18 มีนาคมนี้บริษัทจะเปิดเสนอขายหน่วยลงทุนกองทุนประเภทคุ้มครองเงินต้น“กองทุนเปิดกรุงศรี-พรีมาเวสท์พันธบัตรรัฐบาลคุ้มครองเงินต้น 13 หรือ KPG13” ที่มีระยะเวลาการลงทุนประมาณ 1 ปี และมีวงเงินลงทุนขั้นต่ำ 50,000 บาท เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในกองทุนที่ความเสี่ยงต่ำ
“พรีมาเวสท์ ยังคงให้ความสำคัญกับการลงทุนในตราสารที่มีความเสี่ยงต่ำ และเพื่อเป็นการตอบสนองความต้องการของผู้ลงทุน ที่ต้องการโอกาสได้รับผลตอบแทนสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำของธนาคารพาณิชย์ บริษัทจึงส่งกองทุนเปิดกรุงศรี-พรีมาเวสท์พันธบัตรรัฐบาลคุ้มครองเงินต้น 13 ออกมาเสนอขายแก่ผู้ลงทุน"นายเพิ่มพลกล่าว
สำหรับนโยบายการลงทุนของกองทุนนี้จะเน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐบาล และหรือเงินฝากในธนาคารพาณิชย์ หรือบัตรเงินฝากที่ธนาคารเป็นผู้ออก เพื่อเป็นทรัพย์สินของกองทุนรวมไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของมูลค่าสินทรัพย์ของกองทุน โดยส่วนที่เหลืออาจพิจารณาลงทุนในหลักทรัพย์หรือสินทรัพย์อื่นตามที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนดหรือให้ความเห็นชอบ
อย่างไรก็ตาม ตราสารที่กองทุนลงทุนนั้นจะมีต้องมีอายุเฉลี่ยเทียบเท่าหรือใกล้เคียงกับอายุของกองทุน เพื่อคุ้มครองเงินลงทุนเริ่มแรกตามมูลค่าที่ตราไว้ โดยการดำรงอัตราส่วนดังกล่าวจะไม่นำมาบังคับใช้ในช่วงระยะเวลา 7 วันแรกนับตั้งแต่วันที่ได้จดทะเบียนกองสินทรัพย์รวมเป็นกองทุน และ 7 วันสุดท้ายก่อนวันสิ้นอายุโครงการ
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทเตรียมที่จะเปิดจำหน่ายกองทุนรวมกรุงไทยตราสารหนี้ระยะสั้น 3เดือน36 ( KTST3M36) ในวันที่ 11-17 มีนาคม 2551 ซึ่งมีอายุโครงการ 3 เดือน มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท โดยมีวงเงินลงทุนขั้นต่ำอยู่ที่ 10,000 บาท
ทั้งนี้กองทุนดังกล่าวมีนโยบายลงทุนตราสารแห่งหนี้ในประเทศ ได้แก่ ตราสารแห่งหนี้ที่มีลักษณะคล้ายเงินฝาก ตราสารแห่งหนี้ทั่วไป เงินฝากในสถาบันการเงิน โดยกองทุนจะไม่ลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivative) และตราสารหนี้ที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structure Note)
สำหรับภาวะตลาดตราสารหนี้ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเส้นอัตราผลตอบแทน (Yield Curve) ได้ปรับตัวลดลง โดยอัตราผลตอบแทนปรับตัวลดลง 6-31 bp เนื่องจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ทำการยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% ซึ่งนักลงทุนได้มีการคาดการณ์ ว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) อาจจะต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง เพื่อลดแรงกดดันในเรื่องของค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเมื่อยกเลิกมาตรการดังกล่าว ประกอบกับแรงกดดันในเรื่องของอุปทานของพันธบัตรอาจจะกดดันตลาดมากขึ้น เนื่องจากรัฐบาลมีแนวโน้มที่จะใช้นโยบายการคลังในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้จำเป็นต้องใช้งบประมาณแบบขาดดุล และอาจจะต้องมีการออกพันธบัตรมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรปรับตัวสูงขึ้น ดังนั้น ในโอกาสนี้การลงทุนในตราสารหนี้น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับนักลงทุนที่ต้องการพักเงินจากการลงทุนในตลาดหุ้นที่มีความผันผวนสูง และนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก