บลจ. บีที เปิดแผนไตรมาส 2 เตรียมคลอดกองทุนอสังหาริมทรัพย์รวดเดียว 2 กองทุน โครงการแรกเป็นอาคารสำนักงานใจกลางเมือง มูลค่า 1,600 ล้านบาท ขณะที่กองทุนที่ 2 เป็นศูนย์จัดส่งสินค้า มูลค่า 600 ล้านบาท หวังเพิ่มทางเลือกให้นักลงทุน ล่าสุดเปิดขายกองทุน เปิดบีที FIF ตราสารหนี้ 12/2 นำเงินไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้
นายอนุสรณ์ บูรณกานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บีที จำกัด เปิดเผยว่า สำหรับแผนการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2 ระหว่างเดือนพฤษภาคม – มิถุนายน นี้ บริษัทเตรียมออกกองทุนอสังหาริมทรัพย์ 2 กองทุน โดยกองทุนแรก ทรัพย์สินที่เข้าไปลงทุนจะเป็นประเภทอาคารสำนักงานที่อยู่ในกลางเมืองกรุงเทพฯ มูลค่าโครงการกว่า 1,600 ล้านบาท และกองทุนที่สอง ทรัพย์สินที่เข้าลงทุนจะเป็นประเภทศูนย์จัดส่งสินค้า ซึ่งอยู่ในกลางเมืองอีกเช่นกัน โดยมีมูลค่าโครงการที่ 600 ล้านบาท
นอกจากนี้แล้วในวันที่ 4 – 11 เมษายน 2551 บริษัทได้ทำการเปิดขายกองทุนเปิดบีที FIF ตราสารหนี้ 12/2 ซึ่งมีมูลค่าโครงการกว่า 1,400 ล้านบาท และในระยะเวลาการเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก บริษัทจัดการอาจจะเสนอขายหน่วยลงทุนเกินจำนวนเงินทุนของโครงการ (กรีนชู)ได้ไม่เกิน 210 ล้านบาท ซึ่งกองทุนมีอายุประมาณ 12 เดือน
ทั้งนี้กองทุนเปิดบีที FIF ตราสารหนี้ 12/2มีนโยบายการลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ โดยสถาบันการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ได้รับการยอมรับจากสำนักงาน เพื่อเป็นทรัพย์สินของกองทุนรวม ซึ่งมีมูลค่ารวมกันทั้งสิ้นไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินของกองทุนรวม แต่อาจจะมีการบางขณะที่กองทุนไม่สามารถดำรงสัดส่วนการลงทุนให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ได้
"กองทุนเอฟไอเอฟนี้ บริษัทจะเข้าไปลงทุนพันธบัตรรัฐบาลของประเทศเกาหลีใต้ เนื่องจากปัจจุบันกองทุนดังกล่าวกำลังได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี เพราะกองทุนสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุนได้ในขณะนี้"นายอนุสรณ์ กล่าว
สำหรับช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมา บลจ. บีที่ ประสบความสำเร็จจากกองทุนหุ้น ซึ่งกองทุนดังกล่าวสามารถให้ผลตอบแทนมาเป็นอันดับ 1 จากรายงานของ Lipper โดยเฉพาะกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (อาร์เอ็มเอฟ) และกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (แอลทีเอฟ) ที่สามารถให้ผลตอบแทนสูง
โดยกองทุนเปิดบีทีไลฟ์ หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ และกองทุนเปิดเคหุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2551 กองทุนให้ผลตอบแทน 10.85% และ 10.41%ตามลำดับ ส่วนกองทุนบีทีไลฟ์ หุ้นระยะยาว และกองทุนเปิดเค หุ้นระยะยาว ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 11.02% และ 10.22% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐาน 7.85%
นอกจากนี้แล้วในช่วงที่ผ่านมา บริษัทได้ทำการออกกองทุนเปิดบีที FIF ตราสารหนี้ 12/1 (BT FIF Fixed Income 12/1 Fund) ที่ได้ทำการเปิดเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) ไปเมื่อวันที่ 14 - 21 มีนาคม 2551 โดยมีมูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท และมีอายุโครงการ 12 เดือน โดยกองทุนได้เน้นการลงทุนในตราสารหนี้สกุลดอลลาร์ออสเตรเลีย ซึ่งสามารถทำการปิดยอดขายได้กว่า 740 ล้านบาท โดยนักลงทุนส่วนใหญ่ที่เข้ามาลงทุนนั้นจะเป็นลูกค้าในธนบดีธนกิจของธนาคารไทยธนาคารนั่นเอง
นายอนุสรณ์ กล่าวว่า จากภาวะอัตราดอกเบี้ยในช่วงไตรมาส 1 ที่มีการปรับตัวลดลงนั้น ทำให้ บลจ. บีที ต้องมีการสรรหากองทุนที่สามารถให้ผลตอบแทนที่ดีและมีความน่าสนใจมาสนองความต้องการนักลงทุนมากขึ้น ดังนั้น บลจ. บีที จึงได้ทำการออกกองทุนต่างประเทศ แบบปิดความเสี่ยงทั้งต้นทั้งดอกให้แก่นักลงทุน เพื่อเพิ่มความสบายใจให้แก่ผู้ลงทุน