xs
xsm
sm
md
lg

โชว์ผลตอบแทนสูงกว่าเกณฑ์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ในปี 2550 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) สามารถบริหารกองทุนให้ได้ผลตอบแทนที่ดี และสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน ทั้งกองทุนประเภทหุ้น กองทุนผสม และกองทุนตราสารหนี้ โดยกองทุนที่ลงทุนในหุ้น ประกอบไปด้วย กองทุนเปิดกรุงไทยทรีนิตี้ปันผล ( KTTN) ผลตอบแทนอยู่ที่ 45.69% กองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นระยะยาว ( KTLF) 39.51% กองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นทุนปันผล (KTSF) 39.18% กองทุนเปิดกรุงไทยชาริอะฮ์หุ้นระยะยาว ( KSLTF) 35.30% และกองทุนเปิดกรุงไทยชาริอะฮ์เพื่อการเลี้ยงชีพ 36.87% ในขณะที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์เฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 26.22%

ส่วนกองทุนประเภทผสม ที่ลงทุนทั้งในหุ้นและตราสารหนี้ ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงไทยวางแผนภาษีเพื่อการเลี้ยงชีพ1 ( RMF1) ผลตอบแทนอยู่ที่ 39.06% กองทุนเปิดไทยสร้างโอกาส ( TOF) และกองทุนเปิดกรุงไทยธนวรรธน์ ( KTTW) ซึ่งเป็นกองทุนที่เน้นนักลงทุนสถาบัน ผลตอบแทนอยู่ที่ 36.68% และ36.55% ตามลำดับ ในขณะที่เกณฑ์มาตรฐาน AIMC อยู่ที่ 15.69%

กองทุนประเภทตราสารหนี้ ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ปันผล (KTDF) ผลตอบแทนอยู่ที่ 5.47% กองทุนเปิดกรุงไทยวางแผนภาษีเพื่อการเลี้ยงชีพ2 ( RMF2) อยู่ที่ 6.96%และกองทุนเปิดกรุงไทยวางแผนภาษีเพื่อการเลี้ยงชีพ3 ( RMF3)อยู่ที่ 6.33% เกณฑ์มาตรฐาน AIMC อยู่ที่ 5.18%

ทั้งนี้ การบริหารกองทุนประเภทหุ้นทุน บริษัทไม่เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่จะมีการเฉลี่ยการลงทุน โดยใช้ระบบบริหารความเสี่ยง ( Portfolio Risk Management) ซึ่งมีคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง เป็นผู้พิจารณากลั่นกรองนโยบาย และกรอบความเสี่ยง นอกจากนี้ ยังมีคณะกรรมการการลงทุนเป็นผู้กำกับดูแลนโยบายการลงทุนให้สอดคล้องกับสภาวะการณ์ โดยฝ่ายบริหารความเสี่ยงจะทำหน้าที่วัดความเสี่ยงผลการดำเนินงานของกองทุน และดูแลการปฎิบัติงานภายใต้กรอบความเสี่ยงที่คณะกรรมการบริษัทกำหนด พร้อมทั้งมีการรายงานให้คณะกรรมการบริษัททราบเป็นประจำทุกเดือน เพื่อเป็นข้อมูลในการพิจารณาปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้ทันต่อเหตุการณ์ ระบบการบริหารความเสี่ยงส่งผลให้กองทุนมีผลตอบแทนอยู่ในระดับที่เหมาะสม และลูกค้ายอมรับได้

ส่วนกองทุนประเภทตราสารหนี้ ซึ่งในปีนี้จะมีความผันผวนค่อนข้างสูง ดังนั้น เพื่อลดความเสี่ยงให้ Portfolio ในกองทุนประเภทตราสารหนี้ บริษัทจะทยอยลดสัดส่วนการลงทุนในพันธบัตรที่มีอายุคงเหลือยาว โดยจะพยายามรักษา Duration ให้อยู่ในระดับประมาณ 0.5 – 1.5 ปี

โดยในปี 2551 บริษัทจะดำเนินธุรกิจในเชิงรุกทุกๆด้าน ในเบื้องต้นจะพัฒนาระบบการบริการลูกค้าให้มีประสิทธิมากขึ้น มีช่องทางการบริการและเสนอขายหน่วยลงทุนที่ครบวงจร สร้างความสะดวกสบายให้กับลูกค้าเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ในด้าน Convenience bank

นอกจากนี้ บริษัทจะออกกองทุนให้มีความหลากหลายมากขึ้น เพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้ารายใหม่ และเตรียมเปิดจำหน่ายกองทุนรวมตลาดเงินต่างประเทศ เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้ลงทุน ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างสำนักงานคณะกรรมการก.ล.ต.พิจารณาอนุมัติโครงการ

กำลังโหลดความคิดเห็น