xs
xsm
sm
md
lg

แอสเซทพลัสจ่อกองบอนด์กิมจิ เพิ่มทางเลือกลงทุน6เดือน-1ปี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ.แอสเซทพลัส เพิ่มทางเลือกลงทุนบอนด์กิมจิ เอาใจคนเล่นสั้น 6 เดือนและยาวขึ้น 1 ปี เปิดขายหลังสงกรานต์ หวังรองรับความต้องการของลูกค้า คาดให้ผลตอบแทนภายหลังหักค่าใช้จ่ายและป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนสูงกว่าผลตอบแทนในประเทศประมาณ 0.50-1.00% ส่วนประชุมอาร์/พี 9 เม.ย.นี้ ประเมินคงไว้ที่ 3.25% เช่นเดิม
นางลดาวรรณ เจริญรัชต์ภาคย์
นางลดาวรรณ เจริญรัชต์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แอสเซท พลัส จำกัด เปิดเผยถึงแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในประเทศว่า อัตราดอกเบี้ยในประเทศเป็นปัจจัยหลักที่จะกำหนดทิศทางตลาดตราสารหนี้ในเดือนเมษายนนี้ โดยตลาดได้คาดการณ์ว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ซึ่งจะประชุมในวันที่ 9 เมษายน น่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ย R/P 1 วัน ที่ระดับ 3.25% เช่นเดิม เนื่องจากคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะเร่งตัวสูงขึ้นจากปัญหาราคาน้ำมันและสินค้าที่แพงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ทำให้การลดดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็นไปค่อนข้างยาก

อย่างไรก็ตาม ตราสารหนี้ระยะสั้นยังคงเป็นตราสารที่อยู่ในความสนใจของนักลงทุน โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (ThaiBMA Interpolation Yield) ณ 28 มีนาคม 2551 ระยะเวลา 3 เดือน 2.93% 6 เดือน 2.91% และ 1 ปี 2.89%”

สำหรับแผนการออกกองทุนตราสารหนี้ บริษัทฯ ยังมีกองทุนตราสารหนี้ในประเทศสำหรับของผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศ คือ กองทุนเปิดแอสเซทพลัสทรัพย์มั่นคง 2 (ASP-SIF2) ซึ่งจะเปิดเสนอขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอีกครั้งในวันที่ 18 เมษายน โดยอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยจากพอร์ตการลงทุนของกองทุนปัจจุบัน ซึ่งเป็นตราสารหนี้ในประเทศที่มีอันดับความน่าเชื่อถือระดับ A- ขึ้นไป ซึ่งมีอัตราผลตอบแทนในระดับประมาณ 2.70-2.80%

นอกจากนี้ ในช่วงกลางเมษายนจะเสนอขายกองทุนที่ลงทุนในพันธบัตรประเทศเกาหลีใต้อีก 2 กองทุน คือ กองทุนเปิดเอฟไอเอฟตราสารหนี้ 6M4 (FIF-FIXED6M4) รอบระยะเวลาการลงทุนทุก 6 เดือน และกองทุนเปิดแอสเซทพลัสพรีเมี่ยม 12M (ASP-P12M) รอบระยะเวลาการลงทุนทุกประมาณ 1 ปี เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า โดยคาดว่าภายหลังจากหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดของกองทุนและทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน (Fully Hedged) แล้ว ผลตอบแทนยังสูงกว่าอัตราผลตอบแทนในประเทศประมาณ 0.50-1.00%

นางลดาวรรณ กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการการลงทุนของบริษัทฯ ได้มีมติจ่ายเงินปันผลกองทุนเปิดแอสเซทพลัสสถาบันปันผล (ASP-IDF) ในอัตรา 0.14 บาทต่อหน่วย โดยจะทำการจ่ายเงินปันผลในวันที่ 10 เมษายน 2551 และกำหนดปิดสมุดทะเบียนในวันที่ 8 เมษายน 2551

ส่วนกองทุนเปิดแอสเซทพลัสสถาบันปันผล (ASP-IDF) เป็นกองทุนตราสารหนี้ที่มีการบริหารในแบบ Active มีการปรับเปลี่ยนอายุเฉลี่ยของตราสาร (Duration) และประเภทตราสารตามภาวะการณ์ของตลาดตราสารหนี้ และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย และอัตราเงินเฟ้อ รวมทั้งนโยบายการเงินภายในและภายนอกประเทศ ปัจจุบันกองทุนมีสัดส่วนการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล และเงินฝาก รวมทั้งหุ้นกู้รัฐวิสาหกิจ รวมกันไม่ต่ำกว่า 70% และมีการลงทุนบางส่วนในพันธบัตรรัฐบาลระยะยาว (อายุ 5-10 ปี) เป็นระยะๆ เพื่อเพิ่มผลตอบแทนการลงทุน โดยกองทุนดังกล่าวจะเหมาะกับผู้ลงทุนนิติบุคคล เนื่องจากผู้ลงทุนจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการจ่ายเงินปันผลดังกล่าว

ขณะที่กองทุนดังกล่าวมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนไม่เกินปีละ 12 ครั้ง โดยบริษัทจัดการจะพิจารณาจ่ายเงินปันผลอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ของการเพิ่มขึ้นในสินทรัพย์สุทธิจากการดำเนินงานในแต่ละงวดที่จ่ายเงินปันผล หรืออาจพิจารณาจ่ายจากกำไรสะสม เมื่อกองทุนรวมมีกำไรสะสมจนถึงงวดบัญชีที่จะจ่ายเงินปันผลตามที่บริษัทจัดการเห็นสมควร

โดยกองทุนเปิดแอสเซทพลัสสถาบันปันผล มีประวัติการจ่ายเงินปันผลนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนไปแล้วจำนวน 10 ครั้ง และครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 11 โดยครั้งแรกจ่ายปันผลในอัตรา 0.32 บาทต่อหน่วย ครั้งที่ 2 ในอัตรา 0.15 บาทต่อหน่วย ครั้งที่ 3 ในอัตรา 0.50 บาทต่อหน่วย ครั้งที่ 4 ในอัตรา 0.33 บาทต่อหน่วย ครั้งที่ 5 ในอัตรา 0.45 บาทต่อหน่วย ครั้งที่ 6 ในอัตรา 0.47 บาทต่อหน่วย ครั้งที่ 7 ในอัตรา 0.25 บาทต่อหน่วย ครั้งที่ 8 ในอัตรา 0.15 บาทต่อหน่วย ครั้งที่ 9 ในอัตรา 0.35 บาทต่อหน่วย และครั้งที่ 10 ในอัตรา 0.15 บาทต่อหน่วย

ทั้งนี้ ผลตอบแทนของกองทุน ณ วันที่ 28 มีนาคม 2551 กองทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 4.86% เมื่อเทียบอัตราดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ที่ 2.00% และผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 3.72% เมื่อเทียบอัตราดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ที่ 2.00% และสามารถให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 4.22% เมื่อเทียบอัตราดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ที่ 3.46% ขณะที่ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 4.86% เมื่อเทียบอัตราดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ที่ 2.00%

ส่วนสัดส่วนการลงทุนของกองทุน ณ วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2551 พบว่า ลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ 69.45% ตราสารหนี้เอกชน 26.02% และลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ 4.53%
กำลังโหลดความคิดเห็น