xs
xsm
sm
md
lg

นครหลวงไทยเปิดจอง2กองใหม่ให้ลูกค้าเลือกรับยิลด์พันธบัตรกีวี่หรือกิมจิ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บลจ.นครหลวงไทย เปิดขาย 2 กองพันธบัตรต่างประเทศลงทุนนิวซีแลนด์ และเกาหลีใต้ วันที่ 28 มีนาคม – 3 เมษายนนี้ โชว์จุดเด่นยิลด์ที่แตกต่าง โดยหากสนใจรับผลตอบแทนที่สูงประมาณ 6.1% และรับความเสี่ยงได้ เลือก “เอสซีไอ นิวซีแลนด์ บอนด์” หรือต้องการความคุ้มครองและรอรับยิลด์ที่ประมาณ 3.85% เลือก “เอสซีไอ พันธบัตรเกาหลี” ส่วนเมษายน เตรียมส่งพร็อพเพอร์ตี้ ฟันด์ออกทำตลาดอีก 1 กองใหม่

น.ส.อัจฉรา สุทธิศิริกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) นครหลวงไทย เปิดเผยว่า ในวันที่ 28 มีนาคม – 3 เมษายน นี้ บริษัทเตรียมเปิดจองหน่วยลงทุนของ 2 กองทุนใหม่ ได้แก่กองทุนเปิดเอสซีไอ นิวซีแลนด์ บอนด์ (SCI NZ Bond) และกองทุนเปิดเอสซีไอ พันธบัตรเกาหลี (SCI Korean Bond Fund) มูลค่าโครงการละ 1,500 ล้านบาท

สำหรับ กองทุนเปิดเอสซีไอ นิวซีแลนด์ บอนด์ เป็นกองทุนเปิดประเภทกองทุนรวมตราสารแห่งหนี้ที่ลงทุนในต่างประเทศ โดยบลจ.นครหลวงไทยจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติครั้งเดียวในวันครบกำหนดโครงการและเป็นโครงการที่มีการกระจายการลงทุนน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน ซึ่งมีอายุโครงการ 1 ปี 3 เดือน และลงทุนขั้นต่ำเพียง 2,000 บาท

โดย กองทุน SCI NZ Bond มีนโยบาลงทุนในตราสารแห่งหนี้ภาครัฐต่างประเทศ โดยจะเน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลประเทศนิวซีแลนด์ ที่ได้รับการจัดเรตติ้งอยู่ในระดับ AAA หรือมีอันดับความเชื่ออยู่ใน 2 อันดับแรก โดยเฉลี่ยในรอบบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน

“กองทุน SCI NZ Bond มีประมาณผลตอบแทนรวมค่าใช้จ่ายประมาณ 6.1% โดยคิดเป็นค่าเงินนิวซีแลนด์ ทั้งนี้ กองทุนจะทำการป้องกันความเสี่ยงในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนจากเงินบาทเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ แต่ไม่ป้องกันความเสี่ยงในเรื่องของเงินดอลลาร์สหรัฐที่นำไปลงทุนเป็นเงินสกุลนิวซีแลนด์อีกครั้ง ซึ่งแม้ดูจะมีความเสี่ยง แต่ก็มีโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนจากเรื่องดังกล่าวเพิ่มเติม หากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง และค่าเงินนิวซีแลนด์แข็งค่าขึ้น ซึ่งการเปิดความเสี่ยงในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนนี้ไว้ ทำให้ผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนโดยเฉลี่ยที่ 5 – 6% ”

ทั้งนี้ บลจ.นครหลวงไทย ให้เหตุผลว่า เนื่องจากบริษัทเชื่อว่า ค่าเงินดอลลาร์หสรัฐจะมีการอ่อนค่าลงอีกในอนาคต รวมทั้งทั้งอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มปรับตัวลดลง จะทำให้เงินลงทุนในประเทศเคลื่อนย้ายไปลงทุนในต่างประเทศเพิ่มขึ้น ขณะที่อัตราดอกเบี้ยของ นิวซีแลนด์จะปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่วผลให้เกิดเม็ดเงินลงทุนจำนวนมากเคลื่อนย้ายเข้ามาลงทุนในประเทศดังกล่าว และจะทำให้ค่าเงินนิวซีแลนด์แข็งค่าขึ้นอีก ขณะเดียวกันนิวซีแลนด์กลับไม่ได้รับผลกระทบในเรื่องการส่งออกเท่าที่ควร เนื่องจากสินค้าส่งออกส่วนมากของประเทศเป็นสินค้าประเภทวัตถุดิบ และจากการสำรวจข้อมูลย้อนหลังพบว่าค่าเงินนิวซีแลนด์ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา มีการแข็งค่ามาโดยตลอด ยกเว้นเมื่อปี 2005 เท่านั้นที่อ่อนค่าลงประมาณ 4%

ขณะที่ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรนิวซีแลนด์ ณ ปัจจุบัน อยู่ที่ 7.2% ส่วนผลตอบแทนการลงทุนพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อยู่ที่ 2.94%

ส่วนกองทุนเปิดเอสซีไอ พันธบัตรเกาหลี เป็นกองทุน ประเภทกองทุนรวมตราสารแห่งนี้ที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลของประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นตราสารหนี้ภาครัฐที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ใน 2 อันดับแรก หรือมีเครดิตเรตติ้งที่ AA ขึ้นไป โดยเฉลี่ยในรอบบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน นอกจากนี้กองทุนดังกล่าวบริษัทจัดการกอลงทุนได้ทำการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็ม 100% เนื่องจากเป็นการเข้าลงทุนในรูปสกุลเงินบาท โดยบลจ.นครหลวงไทย ประมาณการณ์อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนที่ 3.85% ต่อปี

ทั้งนี้กองทุนดังกล่าวมีอายุโครงการ ที่ 1 ปี 6 เดือน และมีมูลค่าลงทุนขั้นต่ำที่ 2,000 บาท แต่กองทุนจะไม่เปิดเสนอขายหน่วยลงทุนเพิ่มเติมภายหลังจากการปิดเสนอขายครั้งแรก ขณะเดียวกันบริษัทจัดการจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติเป็นรายไตรมาส ( 3 เดือนครั้ง) และเป็นโครงการที่มีการกระจายลงทุนน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน

กรรมการผู้จัดการ บลจ.นครหลวงไทย กล่าวถึงสาเหตุการเปิดจองกองทุนที่ลงทุนในตราสารต่างประเทศพร้อมกัน 2 กองทุน แต่มีผลตอบแทนจากการลงทุนที่ต่างกันว่า เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกให้แก่นักลงทุนมากขึ้น ซึ่งต่อไปขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้ลงทุนที่จะชื่นชอบการลงทุนประเภทไหนมากกว่ากัน ระหว่างการลงทุนที่ได้รับผลตอบแทนในระดับบเสี่ยงแต่มีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างค่างเนดอลลาร์สหรัฐและค่าเงินนิวซีแลนด์ และการลงทุนที่มีความเสี่ยงน้อยโดยการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีที่มีการป้องกันความเสี่ยงให้กับนักลงทุนอย่างเต็มที่ แต่อัตราผลตอบแทนย่อมปรับตัวลดลงตามด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตามหากเปรียบแทนคาดการณ์อัตราผลตอบแทนกองทุนใหม่ทั้ง 2 โครงการกับอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในพันธบัตรและอัตราผลตอบแทนในรูปแบบดอกเบี้ยเงินฝากในประเทศไทยแล้ว พบว่าผลตอบแทนจากการลงทุนในต่างประเทศของทั้ง 2 กองทุนยังมีอยู่มากกว่าการลงทุนในประเทศ

กรรมการผู้จัดการ บลจ.นครหลวงไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ในช่วงปลายปี 2550 บริษัทได้เริ่มทยอยเปิดตัวกองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ หรือพันธบัตรในต่างประเทศ ซึ่งกองทุนที่ผ่านมาล้วนได้รับการตอบรับที่จากผู้ลงทุนทุกครั้ง ทำให้บริษัทเชื่อว่าจะได้รับการจากนักลงทุนเป็นอย่างดี นอกจากนี้ ในช่วงเดือนเมษายน ที่จะถึงนี้ บริษัทมีแผนที่จะเปิดขายหน่วยลงทุนกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ เออร์บานา สาทร ซึ่งเป็นพร็อพเพอร์ตี้ฟันด์กองใหม่ของบริษํทเพิ่มเติมอีกหนึ่งกองทุน
กำลังโหลดความคิดเห็น