xs
xsm
sm
md
lg

LTF...การลงทุนเพื่อคนเสียภาษีลุ้นภาครัฐสานต่อ สร้างพฤติกรรมการออม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภายหลังจากที่รัฐบาลชุดใหม่ ได้ประกาศมาตรากระตุ้นเศรษฐกิจออกมา เพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนรวมถึงกระตุ้นเศรษฐกิจให้เกิดความคึกคักขึ้นในการลงทุนทั้งในและจากต่างประเทศ โดยมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าว มีส่วนที่เกี่ยวข้องกับการลดหย่อนทางภาษีกับผู้มีรายได้ในระดับต่างๆ เพื่อให้ประชาชนมีเงินเหลือพอที่จะใช้จ่ายได้มากขึ้นและยังส่งผลดีต่อการลงทุนในรูปแแบบต่างๆ ด้วย

และหนึ่งในมาตรการนั้น คือ การเพิ่มวงเงินลดหย่อนภาษี สำหรับการลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว ( LTF ) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ ( RMF ) จากเดิม 300,000 บาท เป็น 500,000 บาท...หลายคนมีคำถามว่า การเพิ่มวงเงินลดหย่อนภาษีดังกล่าว ได้ประโยชน์กับใครบ้าง หรือจะได้ประโยชน์ฌแพาะกลุ่มคนรวยเท่านั้น

วันนี้ "ผู้จัดการรายวัน" มีโอกาสสัมภาษณ์ "กำพล อัศวกุลชัย" ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานธุรกิจกองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด ถึงมาตรการส่งเสริมทางภาษีดังกล่าว ว่าจริงๆ แล้วใครเป็นคนได้ประโยชน์ และจะส่งผลต่อภาพรวมการลงทุนของกองทุนทั้ง 2 ประเภทอย่างไรบ้าง ซึ่ง ณ ที่นี้ จะให้น้ำหนักไปที่การลงทุนในกองทุน LTF เป็นหลัก

"กำพล" เล่าถึงความเป็นมาของกองทุนรวมหุ้นระยะยาวหรือ LTF (Long Term Equity Fund) ว่า จุดเริ่มต้นของโครงการ LTF นั้นเริ่มขึ้นเมื่อปี 2547 โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในสมัยนั้นกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) มีความเห็นตรงกันว่า การลงทุนในตลาดหุ้นในประเทศไทยประกอบไปด้วยผู้ลงทุนรายค่อนข้างมาก แต่มีนักลงทุนสถาบันไม่ค่อยมาก รวมทั้งการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นั้นมีความผันผวนสูง และเมื่อมีความผันผวนสูงทำให้เชื่อว่านักลงทุนสถาบันซึ่งเป็นนักลงทุนที่มีหลักการการลงทุนพื้นฐานตามหลักวิชาการที่มากกว่านักลงทุนรายย่อย สามารถช่วยลดความผันผวนของตลาดหลักทรัพย์ได้

ดังนั้น จึงมีการคิดว่าจะมีเครื่องมืออะไร ที่จะทำให้ผู้ลงทุนที่เป็นนักลงทุนรายย่อยหันมาลงทุนกับสถาบันการลงทุนเพิ่มมากขึ้น จึงมองมาที่กองทุนรวม ซึ่งเป็นนักลงทุนสถาบันประเภทหนึ่ง และหาทางจูงใจประชาชนให้มาลงทุนที่กองทุนรวมและลงทุนในหุ้นด้วย ทำให้มีการใช้สิทธิทางภาษีของบุคลธรรมดามาจูงใจผู้ลงทุน จึงเป็นที่มาของกองทุน LTF ซึ่งก่อนหน้านี้มีกองทุน RMF เกิดขึ้นก่อนโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการยังชีพหลังเกษียญอายุ

ทั้งนี้ เมื่อกองทุน LTF เกิดขึ้น กรมสรรพากรจึงมีเงื่อนไขในการลงทุนขึ้นมา ซึ่งมีเงื่อนไขน้อยและง่ายขึ้นกว่าการลงทุนในกองทุน RMF ส่งผลการลงทุนในกองทุน LTF ได้รับความนิยมตั้งแต่นั้นมา และยังเป็นการตอบรับกับเจตนารมย์กับผู้ลงทุนด้วย

"กำพล" บอกว่า นักลงทุนสถาบันที่ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ในเชิงของกองทุนรวม ยังวิตกกังวลเท่ากับนักลงทุนรายย่อย เพราะ LTF มีการกำหนดเงื่อนไขในการลงทุนว่าต้องไม่ต่ำกว่า 65 % ฉะนั้นส่วนหนึ่งทำให้เงินลงทุนของกองทุน LTF ยังคงอยู่ในตลาดหุ้น แต่อาจจะมีการสับเปลี่ยนหุ้นบางตัว หรือเซ็กเตอร์บางเซ็กเตอร์เท่านั้น ทำให้ตรงจุดนี้เป็นตัวตอบสนองการสร้างเสถียรภาพของตลาดหุ้นในระยะยาวได้

ส่วนระยะเวลาการลงทุนของ LTF ที่จะสิ้นสุดในปี 2559 นั้น เชื่อว่าถึงเวลานั้นแล้ว รัฐบาลน่าจะเห็นประโยชน์จากการลงทุนในลักษณะนี้ และน่าจะมีการขยายระยะเวลาการลงทุนออกไปได้เช่นเดียวกับในต่างประเทศ แต่หากไม่มีการขยายระยะเวลาการลงทุนออกไป เชื่อว่าในระยะเวลา 10 ปีนี้จะสร้างพฤติกรรมให้กับผู้ลงทุนว่าการลงทุนในระยะยาวให้ผลตอบแทนที่ดีได้

ทั้งนี้ ในส่วนของ บลจ.ไทยพาณิชย์ นั้นมองเห็นประโยชน์ของการลงทุนในหุ้น จึงพยายามชักจูงให้ผู้ลงทุนที่มีเงินเหลือจากการลงทุนใน LTF หรือ RMF มาลงทุนในหุ้นผ่านกองทุนธรรมดาด้วย

สำหรับการเพิ่งวงเงินลดหย่อนภาษีเป็น 500,000 บาทนั้น "กำพล" ให้ความเห็นว่ามาตราการดังกล่าวถือเป็นช่วงโอกาสที่ดีที่รัฐบาลได้เปิดโอกาสให้ตลาดการลงทุนของกองทุนรวม LTF และ RMF เติบโตขึ้น นอกจากนี้ ภาพการลงทุนของนักลงทุนที่ลงทุนในกองทุน LTF ต้นแต่ต้นปีนั้น ตลาดการลงทุนมีการเติบโตขึ้นมาก ซึ่งเป็นผลมาจาก การขยายวงเงินการลงทุนเพิ่มเป็น 500,00 ล้านบาท ส่วนยอดการขายคืนหน่วยลงทุนนั้นในปีที่ผ่านมามีไม่มากแต่มียอดซื้อมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม เรื่องของมาตรากรทางภาษีที่รัฐบาลประกาศออกมานั้น ไม่ได้เอื้อประโยชน์เฉพาะคนที่มีรายได้สูงเท่านั้น โดยที่มาตราการทางภาษีในเรื่องของคนที่มีรายได้ 100,000 - 150,000 บาทไม่ต้องเสียภาษีนั้น เท่ากับว่าเป็นการทำให้ผู้ที่มีรายได้น้อยมีเงินออมทันที 50,000 บาทค่อคน ส่งผลให้คนกลุ่มนี้มีเงินที่จะสามารถจัดสรรไปเก็บออมเพิ่มมากขึ้นและสามารถใช่จ่ายได้มากขึ้น ซึ่งในส่วนที่เป็นเงินออมนั้นทำให้มีทางเลือกที่จะสามารถเลือกลงทุนในกองทุน LTF หรือ RMF ก็ได้

ทั้งนี้ ในเบื้องต้นนั้นผู้ลงทุนอาจจะใช้สิทธิในการเสียภาษีได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยนักอาจจะอยู่ที่ระดับต้นๆประมาณ 10%เท่านั้น แต่ต่อไปในระยะยาวแล้วมีสามารถขยายกรอบการเสียภาษีออกไปได้และยังเป็นการขยายฐานการลงทุนในระยะยาวด้วย ดังนั้นแล้วผู้ที่มีรายได้ในระดับ 100,00 - 200,000 บาท สามารถจะเป็นกลุ่มที่เข้ามาลงทุนเพิ่มมากขึ้น

สำหรับแนวโน้มการลงทุนในปีนี้ มองว่าในปีนี้กลุ่มธนาคารนั้นน่าจะมีการปรับตัวดีขึ้นทำให้ บลจ.ไทยพาณิชย์ขยับไปลงทุนในกลุ่มธนาคารมากขึ้น รวมถึงกลุ่มที่ได้รับผลประโยชน์จากราคานํ้ามันที่สูงขึ้นเช่นกลุ่มพลังงาน และกลุ่มธุรกิจประเภทการก่อสร้าง เนื่องจากการดำเนินงานด้านเมกะโปรเจ็กที่รัฐบาลประกาศเดินหน้าโครงการก่อสร้าง ขณะที่กลุ่มธุรกิจที่อาจจะได้รับผลกกระทบจาการดำเนินงานของรัฐบาลทางบลจ.อาจลดการลงทุนลง เช่น กลุ่มค้าปลีกบางประเภทที่อาจได้รับผลจาการที่รัฐบาลปรับลดราคาลง

นอกจากนี้ได้ประเมินการเติบโตของกองทุน LTF ในปีนี้ว่า บลจ.ไทยพาณิชย์ตั้งเป้าทั้งกองทุน LTF และ RMF ทั้ง 2 กองทุนไว้ที่ ระดับ มากกว่า 50,000 ล้านบาทเกิน 100% ซึ่งต่อจากนี้จะให้ความสำคัญกับทั้ง 2 กองทุนเท่าๆกับ จากเดิมที่ให้ความสำคัญกับกองทุน LTF มากกว่า คิดว่าน่าจะไปด้วยกันได้เพราะผู้ลงทุนมีความเข้าใจในการลงทุนมากขึ้นแล้ว โดยมีปัจจัยหลักมาจาก การเพิ่มขึ้น 200,000 เป็น 300,000 บาท ทั้งนี้ ยังทำให้การลงทุนตลาดหลักทรัพย์เกิดสภาพคล่องที่สูงขึ้น เพราะเม็ดเงินที่เพิ่มมากขึ้นจะส่งผลให้มีการระดมเงินลงทุนได้เพิ่มมากขึ้น

โดยในปีนี้ บริษัทมีแผนการกระตุ้นการลงทุนในกองทุน LTF โดยบลจ.ไทยพาณิชย์ได้ร่วมมือกับทางธนาคารไทยพาณิชย์ ทำการรณรงค์ให้ผู้ลงทุนสามารถซื้อกองทุนรวม LTF ผ่านบัตรเครดิตของธนาคารไทยพาณิชย์ได้ ซึ่งทำให้ผู้ลงทุนสามารถเลือกช่วงเวลาที่จะซื้อหน่วยลงทุนได้ และสามารถเป็นตัวเอื้ออำนวยให้กับผู้ลงทุนได้มีจังหวะการลงทุนที่ดีขึ้นโดยที่ผู้ลงทุนไม่ต้องรอเงินดือนในปลายเดือน หรือเงินโบนัส และทาง บลจ.อำนวยความสะดวกแก่ผู้ซื้อกองทุนด้วยการหักบัญชีบัตรเครดิตเป็นรายเดือน ซึ่งผู้ลงทุนจะได้แต้มจากการใช้จ่ายบัตรเครดิสดังกล่าวด้วย

**"กำพล"** ปิดท้ายด้วยการแนะนำวิธีการจัดพอร์ตการลงทุนว่า gมื่อเม็ดเงินมาครบแล้ว ผู้ลงทุนต้องประเมินก่อนว่าเงินที่มีอยู่นั้นจัดสรรอยู่ในแอสเซสไหนมากที่สุด ซึ่งแนะนำว่าควรมองไปที่การลงทุนในต่างประเทศด้วย** ส่วนในเรื่องการขายกองทุนคืนนั้นในส่วนของ บลจ.ไทยพาณิชย์นั้นเป็น บลจ. เดียวที่สามารถเปิดให้ลูกค้าสามารถขายหน่วยลงทุนคืนได้ทุกช่วง ทำให้ผู้ลงทุนสามารถเลือกช่วงในการขายหน่วยลงทุนคืนได้มากที่สุด
กำลังโหลดความคิดเห็น