xs
xsm
sm
md
lg

ยูโอบีชี้หุ้นไทยมีลุ้นแตะพันจุด ด้านกองทุนรวมไตรมาสแรกหดตัวเล็กน้อย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ.ยูโอบีชี้ปัจจัยการเมือง กระทบตลาดหุ้นไทยแค่ระยะสั้น มองดัชนีไม่ซึมลึกมีโอกาสขยับขึ้นไปแตะ 900 – 1,000 จุด เผยกองทุนรวมไตรมาสแรกหดตัวเล็กน้อย เหตุรัฐออกพันธบัตรและแบงก์แข่งระดมเงินฝาก ชู “กองทุนเปิดยูโอบี ชัวร์ เดลี” ทางเลือกนักลงทุนที่ต้องการเสี่ยงต่ำ จ่อออกกองทุนเอฟไอเอฟ 1 กองทุน คาดเปิดไอพีโอปลายเดือนเมษายนนี้

นายวนา พูลผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยูโอบี (ไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจัยทางการเมืองที่ยังมีความไม่แน่นอนอยู่ในขณะนี้ จะกระทบกับตลาดทุนไทยในระยะสั้นเท่านั้น โดยจะไม่มีผลกระทบต่อตลาดทุนในระยะยาว ซึ่งข่าวการเมืองที่ออกมาและมีผลกดดันดัชนีหุ้น ก็ถือเป็นโอกาสที่ดีในการที่ผู้จัดการกองทุนจะเข้าไปซื้อหุ้น ทั้งนี้ มองว่าบริษัทจดทะเบียนกว่า 400 บริษัท มีเพียงส่วนน้อยที่รายได้และกำไรขึ้นอยู่กับการเมือง ขณะเดียวกันภาวะเศรษฐกิจ การส่งออกและการนำเข้ายังสามารถขยายตัวได้ดี

อย่างไรก็ตาม มองว่าการปรับตัวขึ้นและลดลงของดัชนีหุ้น จะขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจเป็นสำคัญ โดยที่ผ่านมา การเมืองในประเทศไทยไม่มีช่วงไหนที่จะสงบนิ่ง หากการเมืองมีความสงบนิ่งก็ไม่ใช่การเมือง โดยเชื่อว่าดัชนีหุ้นไทยหากปรับตัว คงลงไม่ลึกและไม่นาน เพราะว่ามีปัจจัยภายในแข็งแกร่ง ความสนใจของนักลงทุนต่างชาติมีจำนวนมาก พีอีเรโชของหุ้นยังถูก และการเมืองเริ่มนิ่งแล้ว หลังจากที่ไม่มีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งมานานกว่า 1 ปี ซึ่งจะทำให้มีการออกนโยบบายมากระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น ทำให้นักลงทุนต่างชาติเกิดความเชื่อมั่นด้วย

"โบรกเกอร์หลายแห่งมองว่าปัญหาสินเชื่อด้อยคุณภาพในสหรัฐอเมริกา (ซับไพรม์) จะกระทบต่อตลาดหุ้นไทยน้อยมาก ซึ่งหุ้นไทยเองจะปรับตัวลดลงน้อยกว่าตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย โดยในช่วงที่ดัชนีปรับตัวลดลงจะมีผู้มารอรับหุ้นตลอดเวลา ทำให้คาดว่าดัชนีหุ้นไทยในปีนี้มีโอกาสปรับขึ้นไปในระดับที่ 900 – 1,000 จุดได้ไม่ยาก ส่วนการยุบพรรคการเมืองอาจจะส่งผลในแง่จิตวิทยา และไม่ได้เอามาเป็นประเด็นหลักในการตัดสินใจ ตลาดหุ้นไม่กระทบมาก โดยจะพิจารณาจากแนวโน้มของกำไรของบริษัทจดทะเบียนเป็นหลัก"นายวนากล่าว

สำหรับภาพรวมของกองทุนรวมในช่วงที่ผ่านมา นายวนากล่าวว่า ขนาดของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (เอ็นเอวี) ของกองทุนรวมตกลงมา แต่ลดลงไม่มาก เนื่องจากมีอัตราดอกเบี้ยมากดดันอยู่ และรัฐบาลมีการออกพันธบัตรรัฐบาลมาเป็นจำนวนมาก ทำให้เม็ดเงินไหลออกจากระบบกองทุนรวมพอสมควร นอกจากนี้ ยังได้รับผลกระทบจากการที่ธนาคารพาณิชย์มีการออกโปรโมชั่นให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากสูงด้วย

อย่างไรก็ตาม การที่พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองเงินฝาก จะเริ่มมีผลบังคับใช้ประมาณกลางปีนี้ คาดว่าทางรัฐบาลจะประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบเกี่ยวกับรายละเอียดและผลกระทบของ พ.ร.บ.ดังกล่าว แม้ว่าในปีแรกจะมีการคุ้มครองเงินไม่เต็มจำนวน แต่จะทำให้ประชาชนมีการโยกย้ายเม็ดเงินจากธนาคารพาณิชย์ขนาดเล็กมาสู่ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ หรือแม้กระทั่งกองทุนรวม และการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำอย่างพันธบัตรรัฐบาล

"ในช่วงนี้บลจ.เอง มีการออกตราสารหนี้ที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ ที่นับว่าเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนที่สูงขึ้น แต่ก็จะมีความเสี่ยงมากขึ้นด้วยเช่นกัน โดยแผนออกกองทุนในช่วงนี้ เราเองเตรียมออกกองทุนรวมต่างประเทศ (เอฟไอเอฟ) เพิ่มอีกจำนวน 1 กองทุน คาดว่าจะสามารถเปิดเสนอขายครั้งแรกได้ประมาณปลายเดือนเมษายนนี้"นายวนากล่าว

ทั้งนี้ ในส่วนของบลจ.ยูโอบี จะเน้นในเรื่องของความปลอดภัยในการลงทุนมากกว่าผลตอบแทนที่สูง โดยมีกองทุนเปิดยูโอบี ชัวร์ เดลี ที่มีความปลอดภัยในการลงทุน โดยกองทุนจะลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลอายุไม่เกิน 100 วัน และที่ผ่านมาได้รับความสนใจจากนักลงทุนจนทำให้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 14,000 ล้านบาทมาอยู่ที่ 19,000 ล้านบาท โดยกองทุนเปิดยูโอบี ชัวร์ เดลี มีนโยบายเน้นลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐบาล ได้แก่ ตั๋วเงินคลัง, พันธบัตรรัฐบาล, พันธบัตรที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย ส่วนที่เหลือจะนำไปลงทุนในเงินฝากธนาคาร

ทั้งนี้ สัดส่วนการลงทุนของกองทุนดังกล่าว ณ วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2551 ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลและพันธบัตรรัฐวิสาหกิจ 95.91% ลงทุนในเงินฝากและตราสารหนี้ที่ออกโดยสถาบันการเงิน 3.83% และลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ อีก 0.26%

ส่วนผลการดำเนินงานของกองทุน ณ วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2551 สามารถให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 2.75% ขณะที่ผลตอบแทนจากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 2.32% และผลตอบแทนจากดัชนีกองทุนตราสารหนี้ย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 11.66% ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 2.75% ขณะที่ผลตอบแทนจากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 2.33% และผลตอบแทนจากดัชนีกองทุนตราสารหนี้ย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 11.51% ผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 2.70% ขณะที่ผลตอบแทนจากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 2.35% และผลตอบแทนจากดัชนีกองทุนตราสารหนี้ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 5.07% ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 3.00% ขณะที่ผลตอบแทนจากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 2.52% และผลตอบแทนจากดัชนีกองทุนตราสารหนี้ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 3.96%
กำลังโหลดความคิดเห็น