กองบอนด์แดนโสม บลจ.กสิกรไทย ฟีเวอร์ขายเกลี้ยงภายใน 2 วัน พร้อมเตรียมเปิดขายไอพีโอกองพันธบัตรเกาหลี 2 เพิ่มวันนี้ และอีก 2 กองใหม่ในสัปดาห์หน้า ระบุผลตอบแทนที่ได้สูงกว่าในประเทศ และตายตัว ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่แห่จองจนล้น ขณะเดียวกันเล็งออกกองพันธบัตรประเทศอื่นเสริมแต่ต้องมีการพิจารณาอีกครั้งก่อนเฉลย
นางเสาวณีย์ ศรีสุวรรณกิจ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า หลังจากเปิดขายกองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี ระหว่างวันที่ 6-12 มีนาคมที่ผ่านมา ปรากฏว่ามีนักลงทุนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก ทำให้ต้องมีการปิดขายก่อนกำหนดในวันที่ 7 มีนาคม 2551 โดยที่ยังมีความต้องการของนักลงทุนหลงเหลืออยู่
ทั้งนี้ บริษัทจึงได้เตรียมที่จะเปิดทำการขายกองทุนเค พันธบัตรเกาหลี 2 เพิ่มเติมอีกในวันนี้(12มี.ค.) จำนวน1 กอง และในสัปดาห์หน้าอีกประมาณ 2 กองทุน โดยที่จะมีขนาดกองทุนใกล้เคียงกับกองแรก เนื่องจากยังติดหลักเกณฑ์ของ คณะกรรมการกำกับ และดูแลตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)อยู่ แต่เชื่อว่ากองซีรีส์เดียวกันหลังจากนี้คงจะสามารถเพิ่มขนาดได้มากกว่า 50 ล้านเหรียญสหรัฐ
“ดีมานต์ของนักลงทุนในกองทุนนี้มีเข้ามาเยอะมาก ซี่งเรามีแผนที่จะออกกองใหม่อีกในวันนี้จำนวน 1 กอง และอาทิตย์หน้าอีก 2 กอง แต่การขยายขนาดได้ต้องรอหลังจากนี้ ทำให้กองที่ออกก่อนจะมีขนาดไม่ใหญ่มาก แต่กองที่จะยื่นจดทะเบียนหลังจากนี้ คงจะใหญ่กว่า 50 ล้านเหรียญได้”นางเสวนีกล่าว
นอกจากนี้ บริษัทได้ตั้งเป้าที่จะเปิดขายกองทุนประเภทนี้ให้กับนักลงทุนไปตลอดช่วงเดือนมีนาคมนี้ โดยคิดเป็นมูลโครงการรวมทั้งหมดประมาณ 10,000 ล้านบาท เพื่อรองรับความต้องการของนักลงทุนที่มีอยู่ต่อเนื่อง
สำหรับกองทุนพันธบัตรเกาหลีจะมีนโยบายการลงทุนที่มุ่งลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลของประเทศเกาหลีใต้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยเงินส่วนที่เหลือ อาทิ เงินที่สำรองไว้สำหรับการดำเนินงานรอการลงทุน หรือรักษาสภาพคล่องของกองทุน จะนำมาลงทุนในหลักทรัพย์ที่เสนอขายในประเทศ อาทิ เงินฝาก ตราสารทางการเงิน และตราสารแห่งหนี้ รวมถึงหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นที่ไม่ขัดต่อกฎหมายก.ล.ต. นอกจากนี้กองทุนจะทำการป้องกันความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของค่าเงินอีกด้วย
นางเสาวณีย์ กล่าวอีกว่า การที่บริษัทออกกองทุนพันธบัตรเกาหลีในช่วงนี้ เนื่องจากเห็นว่าผลตอบแทน และความน่าเชื่อถือของประเทศเกาหลีอยู่ในระดับที่สูงกว่าการลงทุนภายในประเทศ อีกทั้งจะเป็นการหาสินค้าอื่นที่มาแทนการลงทุนในตราสารหนี้ทวีปยุโรป หรือ ECP ที่ผลตอบแทนปรับตัวลดลงในช่วงที่ผ่านมา ทำให้บริษัทไม่สามารถเสนอขายกองทุนประเภทนี้ได้ตามแผนเดิมที่ตั้งเป้าไว้
ทั้งนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะออกกองทุนในลักษณะเดียวกันอีก เพื่อเป็นทางเลือกแก่นักลงทุน แต่ขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาว่าจะเลือกลงทุนในประเทศไหน เนื่องจากต้องมีการวิเคราะห์อย่างละเอียดก่อนนำเสนอแก่ลูกค้า
โดยเชื่อว่ากองทุนประเภทนี้น่าจะเหมาะกับนักลงทุนที่มีความเข้าใจในการลงทุนต่างประเทศ และจะทดแทนกอง ECP ในปีที่แล้วได้ แต่สำหรับนักลงทุนที่ยังไม่เข้าใจ สามารถลงทุนกับกองทุนในประเทศของบริษัทได้เช่นกัน โดยขณะนี้กองทุนตราสารหนี้ในประเทศชนิดโลโอเวอร์ของบริษัทมีเปิดขายในทุกเดือนอยู่แล้ว
“นักลงทุนที่ชอบกองทุนประเภทนี้ เพราะรู้ว่าผลตอบแทนที่ได้ตายตัว หลังจากหักค่าใช้จ่ายด้านต่างๆ แล้ว ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่จะชอบแบบนี้ ทำให้กองทุนนี้ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นจำนวนมาก ส่วนนักลงทุนที่ conservative หน่อยก็สามารถลงทุนกับกองในประเทศได้เช่นกัน ก็ถือเป็นทางเลือกให้นักลงทุนในตัว”นางเสวณีย์ กล่าว
นางเสาวณีย์ ศรีสุวรรณกิจ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า หลังจากเปิดขายกองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี ระหว่างวันที่ 6-12 มีนาคมที่ผ่านมา ปรากฏว่ามีนักลงทุนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก ทำให้ต้องมีการปิดขายก่อนกำหนดในวันที่ 7 มีนาคม 2551 โดยที่ยังมีความต้องการของนักลงทุนหลงเหลืออยู่
ทั้งนี้ บริษัทจึงได้เตรียมที่จะเปิดทำการขายกองทุนเค พันธบัตรเกาหลี 2 เพิ่มเติมอีกในวันนี้(12มี.ค.) จำนวน1 กอง และในสัปดาห์หน้าอีกประมาณ 2 กองทุน โดยที่จะมีขนาดกองทุนใกล้เคียงกับกองแรก เนื่องจากยังติดหลักเกณฑ์ของ คณะกรรมการกำกับ และดูแลตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)อยู่ แต่เชื่อว่ากองซีรีส์เดียวกันหลังจากนี้คงจะสามารถเพิ่มขนาดได้มากกว่า 50 ล้านเหรียญสหรัฐ
“ดีมานต์ของนักลงทุนในกองทุนนี้มีเข้ามาเยอะมาก ซี่งเรามีแผนที่จะออกกองใหม่อีกในวันนี้จำนวน 1 กอง และอาทิตย์หน้าอีก 2 กอง แต่การขยายขนาดได้ต้องรอหลังจากนี้ ทำให้กองที่ออกก่อนจะมีขนาดไม่ใหญ่มาก แต่กองที่จะยื่นจดทะเบียนหลังจากนี้ คงจะใหญ่กว่า 50 ล้านเหรียญได้”นางเสวนีกล่าว
นอกจากนี้ บริษัทได้ตั้งเป้าที่จะเปิดขายกองทุนประเภทนี้ให้กับนักลงทุนไปตลอดช่วงเดือนมีนาคมนี้ โดยคิดเป็นมูลโครงการรวมทั้งหมดประมาณ 10,000 ล้านบาท เพื่อรองรับความต้องการของนักลงทุนที่มีอยู่ต่อเนื่อง
สำหรับกองทุนพันธบัตรเกาหลีจะมีนโยบายการลงทุนที่มุ่งลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลของประเทศเกาหลีใต้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยเงินส่วนที่เหลือ อาทิ เงินที่สำรองไว้สำหรับการดำเนินงานรอการลงทุน หรือรักษาสภาพคล่องของกองทุน จะนำมาลงทุนในหลักทรัพย์ที่เสนอขายในประเทศ อาทิ เงินฝาก ตราสารทางการเงิน และตราสารแห่งหนี้ รวมถึงหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นที่ไม่ขัดต่อกฎหมายก.ล.ต. นอกจากนี้กองทุนจะทำการป้องกันความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของค่าเงินอีกด้วย
นางเสาวณีย์ กล่าวอีกว่า การที่บริษัทออกกองทุนพันธบัตรเกาหลีในช่วงนี้ เนื่องจากเห็นว่าผลตอบแทน และความน่าเชื่อถือของประเทศเกาหลีอยู่ในระดับที่สูงกว่าการลงทุนภายในประเทศ อีกทั้งจะเป็นการหาสินค้าอื่นที่มาแทนการลงทุนในตราสารหนี้ทวีปยุโรป หรือ ECP ที่ผลตอบแทนปรับตัวลดลงในช่วงที่ผ่านมา ทำให้บริษัทไม่สามารถเสนอขายกองทุนประเภทนี้ได้ตามแผนเดิมที่ตั้งเป้าไว้
ทั้งนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะออกกองทุนในลักษณะเดียวกันอีก เพื่อเป็นทางเลือกแก่นักลงทุน แต่ขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาว่าจะเลือกลงทุนในประเทศไหน เนื่องจากต้องมีการวิเคราะห์อย่างละเอียดก่อนนำเสนอแก่ลูกค้า
โดยเชื่อว่ากองทุนประเภทนี้น่าจะเหมาะกับนักลงทุนที่มีความเข้าใจในการลงทุนต่างประเทศ และจะทดแทนกอง ECP ในปีที่แล้วได้ แต่สำหรับนักลงทุนที่ยังไม่เข้าใจ สามารถลงทุนกับกองทุนในประเทศของบริษัทได้เช่นกัน โดยขณะนี้กองทุนตราสารหนี้ในประเทศชนิดโลโอเวอร์ของบริษัทมีเปิดขายในทุกเดือนอยู่แล้ว
“นักลงทุนที่ชอบกองทุนประเภทนี้ เพราะรู้ว่าผลตอบแทนที่ได้ตายตัว หลังจากหักค่าใช้จ่ายด้านต่างๆ แล้ว ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่จะชอบแบบนี้ ทำให้กองทุนนี้ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นจำนวนมาก ส่วนนักลงทุนที่ conservative หน่อยก็สามารถลงทุนกับกองในประเทศได้เช่นกัน ก็ถือเป็นทางเลือกให้นักลงทุนในตัว”นางเสวณีย์ กล่าว
