บลจ.นครหลวงไทย สุดปลื้มกองทุนนิวซีแลนด์และกองทุนพันธบัตรเกาหลี ประสบความสำเร็จเกินคาด นักลงทุนแห่ตอบรับล้นทะลักจนต้องนำกรีนชู 2 กองทุนออกมาขาย ดันยอดเงินรวมกันกว่า 3พันล้านบาท ผู้บริหารเอาใจลูกค้าคนที่พลาดจอง และต้องการเพิ่มเตรียมส่งซีรีส์รุ่นต่อไปวางแผงหลังสงกรานต์ หวังนักลงทุนกลับจากเทศกาลแล้วแวะแบงก์ซื้อไอพีโอ
นายนที ดำรงค์กิจการ ผู้จัดการกองทุนตราสารหนี้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) นครหลวงไทย จำกัด เปิดเผยว่า ภายหลังบริษัทได้เปิดเสนอขายกองทุนรวมตราสารแห่งหนี้ที่ลงทุนในต่างประเทศ จำนวน 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดเอสซีไอ นิวซีแลนด์ บอนด์ (SCI NZ Bond) มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท อายุโครงการประมาณ 1 ปี 3 เดือน และกองทุนเปิดเอสซีไอ พันธบัตรเกาหลี (SCI Korean Bond Fund) มูลค่าโครงการละ 1,500 ล้านบาท โครงการประมาณ 1 ปี 6 เดือน โดยได้เปิดเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (ไอพีโอ) และครั้งเดียวพร้อมกันระหว่างวันที่ 28 มีนาคม – 3 เมษายน 2551 นั้น ปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างล้นหลาม ซึ่งทั้ง 2 กองทุนได้ใช้สิทธิ์เสนอขายหน่วยลงทุนเกินจำนวนเงินทุนของโครงการ 15% (กรีนชู) ไปเกือบทั้งหมด โดยกองทุนเปิดเอสซีไอ นิวซีแลนด์ บอนด์ สามารถระดมทุนได้ประมาณ 1,375 ล้านบาท ขณะที่กองทุนเปิดเอสซีไอ พันธบัตรเกาหลีระดมทุนได้ 1,720 ล้านบาท
สำหรับยอดเงินระดมทุนครั้งนี้ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ และสาเหตุที่นักลงทุนเข้ามาลงทุนเป็นจำนวนมาก เนื่องจากสามารถตอบสนองความต้องการของนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในกองทุนลักษณะนี้ โดยนักลงทุนมองว่าผลตอบแทนของพันธบัตรในประเทศปรับตัวลดลง จึงย้ายไปลงทุนในพันธบัตรเหมือนกัน แต่เป็นพันธบัตรของต่างประเทศแทน ซึ่งสามารถให้ผลตอบแทนที่สูงขึ้นด้วย
ขณะเดียวกัน บริษัทมีแผนที่เสนอขายกองทุนที่มีลักษณะเดียวกันกับทั้ง 2 กองทุนดังกล่าว เพื่อรองรับกับความต้องการที่มีเป็นจำนวนมาก คาดว่าจะสามารถเปิดเสนอขายได้ประมาณกลางเดือนเมษายน 2551
ทั้งนี้ กองทุนเปิดเอสซีไอ นิวซีแลนด์ บอนด์ (SCI NZ Bond) เป็นกองทุนรวมตราสารแห่งหนี้ที่ลงทุนในต่างประเทศ โดยบริษัทจัดการจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติครั้งเดียวในวันครบกำหนดอายุของโครงการ และเป็นโครงการที่มีการกระจายการลงทุนน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน (Specific Fund) มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท อายุโครงการประมาณ 1 ปี 3 เดือน โดยจะเน้นลงทุนในตราสารแห่งหนี้ภาครัฐต่างประเทศ โดยจะเน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลของประเทศนิวซีแลนด์ ซึ่งเป็นตราสารภาครัฐที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ใน 2 อันดับแรก โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
ขณะเดียวกันกองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการลงทุน (efficient portfolio management) ตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนดหรือเห็นชอบให้กองทุนลงทุนได้ รวมทั้งอาจทำธุรกรรมการซื้อโดยมีสัญญาขายคืน (Reverse Repo) หรือธุรกรรมการให้ยืมหลักทรัพย์ โดยเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด หรือเห็นชอบให้กองทุนลงทุนได้
อนึ่ง กองทุนดังกล่าวประมาณการอัตรารับซื้อคืนอัตโนมัติของกองทุนเท่ากับ 6.10% ต่อปี โดยจะลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลนิวซีแลนด์ ที่สามารถให้ผลตอบแทนร้อยละ 7.20 ต่อปี โดยมีสัดส่วนการลงทุนไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 และมีระยะเวลาการลงทุนประมาณ 1 ปี 3 เดือน และลงทุนในพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ที่สามารถให้ผลตอบแทนร้อยละ 2.94 ต่อปี โดยมีสัดส่วนการลงทุนประมาณร้อยละ 5 และมีระยะเวลาการลงทุนประมาณ 1 ปี 3 เดือน
ขณะที่กองทุนเปิดเอสซีไอพันธบัตรเกาหลี (SCI Korean Bond Fund) เป็นกองทุนรวมตราสารแห่งหนี้ที่ลงทุนในต่างประเทศโดยบริษัทจัดการจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติเป็นรายไตรมาสและเป็นโครงการที่มีการกระจายการลงทุนน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท อายุโครงการประมาณ 1 ปี 6 เดือน โดยจะเน้นลงทุนในตราสารแห่งหนี้ภาครัฐต่างประเทศ โดยจะเน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลของประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นตราสารภาครัฐที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ใน 2 อันดับแรก โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
โดย กองทุนจะลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการลงทุน (efficient portfolio management) ตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด หรือเห็นชอบให้กองทุนลงทุนได้ ซึ่งรวมถึงการลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่มีตัวแปรเป็นอัตราแลกเปลี่ยนเงินเพื่อลด ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน โดยการเข้าทำธุรกรรมกับคู่สัญญาต่างประเทศนั้นจะดำเนินการได้ต่อเมื่อได้รับความเห็นชอบ จากธนาคารแห่งประเทศไทย และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต.ทราบ รวมทั้งอาจทำธุรกรรมการซื้อโดยมีสัญญาขายคืน (Reverse Repo) หรือ ธุรกรรมการให้ยืมหลักทรัพย์ โดยเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด หรือเห็นชอบให้กองทุนลงทุนได้
นายนที ดำรงค์กิจการ ผู้จัดการกองทุนตราสารหนี้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) นครหลวงไทย จำกัด เปิดเผยว่า ภายหลังบริษัทได้เปิดเสนอขายกองทุนรวมตราสารแห่งหนี้ที่ลงทุนในต่างประเทศ จำนวน 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดเอสซีไอ นิวซีแลนด์ บอนด์ (SCI NZ Bond) มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท อายุโครงการประมาณ 1 ปี 3 เดือน และกองทุนเปิดเอสซีไอ พันธบัตรเกาหลี (SCI Korean Bond Fund) มูลค่าโครงการละ 1,500 ล้านบาท โครงการประมาณ 1 ปี 6 เดือน โดยได้เปิดเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (ไอพีโอ) และครั้งเดียวพร้อมกันระหว่างวันที่ 28 มีนาคม – 3 เมษายน 2551 นั้น ปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างล้นหลาม ซึ่งทั้ง 2 กองทุนได้ใช้สิทธิ์เสนอขายหน่วยลงทุนเกินจำนวนเงินทุนของโครงการ 15% (กรีนชู) ไปเกือบทั้งหมด โดยกองทุนเปิดเอสซีไอ นิวซีแลนด์ บอนด์ สามารถระดมทุนได้ประมาณ 1,375 ล้านบาท ขณะที่กองทุนเปิดเอสซีไอ พันธบัตรเกาหลีระดมทุนได้ 1,720 ล้านบาท
สำหรับยอดเงินระดมทุนครั้งนี้ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ และสาเหตุที่นักลงทุนเข้ามาลงทุนเป็นจำนวนมาก เนื่องจากสามารถตอบสนองความต้องการของนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในกองทุนลักษณะนี้ โดยนักลงทุนมองว่าผลตอบแทนของพันธบัตรในประเทศปรับตัวลดลง จึงย้ายไปลงทุนในพันธบัตรเหมือนกัน แต่เป็นพันธบัตรของต่างประเทศแทน ซึ่งสามารถให้ผลตอบแทนที่สูงขึ้นด้วย
ขณะเดียวกัน บริษัทมีแผนที่เสนอขายกองทุนที่มีลักษณะเดียวกันกับทั้ง 2 กองทุนดังกล่าว เพื่อรองรับกับความต้องการที่มีเป็นจำนวนมาก คาดว่าจะสามารถเปิดเสนอขายได้ประมาณกลางเดือนเมษายน 2551
ทั้งนี้ กองทุนเปิดเอสซีไอ นิวซีแลนด์ บอนด์ (SCI NZ Bond) เป็นกองทุนรวมตราสารแห่งหนี้ที่ลงทุนในต่างประเทศ โดยบริษัทจัดการจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติครั้งเดียวในวันครบกำหนดอายุของโครงการ และเป็นโครงการที่มีการกระจายการลงทุนน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน (Specific Fund) มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท อายุโครงการประมาณ 1 ปี 3 เดือน โดยจะเน้นลงทุนในตราสารแห่งหนี้ภาครัฐต่างประเทศ โดยจะเน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลของประเทศนิวซีแลนด์ ซึ่งเป็นตราสารภาครัฐที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ใน 2 อันดับแรก โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
ขณะเดียวกันกองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการลงทุน (efficient portfolio management) ตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนดหรือเห็นชอบให้กองทุนลงทุนได้ รวมทั้งอาจทำธุรกรรมการซื้อโดยมีสัญญาขายคืน (Reverse Repo) หรือธุรกรรมการให้ยืมหลักทรัพย์ โดยเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด หรือเห็นชอบให้กองทุนลงทุนได้
อนึ่ง กองทุนดังกล่าวประมาณการอัตรารับซื้อคืนอัตโนมัติของกองทุนเท่ากับ 6.10% ต่อปี โดยจะลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลนิวซีแลนด์ ที่สามารถให้ผลตอบแทนร้อยละ 7.20 ต่อปี โดยมีสัดส่วนการลงทุนไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 และมีระยะเวลาการลงทุนประมาณ 1 ปี 3 เดือน และลงทุนในพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ที่สามารถให้ผลตอบแทนร้อยละ 2.94 ต่อปี โดยมีสัดส่วนการลงทุนประมาณร้อยละ 5 และมีระยะเวลาการลงทุนประมาณ 1 ปี 3 เดือน
ขณะที่กองทุนเปิดเอสซีไอพันธบัตรเกาหลี (SCI Korean Bond Fund) เป็นกองทุนรวมตราสารแห่งหนี้ที่ลงทุนในต่างประเทศโดยบริษัทจัดการจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติเป็นรายไตรมาสและเป็นโครงการที่มีการกระจายการลงทุนน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท อายุโครงการประมาณ 1 ปี 6 เดือน โดยจะเน้นลงทุนในตราสารแห่งหนี้ภาครัฐต่างประเทศ โดยจะเน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลของประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นตราสารภาครัฐที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ใน 2 อันดับแรก โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
โดย กองทุนจะลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการลงทุน (efficient portfolio management) ตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด หรือเห็นชอบให้กองทุนลงทุนได้ ซึ่งรวมถึงการลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่มีตัวแปรเป็นอัตราแลกเปลี่ยนเงินเพื่อลด ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน โดยการเข้าทำธุรกรรมกับคู่สัญญาต่างประเทศนั้นจะดำเนินการได้ต่อเมื่อได้รับความเห็นชอบ จากธนาคารแห่งประเทศไทย และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต.ทราบ รวมทั้งอาจทำธุรกรรมการซื้อโดยมีสัญญาขายคืน (Reverse Repo) หรือ ธุรกรรมการให้ยืมหลักทรัพย์ โดยเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด หรือเห็นชอบให้กองทุนลงทุนได้