xs
xsm
sm
md
lg

เลือกลงทุนอย่างหลากหลายผ่านกองทุนรวม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ยุคนี้ คงไม่มีใครปฏิเสธว่า “กองทุนรวม” ถือเป็นช่องทางลงทุนประเภทหนึ่ง ที่ต้องยอมรับว่าได้เข้าไปนั่งอยู่ในใจของนักลงทุนจำนวนไม่น้อย นั่นเป็นเพราะกองทุนรวมเป็นเสมือนสะพานเชื่อมนักลงทุนไปสู่โลกการลงทุนต่างๆมากมายตามนโยบายของกองทุน ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้ เช่น เงินฝาก พันธบัตร หุ้นกู้ (ที่คนทั่วไปลงทุนได้ยากหากมิได้เป็นนักลงทุนสถาบัน) การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ การลงทุนในต่างประเทศ หรือการใช้อนุพันธ์ช่วยในการลงทุน นอกจากนี้ ยังมีช่องทางในการแสวงหาผลตอบแทนที่ดีอยู่อีกมาก ซึ่งกองทุนรวมจะเป็นสะพานเชื่อมท่านไปยังโอกาสเหล่านั้นได้ ไม่ว่าจะรับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน ท่านก็สามารถเลือกลงทุนในกองทุนประเภทต่างๆ ให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์การลงทุนของตนเองได้ และสำหรับนักลงทุนมือใหม่ หรือผู้ที่ไม่ค่อยมีเวลาที่จะคอยติดตามความเคลื่อนไหวของภาวะการลงทุนทุกๆ วัน การลงทุนในกองทุนรวมอาจเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับท่าน ด้วยเหตุผลที่ว่า

- มีมืออาชีพบริหารและดูแลการลงทุน เนื่องจากกองทุนรวมบริหารโดยมืออาชีพที่มีประสบการณ์ พร้อมด้วยข้อมูลข่าวสารที่ครบครัน และรวดเร็ว ซึ่งทำให้การบริหารกองทุนสามารถสร้างโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดี และลดความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

- มีนโยบายการลงทุนที่หลากหลาย ผู้ลงทุนสามารถเลือกรูปแบบหรือนโยบายการลงทุนได้ตามความต้องการและเหมาะสมกับจุดมุ่งหมายในการลงทุนของตนเองได้

- มีอำนาจการต่อรองเพื่อสร้างโอกาสในการลงทุน เพราะกองทุนรวมมีจำนวนเงินที่ได้รับจากผู้ลงทุนจำนวนมากในการลงทุน จึงมีอำนาจต่อรองสูงกว่าการที่นักลงทุนรายย่อยจะลงทุนเอง ผู้มีเงินออมจำกัดจึงมีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนเช่นเดียวกับนักลงทุนรายใหญ่หรือนักลงทุนสถาบัน

- ลดความเสี่ยงด้วยการกระจายการลงทุน เพราะกองทุนรวมจะนำเงินไปกระจายการลงทุนในหลักทรัพย์ประเภทต่างๆ ได้หลากหลายประเภท

- สภาพคล่องสูง เพราะการลงทุนในกองทุนรวมสามารถซื้อขายได้ง่าย โดยเฉพาะกองทุนเปิดส่วนใหญ่สามารถซื้อขายได้ทุกวันทำการหรือทุกสัปดาห์

- ประหยัดเวลา เนื่องจากผู้ลงทุนไม่ต้องเสียเวลาในการวิเคราะห์เรื่องต่างๆ เพื่อการลงทุนด้วยตนเอง

- มีหน่วยงานกำกับดูแลการลงทุน กองทุนรวมทุกกองทุนจะมีสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เป็นผู้ดูแลให้กองทุนดำเนินการตามนโยบายการลงทุนที่กำหนดไว้ รวมถึงวางกลไกการเปิดเผยข้อมูลเพื่อให้ผู้ลงทุนได้เข้าถึงข้อมูลที่จำเป็นต่อการตัดสินใจลงทุน เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ลงทุนถูกเอารัดเอาเปรียบ

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะตัดสินใจนำเงินที่มีอยู่ไปลงทุน ท่านควรศึกษาข้อมูลของกองทุนนั้นๆ รวมถึงรู้และเข้าใจถึง “นโยบายการลงทุน” ซึ่งจะเป็นตัวชี้บอกว่ากองทุนนั้นมีแนวทางการลงทุนในตราสารประเภทใด นอกจากนี้ นโยบายการลงทุนยังเป็นตัวบอกถึง “ระดับผลตอบแทน” และ “ระดับความเสี่ยง” ของกองทุนนั้นด้วย เช่น กองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหุ้น ย่อมมีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูงกว่ากองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ เช่น พันธบัตรรัฐบาล หรือหุ้นกู้ แต่ในขณะเดียวกัน ความเสี่ยงในการลงทุนก็จะมากกว่าตามไปด้วย

สำหรับนักลงทุนมือใหม่ หรือผู้ที่ไม่เคยลงทุนเลย ควรเริ่มด้วยการลงทุนที่มีความเสี่ยงน้อย หรือใกล้เคียงกับที่คุ้นเคย เช่น ปกติเราจะคุ้นเคยกับการฝากเงิน ถ้าฝากแบบออมทรัพย์ อาจเลือกลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นแบบที่สามารถซื้อขายได้ทุกวัน ซึ่งมีสภาพคล่องใกล้เคียงกับการฝากเงิน หรือถ้าฝากแบบประจำ อาจลองลงทุนในกองทุนพันธบัตรรัฐบาลที่มีอายุ 6 เดือน หรือ 1 ปี และค่อยๆ เรียนรู้ไปจนเข้าใจมากขึ้น สิ่งสำคัญคือไม่ควรมองเฉพาะกำไรและผลตอบแทนเพียงอย่างเดียว แต่จะต้องเผื่อใจไว้รับความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นบ้าง อย่างไรก็ตาม ควรมีการบริหารความเสี่ยง โดยการกระจายเงินลงทุนไปยังหุ้นและตราสารการเงินประเภทต่างๆด้วย ซึ่งจากผลการวิจัยโดยทั่วไปพบว่า ผลตอบแทนเฉลี่ยในการลงทุนระยะยาวในหุ้น จะสูงกว่าที่ได้จากการออมเงินปกติ

ดังนั้น นักลงทุนที่มีเงินออมไว้ในธนาคารเพียงอย่างเดียว หากต้องการให้เงินงอกเงยในอัตราที่สูงกว่าดอกเบี้ย ควรจะลงทุนในลักษณะที่มีการกระจายความเสี่ยงเช่นนี้บ้าง ก็จะดีไม่น้อยทีเดียว

สำหรับ บัวหลวง Money Tips ในสัปดาห์ต่อๆ ไป ท่านจะได้ทำความรู้จักกับกองทุนรวมแต่ละประเภท ที่มีความแตกต่างกันในเรื่องของ นโยบายการลงทุน ระดับความเสี่ยงและระดับผลตอบแทนที่คาดหวัง เพื่อนำข้อมูลมาพิจารณาก่อนที่จะตัดสินใจลงทุน และเลือกการลงทุนที่เหมาะสมกับความต้องการหรือวัตถุประสงค์ของท่านมากที่สุด
กำลังโหลดความคิดเห็น