กบข.พลิกกลยุทธ์การลงทุนรับมือดอกเบี้ยในประเทศที่ปรับตัวลดลง อีกทั้งราคาน้ำในตลาดสหรัฐฯที่พุ่งแตะระดับ100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล "วิสิฐ"ย้ำลงทุนอย่างระมัดระวัง พร้อมกระจายสัดส่วนลงทุนไปต่างประเทศเพิ่ม เพื่อป้องกันความเสี่ยง
นายวิสิฐ ตันติสุนทร เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า แนวโน้มดอกเบี้ยภายในประเทศของปี 2551นี้ คาดจะว่าอยู่ในช่วงขาลงซึ่งสอดคล้องกับอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณชัดเจน ในการใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำ เพื่อลดผลกระทบเศรษฐกิจถดถอยจากปัญหาซับไพรม์ โดยขณะนี้ดอกเบี้ยอ้างอิงของสหรัฐอยู่ที่ระดับ 2.25% ขณะที่ดอกเบี้ยในตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะสั้น (อาร์/พี) 1 วัน ซึ่งเป็นดอกเบี้ยนโยบายของไทยอยู่ที่ 3.25% โดยส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยจะสร้างแรงกดดันต่อธนาคารแห่งประเทศไทยให้ต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกครั้ง
“การลงทุนในตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ในปีนี้ ต้องยอมรับว่าตลาดมีความผันผวน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัญหาซับไพร์ม ขณะที่แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาลง ทำให้ กบข. ต้องปรับกลยุทธ์การลงทุนให้สอดรับกับสถานการณ์ในแต่ละช่วง เพื่อป้องกันความเสี่ยงและสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวให้กับสมาชิก กบข.” นายวิสิฐกล่าว
นอกจากนี้ จากแนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยล่าสุดในช่วงที่ผ่านมา ราคาได้ไต่ระดับแตะที่ระดับกว่า 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนสินค้าปรับตัวสูงขึ้น เเละส่งผลกระทบโดยตรงกับแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย
ทั้งนี้ แนวทางการป้องกันความเสี่ยงในการลงทุน และหลีกเลี่ยงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากปัจจัยในประเทศ ส่งผลให้ กบข.มีนโยบายกระจายการลงทุนในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาได้รับการอนุมัติจากกระทรวงการคลัง ให้สามารถเพิ่มเพดานการลงทุนในต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 25% ของพอร์ตการลงทุนโดยรวม ซึ่งล่าสุด กบข.เตรียมเพิ่มน้ำหนักลงทุนในต่างประเทศเป็น 20% ในเร็วๆนี้ โดยจะเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นเพิ่ม เพื่อกระจายความเสี่ยง และสร้างผลตอบแทนการลงทุนระยะยาวให้กับสมาชิก
ขณะเดียวกันก่อนหน้านี้กบข.ได้เทขายตราสารหนี้ออกไปบางส่วน หลังจากจากอัตราดอกเบี้ยในตลาดตราสารหนี้ปรับตัวลดลง อันเป็นผลจากการคาดการณ์ว่าจะมีนักลงทุนเข้ามามาขึ้น ส่งผลให้การลงทุนในตราสารหนี้ของกบข. ได้รับผลตอบแทนค่อนข้างดี เนื่องจากพอร์ตการลงทุนส่วนใหญ่อยู่ในตราสารหนี้ระยะยาว ซึ่งปัจจุบันกบข.มีพอร์ตการลงทุนประมาณ 58% โดยมีอายุการลงทุนเฉลี่ยประมาณ 4-4.5 ปี โดยการเทขายตราสารหนี้ดังกล่าว ได้นำกำไรไปเพิ่มพอร์ตการลงทุนในต่างประเทศทำให้เพดานการลงทุนในต่างประเทศของกบข.จะขยับขึ้น2-3%จากปัจจุบันที่มีเพียง 14%
