xs
xsm
sm
md
lg

ทิสโก้เชื่อมั่นลูกค้าเข้าใจเฮดจ์จิ้ง ออกบอนด์ออสซี่2ผลตอบแทน5%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

"ทิสโก้"ออกกองทุนบอนด์ออสซี่ 2ให้ยิลด์ 5% ต่อปีล่อใจนักลงทุน หลังกองแรกและกองลักษณะเดียวกันอย่างบอนด์นิวซีแลนด์ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากก่อนหน้านี้ พร้อมยืนยันนักลงทุนที่ซื้อหน่วยลงทุนส่วนใหญ่เข้าใจเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนเป็นอย่างดีก่อนตัดสินใจ ขณะเดียวกันเตรียมโปรโมทกองทุนหุ้นต่อเนื่อง เหตุสถานาการณ์ตลาดหุ้นไทยยังน่าลงทุน

นางสาวธีรินทร์ สุวรรณเตมีย์ หัวหน้าการตลาดธุรกิจกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.)ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทจะมีการเสนอขาย "กองทุนเปิด ทิสโก้ พันธบัตรออสเตรเลีย2" ซึ่งเป็นกองทุนรวมที่เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลของประเทศออสเตรเลีย มูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท ระยะเวลาลงทุนประมาณ 1 ปี 7 เดือน 15 วัน โดยจะเสนอขายครั้งเดียวในวันที่ 14-20กุมภาพันธ์นี้ และมีเงินลงทุนขั้นต่ำอยู่ที่20,000 บาท

สำหรับนโยบายการลงทุนของกองทุนดังกล่าวจะมีสัดส่วนการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลออสเตรเลียรุ่น 7 1/2 09/09ไม่น้อยกว่าร้อยละ95 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือจะลงทุนในตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาลไทย และ/หรือเงินฝาก โดยกองทุนนี้จะไม่ทำการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อเปิดช่องให้ผู้ลงทุนมีโอกาศได้รับผลตอบแทนที่มากว่า จากการเปลี่ยนแปลงของค่าเงิน ซึ่งผลตอบแทนที่นักลงทุนจะได้รับจากการลงทุนคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 5% ต่อปี และมากหรือน้อยกว่านั้นก็ได้

"การเลือกลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลของประเทศออสเตรเลีย เนื่องจากเป็นประเทศที่ให้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสูง และเป็นประเทศที่มีเครดิตเรตติ้ง หรืออันดับความน่าเชื่อถือสูงถึงคือ AAA จึงทำให้การลงทุนในพันธบัตรของประเทศออสเตรเลียมีความเสี่ยงต่ำ โดยแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของประเทศออเสเตรเลียคงไม่ได้รับผลกระทบจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด เหมือนแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในภูมิภาคยุโรป เนื่องจากภาวะอัตราดอกเบี้ยเองจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของแต่ละส่วนที่มีความแตกต่างกัน อย่างไรก็ตามในช่วงที่ผ่านมาอัตราดอกเบี้ยของออสเตรเลียกลับมีการปรับขึ้นไปอีกเล็กน้อยด้วยซ้ำ"นางธีรินทร์กล่าว

นางสาวธีรินทร์ กล่าวอีกว่า นักลงทุนที่เข้ามาลงทุนกับบริษัทในกองทุนประเภทนี้มักจะมีความเข้าใจในเรื่องของความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนอยู่แล้ว เนื่องจากบริษัทจะประกาศให้รับทราบทั้งจากในสื่อโฆษณาต่างๆ และจากหนังสือชี้ชวน รวมถึงการให้ข้อมูลอย่างละเอียดในเรื่องนี้ เมื่อมีนักลงทุนสนใจสอบถามเข้ามา โดยผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุนในกองทุนที่มีการเปิดความเสี่ยงไว้จะขึ้นอยู่กับแนวโน้มค่าเงินที่ไปลงทุน และบริษัทได้บอกอย่างละเอียดแล้วว่าจะทำการลงทุนในรูปสกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย ไม่ใช่เงินบาท

"เราให้ความรู้กับนักลงทุนอย่างเต็มที่ และเชื่อว่านักลงทุนที่เข้ามาลงทุนกับเราจะเข้าใจในเรื่องนี้อยู่แล้ว ซึ่งเซลล์ของเราก็จะอธิบายอย่างชัดเจนว่าได้เปิดความเสี่ยงในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนไว้ และจะลงทุนในสกุลเงินอะไร โดยก่อนหน้านี้ยังเคยมีลูกค้ามาถามว่าหากลงทุนในกองนี้จะเป็นอย่างไร เรายังอธิบายเลยว่าถ้าลงทุนไปแล้วค่าเงินบาทเริ่มต้นอยู่ที่ 26 บาท/ดอลลาร์ออสเตรเลียแล้ววันที่ครบกำหนดค่าเงินบาทมันแข็งขึ้นอยู่ที่ 23 บาท/ดอลลาร์สหรัฐจะทำให้ผลตอบแทนที่ได้น้อยกว่าที่ประมาณการไว้ นักลงทุนยังบอกกับเราต่อเลยว่า อย่างนี้เขาก็มีโอกาสได้เพิ่มขึ้นด้วยซิถ้าเกิดมันบาทมันอ่อนกลายเป็น 29/ดอลลาร์ออสเตรเลียเหมือนกันใช่ไหม"นางธีรินทร์กล่าว

ส่วนการที่นักลงทุนหันกลับมาลงทุนในประเทศมากขึ้น หลังจากอัตราดอกเบี้ยของตรสารหนี้ยุโรปไม่มีแรงจูงใจมากพอนั้น คาดว่านักลงทุนส่วนใหญ่จะหันมาลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเพิ่มมากขึ้น โดยกองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศคงจะไม่ได้รับความนิยมมากนัก เนื่องจากการหาตราสารหนี้จากบริษัทเอกชนใหญ่ๆในปัจจุบันมีจำนวนน้อยมากในตลาด

นางสาวธีรินทร์ กล่าวอีกว่า แนวโน้มการออกกองทุนของบริษัทหลังจากนี้คงจะยังไม่เน้นในเรื่องของตราสารหนี้ในประเทศ เนื่องจากบริษัทจะคำนึงถึงความน่าเชื่อถือของสินทรัพย์ที่ไปลงทุนเป็นหลัก และขณะนี้หุ้นกู้ของบริษัทใหญ่ก็มีน้อยมากในตลาด ส่วนกองทุนที่บริษัทยังมีการแนะนำอย่างต่อเนื่องคงจะเป็นกองทุนหุ้น โดยเชื่อว่าจะเป็นโอกาสที่ดีในการลงทุน หลังจากที่การเมืองไทยมีความชัดมากขึ้น และตลาดหุ้นในประเทศไทยเองยังมีหุ้นพื้นฐานดีอยู่อีกพอสมควร ซึ่งทำให้เงินลงทุนจากต่างชาติยังวนเวียนอยู่ในตลาดหุ้นไทย
กำลังโหลดความคิดเห็น