xs
xsm
sm
md
lg

Asset Allocation (3)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ดร. สมจินต์ ศรไพศาล บลจ. วรรณ จำกัด

ในตอนที่แล้วผมได้แสดงถึงตัวอย่างของพอร์ตการลงทุนแบบ 30/70 (หุ้น 30% พันธบัตร 70%) หรือ ที่เรียกว่าพอร์ตการลงทุนแบบระมัดระวัง หากท่านผู้อ่านยังจำกันได้ พอร์ตแบบ 30/70 นี้ ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 9.62% และไม่มีความผันผวนของผลตอบแทนมากนัก โดยในปีที่ติดลบมากที่สุดก็ได้ผลตอบแทน -2.95% โดยพอร์ตการลงทุนแบบ 30/70นี้ เหมาะสำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้น้อย เช่น ผู้ที่มีอายุมาก และเริ่มกระแสเงินสดเป็นบวก(รายรับ)น้อยลง เพราะหากผลตอบแทนติดลบมาก ก็จะมีโอกาสแก้ตัวน้อยหรืออาจจะไม่มีเลย พอร์ตการลงทุนแบบ 30/70นี้ยังเหมาะสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มลงทุนในตลาดหุ้นและไม่ต้องการให้พอร์ตการลงทุนของตนเองผันผวนมากเกินไป

ตัวอย่างต่อไปจะเป็นการลงทุนแบบ 70/30 หรือพอร์ตการลงทุนแบบเชิงรุก คือการลงทุนในกองทุนหุ้น (TDEX) 70% และลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ (ABFTH) 30% โดยเราจะได้ผลตอบแทนในช่วง 9 ปีที่ผ่านมาดังนี้

ตาราง 1

ผลตอบแทนเฉลี่ยที่ได้รับคือ 12.47% ซึ่งมากกว่าผลตอบแทนเฉลี่ยแบบ 30/70 แต่แน่นอนครับว่าความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน โดยปีที่ติดลบมากที่สุดในปี 2000 ให้ผลตอบแทน -25.92%

การเปรียบเทียบผลตอบแทนรายปีจะแสดงให้เห็นชัดเจนว่า การลงทุนแบบ 70/30 (พอร์ตเชิงรุก) จะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยที่ดีกว่าการลงทุนแบบ 30/70 (พอร์ตระมัดระวัง)และมีความเสี่ยงมากกว่า หรือความผันผวนมากกว่าเช่นเดียวกัน(High risk High return)

อย่างไรก็ตามหากท่านนำผลตอบแทนของการลงทุนแบบ 70/30 ไปเปรียบเทียบกับการลงทุนในหุ้นเพียงอย่างเดียวดังตารางแสดงผลตอบแทน โดยการลงทุนแบบ 70/30ได้ผลตอบแทนเฉลี่ย 12.47% และการลงทุนในหุ้น 100% ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 13.04% แต่เมื่อพิจารณาถึงปีที่ผลตอบแทนติดลบมากที่สุดจะพบว่าในปี 2000 การลงทุนแบบ 70/30 ให้ผลตอบแทน -25.92% ส่วนการลงทุนในหุ้นเพียงอย่างเดียวให้ผลตอบแทน -43.15% กล่าวคือ ถ้ามองจากมุมของผู้ที่ทุ่มลงทุนในหุ้น 100% การแบ่งเงินมาซื้อพันธบัตร 30% แม้จะทำให้ผลตอบแทนเฉลี่ยลดลงบ้าง (จาก 13.04% เป็น 12.47%) แต่ช่วยลดความเสี่ยงได้อย่างมหาศาล ผลตอบแทนในปีที่แย่ที่สุด ลดลงเกือบครึ่งเลยทีเดียว (จาก -43.15% เป็น -25.92%) ซึ่งเป็นผลมาจากการกระจายความเสี่ยงของการลงทุนแบบ 70/30 เมื่อเปรียบเทียบกับการกระจุกความเสี่ยงของการลงทุนในหุ้นแต่เพียงอย่างเดียว

การลงทุนแบบ 70/30 นี้เหมาะสำหรับผู้ที่รับความผันผวนของผลตอบแทนได้ มีระยะเวลาการลงทุนยาว มีรายได้มั่นคง เน้นการเติบโตของเงินลงทุนในระยะยาว นอกจากนี้การพิจารณาในเรื่องของอายุและกระแสเงินแล้วสำหรับผู้ที่มีความรอบรู้มีประสบการณ์ด้านการลงทุน ก็สามารถลงทุนในพอร์ตเชิงรุกได้เช่นกัน

การลงทุนให้ได้ผลตอบแทนที่ดีไม่ใช่เรื่องยากครับ หากว่าผู้ลงทุนทุกท่านมีความเข้าใจในตนเองและมีความเข้าใจในเรื่องของความเสี่ยงของที่จะเกิดขึ้นจากการลงทุนของท่าน ท่านก็จะสามารถจัดรูปแบบการลงทุนไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ได้ สำหรับท่านที่ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดต่อผู้วางแผนการลงทุน (Investment Planner) ได้ที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทุกแห่งครับ หรือหากท่านผู้ลงทุนสะดวกสามารถติดต่อ บลจ.วรรณ ได้ที่ 0-2659-8888 กด 1 ต่อฝ่ายการตลาด

ในทางปฏิบัติ การลงทุนด้วยแนวคิดแบบ Asset Allocation นั้น ตัวช่วยที่สำคัญก็คือกองทุนดัชนีหรือ ETF (Exchange Traded Fund) ซึ่งในเมืองไทยเรามี ThaiDEX SET50 ETF หรือ TDEX เป็นตัวเลือกสำคัญสำหรับเงินลงทุนในหุ้นไทย และมี ABFTH เป็น ETF ของตราสารหนี้จดทะเบียนกับ BEX ครับ

เรื่องราวของ Asset Allocation ยังไม่จบ เราได้เห็นภาพของการลงทุนแบบ 30/70 ซึ่งค่อนข้างจะอนุรักษ์นิยม และ 70/30 ซึ่งมีลักษณะเชิงรุกแล้ว ต่อไป เราจะมาดูทางสายกลาง 50/50 และต่อยอดด้วย Tactical Allocation หรือการปรับเปลี่ยนน้ำหนักการลงทุน เพื่อเอาประโยชน์จากจังหวะเวลาและสภาวะตลาดครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น