เอวายเอฟ เตรียมขายกองทุนเปิดอยุธยา อาเซียน เวียดนาม โฟกัส ( AYFAVN) เน้นลงทุนใน 6 ประเทศในอาเซียน เวียดนาม สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปินส์ เเละไทยในวันที่ 18-31 มีนาคม นี้
นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการ (บลจ.) กองทุนอยุธยา จำกัด กล่าวว่า เอวายเอฟ เตรียมเสนอขายกองทุนกองทุนเปิดอยุธยา อาเซียน เวียดนาม โฟกัส ซึ่งเป็นกองทุนหุ้นที่เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนเพียงกองทุนเดียว (Feeder Fund) ในกองทุน CAAM Funds - ASEAN New Markets โดยมี Credit Agricole Asset Management (CAAM) เป็นผู้จัดการกองทุน
ทั้งนี้มีทางบลจ.ได้เล็งเห็นศักยภาพการเติบโตของภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะประเทศเวียดนาม ซึ่งมีการคาดการณ์ว่า GDP จะเติบโตสูงถึง 9% ในปี 2008 (The Economist, 31 Jan 08) โดยกองทุนดังกล่าวมีผลตอบแทนย้อนหลังของกองทุนนตั้งแต่จัดตั้งกองทุน (20 เม.ย.50) อยู่ที่ +20.22% (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธ.ค.50) เทียบกับผลตอบแทน +22.44% ต่อปี ของดัชนี MSCI South East Asia (ดัชนีนี้ไม่รวมประเทศเวียดนาม)
สำหรับกลยุทธ์การเลือกลงทุนของAYFAVN จะเลือกลงทุนใน 6 ประเทศที่อยู่ในอาเซียนเป็นหลักโดยมีการลงทุนในประเทศที่อยู่ในอาเซียนในสัดส่วนที่มากกว่า 65% ของเงินลงทุนซึ่งประกอบด้วย ประเทศเวียดนามซึ่งมีอัตราการเจริญเติบโตโดยรวมสูงในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาและยังคาดว่าจะเติบโตในระดับเกิน 6% ขึ้นไปในอีก 3-5 ปีข้างหน้าจากการวางโครงสร้างพื้นฐานและการเติบโตในภาคการลงทุนโดยตรงจากทั้งจากภายนอกและภายในประเทศ ประเทศสิงคโปร์ที่บริษัทมีการเติบโตกำไรมั่นคง รวมถึงโอกาสการเติบโตในโครงสร้างพื้นฐาน ภาคพลังงาน supply chain และภาคการบริโภคอีกด้วย
ในขณะเดียวกันก็จะมีการลงทุนในประเทศมาเลเซีย ซึ่งมีโอกาสสำหรับการลงทุนแบบ buttom-up สำหรับบริษัทที่มีการปรับโครงสร้างภาคการ ก่อสร้าง soft commodities และ M&A play ประเทศอินโดนีเซียโดยมีโอกาสการลงทุนในภาค soft commodities และโครงสร้างพื้นฐาน โดยทางบลจ.มองว่าประเทศฟิลิปปินส์ยังมีทรัพยากรณ์ธรรมชาติค่อนข้างมากที่สามารถนำมาพัฒนาประเทศในอนาคตอันใกล้ข้างหน้า จากการที่ราคา commodity มีการปรับราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และประเทศไทยนั้นมองในเเง่valuations ยังเป็นโอกาสในการเลือกลงทุนแบบ buttom-upนั่นเอง
อย่างไรก็ตามภาพรวมการลงทุนในขณะนี้ อาจจะดูไม่สดใสนักในระยะสั้น แต่ถ้าหากนักลงทุนที่มีประสบการณ์ในการลงทุนในตลาดหุ้นมายาวนาน ก็จะเห็นว่าในช่วงเวลาที่ตลาดหุ้นมีการปรับตัวลดต่ำลงอย่างมาก แต่ในขณะที่การเติบโตของเศรษฐกิจในระยะยาวนั้นยังคงมีแนวโน้มที่จะยังเติบโตในระดับที่มั่นคงและต่อเนื่อง ได้อยู่ การปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นก็จะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ลงทุนระยะยาวในการที่จะได้เลือกลงทุนในหลักทรัพย์ที่ดีในราคาถูก ดังนั้นการปรับตัวลดลงของหลักทรัพย์ในภูมิภาคอาเซียนตั้งแต่ต้นปี 2551 ที่ผ่านมานี้นั้น น่าจะเป็นโอกาสที่ดีในการที่ผู้ลงทุนจะหันมาสนใจการลงทุนในกองทุนที่เน้นการลงทุนในภูมิภาคเอซียนนี้
นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการ (บลจ.) กองทุนอยุธยา จำกัด กล่าวว่า เอวายเอฟ เตรียมเสนอขายกองทุนกองทุนเปิดอยุธยา อาเซียน เวียดนาม โฟกัส ซึ่งเป็นกองทุนหุ้นที่เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนเพียงกองทุนเดียว (Feeder Fund) ในกองทุน CAAM Funds - ASEAN New Markets โดยมี Credit Agricole Asset Management (CAAM) เป็นผู้จัดการกองทุน
ทั้งนี้มีทางบลจ.ได้เล็งเห็นศักยภาพการเติบโตของภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะประเทศเวียดนาม ซึ่งมีการคาดการณ์ว่า GDP จะเติบโตสูงถึง 9% ในปี 2008 (The Economist, 31 Jan 08) โดยกองทุนดังกล่าวมีผลตอบแทนย้อนหลังของกองทุนนตั้งแต่จัดตั้งกองทุน (20 เม.ย.50) อยู่ที่ +20.22% (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธ.ค.50) เทียบกับผลตอบแทน +22.44% ต่อปี ของดัชนี MSCI South East Asia (ดัชนีนี้ไม่รวมประเทศเวียดนาม)
สำหรับกลยุทธ์การเลือกลงทุนของAYFAVN จะเลือกลงทุนใน 6 ประเทศที่อยู่ในอาเซียนเป็นหลักโดยมีการลงทุนในประเทศที่อยู่ในอาเซียนในสัดส่วนที่มากกว่า 65% ของเงินลงทุนซึ่งประกอบด้วย ประเทศเวียดนามซึ่งมีอัตราการเจริญเติบโตโดยรวมสูงในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาและยังคาดว่าจะเติบโตในระดับเกิน 6% ขึ้นไปในอีก 3-5 ปีข้างหน้าจากการวางโครงสร้างพื้นฐานและการเติบโตในภาคการลงทุนโดยตรงจากทั้งจากภายนอกและภายในประเทศ ประเทศสิงคโปร์ที่บริษัทมีการเติบโตกำไรมั่นคง รวมถึงโอกาสการเติบโตในโครงสร้างพื้นฐาน ภาคพลังงาน supply chain และภาคการบริโภคอีกด้วย
ในขณะเดียวกันก็จะมีการลงทุนในประเทศมาเลเซีย ซึ่งมีโอกาสสำหรับการลงทุนแบบ buttom-up สำหรับบริษัทที่มีการปรับโครงสร้างภาคการ ก่อสร้าง soft commodities และ M&A play ประเทศอินโดนีเซียโดยมีโอกาสการลงทุนในภาค soft commodities และโครงสร้างพื้นฐาน โดยทางบลจ.มองว่าประเทศฟิลิปปินส์ยังมีทรัพยากรณ์ธรรมชาติค่อนข้างมากที่สามารถนำมาพัฒนาประเทศในอนาคตอันใกล้ข้างหน้า จากการที่ราคา commodity มีการปรับราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และประเทศไทยนั้นมองในเเง่valuations ยังเป็นโอกาสในการเลือกลงทุนแบบ buttom-upนั่นเอง
อย่างไรก็ตามภาพรวมการลงทุนในขณะนี้ อาจจะดูไม่สดใสนักในระยะสั้น แต่ถ้าหากนักลงทุนที่มีประสบการณ์ในการลงทุนในตลาดหุ้นมายาวนาน ก็จะเห็นว่าในช่วงเวลาที่ตลาดหุ้นมีการปรับตัวลดต่ำลงอย่างมาก แต่ในขณะที่การเติบโตของเศรษฐกิจในระยะยาวนั้นยังคงมีแนวโน้มที่จะยังเติบโตในระดับที่มั่นคงและต่อเนื่อง ได้อยู่ การปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นก็จะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ลงทุนระยะยาวในการที่จะได้เลือกลงทุนในหลักทรัพย์ที่ดีในราคาถูก ดังนั้นการปรับตัวลดลงของหลักทรัพย์ในภูมิภาคอาเซียนตั้งแต่ต้นปี 2551 ที่ผ่านมานี้นั้น น่าจะเป็นโอกาสที่ดีในการที่ผู้ลงทุนจะหันมาสนใจการลงทุนในกองทุนที่เน้นการลงทุนในภูมิภาคเอซียนนี้