xs
xsm
sm
md
lg

กูรูมองน้ำมัน-ทองราคาสูงเกินจริง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กูรูวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์ ปตท.ชี้ ราคาน้ำมันเหมาะสมอยู่ที่ 70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ระบุหากมีการใช้ระบบขนส่งมวลชน-คาร์พูลอย่างจริงจัง ช่วยลดการใช้พลังงานได้มาก ขณะที่ห้างทองเล่งหงษ์ระบุ ราคาทองคำในตลาดโลกมีสิทธิ์ทะลุ 1,800 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ในช่วง 4 ปีข้างหน้า ด้านบลจ.ฟินันซ่า มองสินค้าโภคภัณฑ์มีแนวโน้มเป็นบวกไปอีก 5-10 ปี แนะลงทุน 10%ของพอร์ตลงทุน

นายนิพิฐ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันมีโอกาสที่จะยืนอยู่ในระดับที่ 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาเรลตลอดไป แต่น่าจะปรับตัวลดลงมา เนื่องจากน้ำมันเป็นปัจจัยที่จำเป็นปัจจัยที่ 5 ภายหลังที่เรามีพัฒนาการเรื่องใช้เครื่องจักรมาจากซากฟอสซิล การที่จะเปลี่ยนไปใช้อย่างอื่นทดแทนการจึงเป็นเรื่องที่ยากลำบาก ต่อมาพอราคาน้ำมันปรับตัวลดลงจึงไม่มีใครสนใจไปทำอย่างอื่นเพื่อมาทดแทน ราคาน้ำ ที่อยู่อาศัย คนไปการศึกษาพลังงานทางเลือกเพื่อนนำมาใช้แทน ขณะที่ผู้ผลิตเองคงไม่ต้องการให้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นไปมาก เพราะว่าหากมีพลังงานทางเลือกมาทดแทนแล้ว คนจะไม่กลับมาใช้น้ำมันอีก แม้ว่าราคาน้ำมันจะปรับลดลงก็ตาม

ทั้งนี้ หากราคาน้ำมันอยู่ในระดับที่สูงตลอดไป คนจะเริ่มไปวิจัยหาสิ่งใหม่แทน ปัจจุบัน ปริมาณกำลังสำรองน้ำมันที่สามรถขุดขึ้นมาได้มีประมาณ 30% ส่วนที่เหลืออีก 70% ไม่สามารถนำมาใช้ได้ เพราะว่าเทคโนโลยีในปัจจุบันไม่สามรถนำน้ำมันขึ้นมาได้ โดยทางเทคนิคแล้ว ปริมาณน้ำมันยังมีอยู่ทั่วโลก หากมีการพัฒนาเทคโนโลยีก็สามารถผลิตขึ้นมาใช้ได้

สำหรับราคาน้ำมันที่เหมาะสมน่าจะอยู่ที่ระดับ 70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาเรล แต่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะใช้น้ำมัน เพราะโลกมีการพัฒนามาแบบนั้น ส่วนอะไรที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ก็สามารถพัฒนาขึ้นแล้วนำมาใช้แทน โดยในระยะยาวแล้วปริมาณการใช้พลังงานโดยเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้น โดยประเทศไทยยังไม่เคยเจอสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน ขณะที่ประเทศอื่นๆ เคยประสบมาแล้ว หากมีการใช้คาร์พูล และรัฐบาลมีการตัดสินใจในการทำระบบขนส่งมวลชนก็จะช่วยได้มาก และการปล่อยราคาให้เป็นไปตามกลไกของราคาตลาดโลกเป็นวิธีการที่ดีที่สุด และจะช่วยให้คนประหยัดไปโดยปริยาย

นายสมพงษ์ วชิรคพรรณ หุ้นส่วนผู้จัดการ ห้างทองเล่งหงษ์ กล่าวว่า ราคาทองคำในปัจจุบันยังอยุ่ในระดับที่สูง โดยหากราคาทองคำไม่ปรับลดลงมาที่ระดับ 12,500 – 12,800 บาทอย่าไปลงทุน แต่หากราคาปรับขึ้นไป 15,000 บาท ทำให้ต้องซื้อ เพราะอัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูง ทำให้สินทรัพย์หายไปเพราะอัตราเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารพาณิชย์ให้ก็ไม่สมดุลย์กัน ดังนั้น จึงควรลงทุนในสินทรัพย์อะไรที่ได้อัตราผลตอบแทนมากกว่า 5% ซึ่งทองคำจะสามารถปกป้องจากการเสี่ยมโทรมของสินทรัพย์ได้สูง และคาดว่าช่วงที่เหมาะสมในการซื้อทองคำน่าจะอยู่ประมาณเดือนมิถุนายน 2551 โดยราคาทองคำน่าจะปรับตัวลงไปที่ 12,800 บาท

ทั้งนี้ ราคาทองคำมีการแกว่งตัวค่อนข้างสูง โดยในช่วง 4 ปีข้างหน้าราคาทองคำในตลาดโลกมีโอกาสปรับขึ้นไปที่ระดับ 1,800 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำในประเทศมีโอกาสปรับขึ้นไปที่ 20,000 บาท จากนั้นจะปรับตัวลดลงมาที่ตามธรรมชาติของสินค้าโภคภัณฑ์ ขณะที่ค่าเงินบาทจะอยู่ที่ 25 -26 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เพราะว่าราคาทองคำปรับขึ้น ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐจะถูกลง และราคาน้ำมันมีโอกาสพุ่งขึ้นไปที่ระดับ 180 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ทำให้ราคาน้ำมันในประเทศไทยจะอยู่ที่ระดับ 50 บาทต่อลิตร

นายชลัช ชินธรรมมิตร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท น้ำตาลทรายขอนแก่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ประเทศไทยมีศักยภาพในการผลิตเอทานอลสูง แต่ต้องขึ้นอยู่กับนโยบายของทางภาครัฐเป็นสำคัญ น้ำตาลถือว่าเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ชนิดหนึ่ง หากจะลงทุนเองจะลำบาก เพราว่ามีความหวือหวา ราคาปรับขึ่นลงอย่างรวดเร็ว ควรให้กองทุนดูแลให้ เพราะว่าเป็นผู้ที่มีประสบการณ์

สำหรับปริมาณการใช้เอทานอลมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยสหรัฐอเมริกา จะนิยมใช้ข้าวโพดผลิต เพราะว่าผลผลิตมาค่อนข้างเพียงพอกับความต้องการ แต่ก็นับว่ามีต้นทุนสูงที่สุด โดยมันสำปะหลังมีต้นทุนรองลงมา และอ้อยเป็นสิ่งที่มีต้นทุนถูกที่สุด ขณะเดียวกัน ยังสามารถนำกากอ้อยไปสร้างพลังงานอื่นได้ด้วย ปัจจุบัน ประเทศไทยมีอ้อยมากกว่าปริมาณการส่งออกอยุ่ที่ 5 ล้านตัน และไม่มีความจำเป็นที่จะต้องส่งออกสินค้าถูกไปยังประเทศอื่น เพื่อให้ประเทศอื่นนำมาสร้างมูลค่าเพิ่ม และประเทศไทยไปซื้อกลับมา

นายมนต์ชัย จาตุรันต์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ฟินันซ่า จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หุ้นในตลาดหุ้นมีปริมาณสูง 30% ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ปต่หากดูในแง่อุปสงค์ของน้ำมันแล้ว ไม่ได้เติบโตเร็ว เพราะมีข้อจำกัดในการผลิต โดยจีน อินเดีย ที่คนชั้นกลางเริ่มมีรายได้ทำให้หันมานิยมบริโภคเพิ่มมากขึ้น ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ (คอมมอดิตี้) จึงมีแนวโน้มเป็นบวกไปอีก 5-10 ปี

ทั้งนี้ หากมีเงิน 100 บาท ให้ลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ เงินสด ตราสารหนี้ หุ้น อสังหาริมทรัพย์ โดยควรลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ประมาณ 10% ของพอร์ตในภาวะปกติ
กำลังโหลดความคิดเห็น