xs
xsm
sm
md
lg

MFCจับมือEXIMตั้งบ.ที่ปรึกษา โชว์กำไรปีหมู115ล้าน-ใจดีปันผลอีก70สต.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ.เอ็มเอซีซุ่มเงียบ ทุ่มงบ 17.5 ล้านบาท จับมือธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยตั้งบริษัทร่วมทุน รุกธุรกิจที่ปรึกษาการลงทุน พร้อมเสนอเป็นตัวกลางผู้ส่งออก-นำเข้า และเพิ่มช่องทางการระดมทุนและการลงทุนในต่างประเทศ คาดเป็นรูปเป็นร่างไตรมาส 2 ปีนี้ ส่วนความร่วมมือกับนักลงทุนจีน เตรียมรีวิวอีกรอบ ล่าสุด! เผยผลประกอบการปี 50 กำไรพุ่ง 115.17 ล้านบาท ผู้ถือหุ้นได้เฮ รับปันผลในอัตราหุ้นละ 0.70 บาท

นายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFC เปิดเผยว่า ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2551 ได้มีมติดังต่อไปนี้อนุมัติหลักการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM) โดยมีวัตถุประสงค์หลักในการประกอบธุรกิจด้าน ที่ปรึกษาการลงทุน และเป็นตัวกลางในการประสานงานให้กับผู้ส่งออกและนำเข้า พร้อมกับเป็นตัวกลางในการเพิ่มช่องทางในการระดมทุนและการลงทุนในต่างประเทศ

ทั้งนี้ สัดส่วนการร่วมลงทุนของบลจ.เอ็มเอฟซี ในบริษัทดังกล่าวจะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 49 ของทุนจดทะเบียนของบริษัท โดยคิดมูลค่าการลงทุนทั้งสิ้นประมาณ 17.5 ล้านบาท ทั้งนี้ คาดว่าการเข้าร่วมทุนจัดตั้งบริษัทดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 2 ของปี 2551 ซึ่งการจัดตั้งบริษัทดังกล่าวข้างต้น ยังอยู่ในระหว่างการขออนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.)

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ เคยมีนักลงทุนจากจีนเข้ามาเจรจาร่วมทุนกับบลจ.เอ็มเอฟซี ด้วยเช่นกัน โดยนายพิชิตกล่าวถึงความคืบหน้าเรื่องนี้ว่า หลังจากหารือกันในเบื้องต้นไปแล้ว เขาก็ไม่ได้มีการติดต่อกลับมาแต่อย่างใด ส่วนหนึ่งมองว่าเขาอาจจะยังไม่แน่ใจอะไรหลายๆ อย่างเกี่ยวกับประเทศไทย โดยเฉพาะเรื่องของการเมืองในช่วงนั้น แต่อย่างไรก็ตาม การที่เราเองมีแผนที่จะส่งเสริมธุรกิจในต่างประเทศอยู่แล้ว คาดว่าจะมีการกลับไปเจรจากันใหม่อีกครั้ง

"เราเองมีแผนที่จะส่งเสริมเรื่องการลงทุนกับต่างประเทศมากขึ้นอยู่แล้ว ทั้งการออกไปลงทุนและดึงเงินลงทุนเข้ามาในกองทุนของเรา ซึ่งหลังจากนี้เราคงต้องมีการติดต่อกลับไปอีกครั้ง แต่รูปแบบอาจจะไม่ใช่การร่วมทุนอย่างเช่นก่อนหน้านี้แล้ว เพราะเราเองมีกระทรวงการคลังถือหุ้นอยู่ การจะร่วมทุนกับต่างชาติคงเป็นไปได้ยาก ซึ่งในเบื้องต้นอาจจะเจรจาการลงทุนในรูปแบบของกองทุนคันทรีฟันด์แทน"นายพิชิตกล่าว

นอกจากการอนุมัติหลักการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนแล้ว คณะกรรมการบริษัทยังมีมติให้จ่ายเงินปันผลจากการดำเนินงานประจำปี 2550 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2550 ถึง 31ธันวาคม 2550 ให้แก่ผู้ถือหุ้นจำนวน 120,000,000 หุ้น ในอัตราหุ้นละ 0.70 บาท โดยจ่ายจากกำไรสุทธิปี 2550 โดยให้เสนอต่อที่ประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้นประจำปีเพื่ออนุมัติต่อไป

โดยบริษัทได้กำหนดการประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้นประจำปีครั้งที่ 34 ในวันศุกร์ที่ 18 เมษายน 2551 เวลา10.30 น ณ ห้องประชุมของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) ชั้น 23 อาคารคอลัมน์ ทาวเวอร์ ซึ่งบริษัทได้กำหนดปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้น (XM) เพื่อสิทธิในการเข้าร่วมประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้นประจำปี ครั้งที่ 34 ในวันที่ 4 เมษายน 2551 เวลา 12.00 น. จนกว่าการประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้นประจำปีจะแล้วเสร็จ และปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อสิทธิในการรับเงินปันผล (XD) ในวันที่ 25 เมษายน 2551 โดยบริษัทกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 14 พฤษภาคม 2551

นายพิชิตกล่าวว่า บริษัทได้สรุปผลการดำเนินงานในรอบปี 2550 ออกมาแล้ว โดยบริษัทมีกำไรสุทธิสำหรับจำนวน 115.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 27.08 ล้านบาท หรือร้อยละ 30.74 ซึ่งเป็นผลจาก ส่วนแบ่งกำไรในบริษัทร่วมเพิ่มขึ้น และบริษัทจัดตั้งกองทุนใหม่เพิ่มขึ้น

สำหรับงบการเงินเฉพาะของบริษัท บริษัท ฯ มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการบันทึกบัญชีของเงินลงทุนในบริษัทย่อยและบริษัทร่วมในงบการเงินเฉพาะบริษัท จากวิธีส่วนได้เสียเป็นวิธีราคาทุนเดิมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2550 เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดใหม่ของมาตรฐานการบัญชีฉบับที่ 44 โดยบริษัท ได้ปรับปรุงย้อนหลังงบการเงินที่แสดงเปรียบเทียบด้วย ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงนโยบายบัญชีดังกล่าวส่งผลต่อการแสดงรายการบัญชีที่เกี่ยวข้องกับเงินลงทุนในบริษัทย่อยและบริษัทร่วม ในงบการเงินเฉพาะบริษัทเท่านั้น ไม่ได้มีผลกระทบต่อการจัดทำงบการเงินรวมแต่อย่างใด

โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 บริษัทมีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 1,437.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2549 จำนวน 63.03 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.59 โดยสินทรัพย์รวมประกอบด้วยรายการหลักคือ เงินลงทุนระยะยาว จำนวน 660.63 ล้านบาท หรือร้อยละ 45.97 เงินลงทุนในบริษัทย่อยและบริษัทร่วมจำนวน 303.98 ล้านบาท หรือร้อยละ 21.15 ของสินทรัพย์รวม เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด จำนวน 232.02 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 16.15 ของสินทรัพย์รวม

ส่วนหนี้สินรวม ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 บริษัทมีจำนวน 108.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2549 จำนวน 20.13 ล้านบาท หรือร้อยละ 22.83 สำหรับส่วนของผู้ถือหุ้นรวม ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 จำนวน 1,328.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2549 จำนวน 42.90 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.34 โดยเป็นผลจากการที่บริษัทสามารถทำกำไรเพิ่มขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น