บลจ. บีที ไตรมาสแรกเตรียมประเดิมคลอดกองทุนเอฟไอเอฟ 2 กองทุน โดยเน้นลงทุนในอีทีเอฟ กลุ่มคอมมูนิตี้ และหุ้นกลุ่มส่งออกในสหรัฐ ระบุหวังช้อนซื้อหุ้นถูกจากค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัว พร้อมยืนยันไม่กระทบปัญหาซับไพรม์ ขณะเดียวกันในประเทศ ครึ่งปีแรกเตรียมออกกองทุนหุ้นและกองทุนอสังหาริมทรัพย์ เพิ่มอีกอย่างละ 1 กองทุน
นายอนุสรณ์ บูรณกานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บีที จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาส 1 นี้บริษัทเตรียมแผนที่จะทำการออกกองทุนรวมต่างประเทศ (เอฟไอเอฟ) ด้วยกันทั้งสิ้น 2 กองทุน โดยกองทุนแรกเป็นกองทุนเอฟไอเอฟอีทีเอฟ ที่เข้าไปลงทุนในกลุ่มโภคภัณฑ์ (คอมมูนิตี้) มีมูลค่าโครงการทั้งสิ้น 1,000 ล้านบาท สาเหตุที่บริษัทเลือกเข้าไปลงทุนในกลุ่มโภคภัณฑ์นั้น เนื่องจากบริษัทมองว่า แนวโน้มในหมวดธุรกิจดังกล่าวขณะนี้สามารถให้ผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุนได้ เพราะปัจจุบันผลกระทบจากปัญหาภาวะโลกร้อนรวมถึงในเรื่องของราคาน้ำมันที่มีการปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ราคากลุ่มโภคภัณฑ์มีการปรับตัวสูงขึ้น
ส่วนกองทุนที่2นั้นเป็นกองทุนเอฟไอเอฟอีทีเอฟที่ลงทุนในหุ้นสหรัฐอเมริกา มีมูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาทเช่นกัน โดยกลุ่มหุ้นดังกล่าวจะเป็นกลุ่มที่เกี่ยวกับธุรกิจการส่งออกของสหรัฐฯ ซึ่งการเข้าไปลงทุนครั้งนี้บริษัทจะได้รับอานิสงส์ในเรื่องของค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวลง และดาวโจนส์ที่ตกลงมามาก ดังนั้นจึงถือว่าเป็นจังหวะที่ดีในการเข้าไปซื้อหุ้นขนาดใหญ่ด้วย
“กลุ่มธุรกิจในสหรัฐฯ ที่บริษัทจะเข้าไปลงทุนนั้น จะไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาซับไพรม์ เพราะส่วนใหญ่แล้วเป็นกลุ่มทำธุรกิจส่งออก ซึ่งปัญหาซับไพรม์จะส่งกระทบกับบริษัทที่ทำธุรกิจในสหรัฐฯมากกว่า ดังนั้นจึงมองว่ากลุ่มดังกล่าวจะสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุนได้” นายอนุสรณ์กล่าว
นอกจากนี้แล้วในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทเตรียมออกกองทุนหุ้นอีก 1 กองทุนและกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์อีก 1 กองทุน โดยกองทุนหุ้นนั้นจะมีมูลค่าโครงการประมาณ 1,000 ล้านบาท เนื่องจากหุ้นในเมืองไทยขณะนี้มีความน่าสนใจมาก โดยเฉพาะในกลุ่มธนาคาร กลุ่มพลังงาน กลุ่มอุปโภคบริโภค และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และหุ้นที่มีการจ่ายปันผลที่สูงด้วย ส่วนกองทุนอสังหาริมทรัพย์ (พร็อพเพอร์ตี้ฟันด์) โดยกองทุนดังกล่าวจะเข้าไปลงทุนธุรกิจประเภทอาคารสำนักงานใจกลางเมือง ซึ่งกองทุนดังกล่าวมีมูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท
นายอนุสรณ์ กล่าวว่า ด้านแผนการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทจะเน้นในการสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้มีรูปแบบแตกต่างจากบลจ. อื่น โดยเฉพาะกองทุนรวมต่างประเทศ เนื่องจากปัจจุบันนักลงทุนต่างมีความรู้ความเข้าใจในการลงทุนเพิ่มมากขึ้นด้วย ขณะที่กองทุนเปิดบีที FIF โกลด์ ลิงค์ ฟันด์ 1 , กองทุนเปิดบีที FIF โกลด์ ลิงค์ ฟันด์ 2 และกองทุนเปิดบีที FIF โกลด์ ลิงค์ ฟันด์ 3 ที่ได้เปิดขายในช่วงปีที่ผ่านมา ก็สามารถให้ผลตอบแทนที่ดี ซึ่งสร้างความพอใจแก่ผู้ลงทุนด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้แล้วบริษัทได้เปิดศูนย์บริการฮอตไลน์เซ็นเตอร์เพื่อเป็นการบริการหลังการขายให้กับลูกค้าให้มีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น โดยบริการดังกล่าวได้ทำการเปิดให้บริการในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งนักลงทุนรายได้ใดมีข้อข้องใจสามารถสอบถามได้ที่โทร. 02-686-9599
นายอนุสรณ์ บูรณกานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บีที จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาส 1 นี้บริษัทเตรียมแผนที่จะทำการออกกองทุนรวมต่างประเทศ (เอฟไอเอฟ) ด้วยกันทั้งสิ้น 2 กองทุน โดยกองทุนแรกเป็นกองทุนเอฟไอเอฟอีทีเอฟ ที่เข้าไปลงทุนในกลุ่มโภคภัณฑ์ (คอมมูนิตี้) มีมูลค่าโครงการทั้งสิ้น 1,000 ล้านบาท สาเหตุที่บริษัทเลือกเข้าไปลงทุนในกลุ่มโภคภัณฑ์นั้น เนื่องจากบริษัทมองว่า แนวโน้มในหมวดธุรกิจดังกล่าวขณะนี้สามารถให้ผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุนได้ เพราะปัจจุบันผลกระทบจากปัญหาภาวะโลกร้อนรวมถึงในเรื่องของราคาน้ำมันที่มีการปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ราคากลุ่มโภคภัณฑ์มีการปรับตัวสูงขึ้น
ส่วนกองทุนที่2นั้นเป็นกองทุนเอฟไอเอฟอีทีเอฟที่ลงทุนในหุ้นสหรัฐอเมริกา มีมูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาทเช่นกัน โดยกลุ่มหุ้นดังกล่าวจะเป็นกลุ่มที่เกี่ยวกับธุรกิจการส่งออกของสหรัฐฯ ซึ่งการเข้าไปลงทุนครั้งนี้บริษัทจะได้รับอานิสงส์ในเรื่องของค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวลง และดาวโจนส์ที่ตกลงมามาก ดังนั้นจึงถือว่าเป็นจังหวะที่ดีในการเข้าไปซื้อหุ้นขนาดใหญ่ด้วย
“กลุ่มธุรกิจในสหรัฐฯ ที่บริษัทจะเข้าไปลงทุนนั้น จะไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาซับไพรม์ เพราะส่วนใหญ่แล้วเป็นกลุ่มทำธุรกิจส่งออก ซึ่งปัญหาซับไพรม์จะส่งกระทบกับบริษัทที่ทำธุรกิจในสหรัฐฯมากกว่า ดังนั้นจึงมองว่ากลุ่มดังกล่าวจะสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุนได้” นายอนุสรณ์กล่าว
นอกจากนี้แล้วในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทเตรียมออกกองทุนหุ้นอีก 1 กองทุนและกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์อีก 1 กองทุน โดยกองทุนหุ้นนั้นจะมีมูลค่าโครงการประมาณ 1,000 ล้านบาท เนื่องจากหุ้นในเมืองไทยขณะนี้มีความน่าสนใจมาก โดยเฉพาะในกลุ่มธนาคาร กลุ่มพลังงาน กลุ่มอุปโภคบริโภค และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และหุ้นที่มีการจ่ายปันผลที่สูงด้วย ส่วนกองทุนอสังหาริมทรัพย์ (พร็อพเพอร์ตี้ฟันด์) โดยกองทุนดังกล่าวจะเข้าไปลงทุนธุรกิจประเภทอาคารสำนักงานใจกลางเมือง ซึ่งกองทุนดังกล่าวมีมูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท
นายอนุสรณ์ กล่าวว่า ด้านแผนการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทจะเน้นในการสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้มีรูปแบบแตกต่างจากบลจ. อื่น โดยเฉพาะกองทุนรวมต่างประเทศ เนื่องจากปัจจุบันนักลงทุนต่างมีความรู้ความเข้าใจในการลงทุนเพิ่มมากขึ้นด้วย ขณะที่กองทุนเปิดบีที FIF โกลด์ ลิงค์ ฟันด์ 1 , กองทุนเปิดบีที FIF โกลด์ ลิงค์ ฟันด์ 2 และกองทุนเปิดบีที FIF โกลด์ ลิงค์ ฟันด์ 3 ที่ได้เปิดขายในช่วงปีที่ผ่านมา ก็สามารถให้ผลตอบแทนที่ดี ซึ่งสร้างความพอใจแก่ผู้ลงทุนด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้แล้วบริษัทได้เปิดศูนย์บริการฮอตไลน์เซ็นเตอร์เพื่อเป็นการบริการหลังการขายให้กับลูกค้าให้มีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น โดยบริการดังกล่าวได้ทำการเปิดให้บริการในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งนักลงทุนรายได้ใดมีข้อข้องใจสามารถสอบถามได้ที่โทร. 02-686-9599