ไมโครซอฟท์ เผยผลประกอบการที่ผ่านมาเติบโต 20 เปอร์เซ็นต์ ธุรกิจที่ปรึกษาเติบโตสูงสุด 110 เปอร์เซ็นต์ หลังเข้ารับตำแหน่งได้กว่า 10 เดือนผู้บริหารคนใหม่ “ปฐมา จันทรักษ์” ประกาศพร้อมสานต่อโครงการต่อเนื่อง ตั้งศูนย์ไมโครซอฟท์อินโนเวชั่นเซ็นเตอร์ ช่วยพาร์ตเนอร์ในไทยขยายตลาด ภายใต้งบลงทุนปีแรกจากไมโครซอฟท์กว่า 100 ล้านบาท พร้อมเตรียมทำตลาดซอฟต์แวร์ 3 เหรียญในไทย
ปฐมา จันทรักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด (MS) กล่าวถึงทิศทางการขยายธุรกิจในปี 2551 ว่า ไมโครซอฟท์จะดำเนินธุรกิจอยู่ภายใต้หลักการ 3 อย่างคือ 1. ยกระดับการศึกษาของไทย 2. ส่งเสริมให้นวัตกรรมท้องถิ่นพัฒนาสู่ระดับโลก ซึ่งมิได้หมายถึงเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียวแต่หมายรวมถึงนวัตกรรมท้องถิ่นอื่นๆด้วย และ3.เปิดโอกาสให้เกิดการทำงานร่วมกันในระดับโลก
ที่ผ่านมาไมโครซอฟท์ให้ความสำคัญกับการลงทุนในแต่ละประเทศโดยจากเม็ดเงินลงทุนทุก 1 เหรียญจากไมโครซอฟท์สามารถสร้างรายได้ให้พาร์ตเนอร์ที่ร่วมธุรกิจได้ประมาณ 13 เหรียญ และในปีที่ผ่านมาไมโครซอฟท์ใช้เงินลงทุนในประเทศไทยประมาณปีละ 1,500 ล้านบาท
ปีนี้ไมโครซอฟท์จะมีการเปิดศูนย์ ไมโครซอฟท์อินโนเวชั่นเซ็นเตอร์หรือ MIC ขึ้นในประเทศไทยเพื่อส่งเสริมให้พาร์ตเนอร์มีโอกาสในการนำเสนอโซลูชั่นของคนได้มากขึ้น โดยไมโครซอฟท์เปิด MIC ในประเทศอื่นๆมาแล้วกว่า 50 แห่งทั่วโลก
ภายใต้ความร่วมมือกับหลายฝ่ายโดยในช่วงแรกจะมีไมโครซอฟท์และสวทช.เป็นแกนหลักศูนย์ไมโครซอฟท์อินโนเวชั่นเซ็นเตอร์จะมุ่งให้การส่งเสริมเทคโนโลยีทรานเฟอร์ เป็นที่พาร์ตเนอร์สามารถมาทดสอบซอฟต์แวร์หรือโซลูชั่นเพื่อให้เห็นการทำงานตลอดจนการเชื่อมโยงที่มีประสิทธิภาพโดยศูนย์นี้จะมีเทคโนโลยีของหลากหลายยี่ห้อ และช่วยเรื่องการสอนของพาร์ตเนอร์ รวมทั้งเป็นสถานที่ที่นักเรียน นักศึกษาสามารถนำผลงานของตัวเองมาโชว์เพื่อให้พาร์ตเนอร์เลือกได้ว่ามีความเป็นไปได้ในทางธุรกิจของผลงานชิ้นนั้นหรือไม่
เป้าหมายหลักของ MIC คือส่งเสริมความร่วมมือของเทคโนโลยีของไมโครซอฟท์ที่สามารถทำงานร่วมกับแบรนด์อื่นได้ ทั้งยังเป็นการส่งเสริมและเป็นการสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับพาร์ตเนอร์ได้มากยิ่งขึ้น
ในปีแรกของการเปิดศูนย์ MIC ไมโครซอฟท์จะเป็นผู้ลงทุนทั้งหมด ส่วนในปีต่อไปจะพิจารณาว่าจะต้องใช้เงินลงทุนเท่าไร โดยมีสวทช.เป็นผู้บริหารงาน ซึ่งโดยหลักการแล้วต้องการให้ศูนย์นี้หาเลี้ยงตัวเองได้ด้วยรายได้จากการที่พาร์ตเนอร์เข้ามาใช้บริการ ล่าสุดอยู่ในระหว่างการพิจารณาสถานที่คาดว่าจะสรุปเลือกได้ก่อนเดือนเมษายน
ในปีนี้ไมโครซอฟท์ยังเตรียมทำตลาดซอฟต์แวร์ Microsoft Student Innovation Suit ราคา 3 เหรียญในประเทศไทย โดยมุ่งให้เป็นซอฟต์แวร์เพื่อการศึกษาของเด็กที่พัฒนาให้เป็นภาษาไทยเพื่อให้เด็กนำกลับไปใช้งานที่บ้าน
“เราอยู่ระหว่างการเสนอเรื่องเข้ากระทรวงศึกษาธิการเพราะต้องการให้ต้นเรื่องมีหน่วยงานของรัฐเป็นเจ้าภาพในการทำตลาดเพื่อมิให้ผิดวัตถุประสงค์ของการทำตลาดที่มุ่งไปที่เด็กใช้งานที่บ้านโดยในช่วงแรกไมโครซอฟท์มีความพร้อมในการทำตลาดซอฟต์แวร์ 3 เหรียญประมาณ 1 หมื่นไลเซนส์”
ส่วนปีที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์ประเทศไทยมีการเติบโตในแง่รายได้ประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ การเติบโตด้านบุคลากรประมาณ 58 เปอร์เซ็นต์ โดยกลุ่มธุรกิจที่มีการเติบโตมากที่สุด 110 เปอร์เซ็นต์คือกลุ่มธุรกิจบริการและที่ปรึกษาทางธุรกิจ กลุ่มธุรกิจเอนเตอร์ไพรส์เติบโต 26 เปอร์เซ็นต์ กลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเติบโต 30 เปอร์เซ็นต์ กลุ่มราชการเติบโต 34 เปอร์เซ็นต์ และกลุ่มธุรกิจออนไลน์เติบโต 30 เปอร์เซ็นต์
Company Related Links :
Microsoft