นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่พ.ร.บ.ประกันเงินฝาก มีผลบังคับใช้ในครึ่งปีหลังของปีนี้ จะส่งผลให้ผู้ฝากเงินหันมาสนใจการลงทุนในกองทุนรวมมากขึ้น โดยเฉพาะกองทุนที่สามารถซื้อขายหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการ ซึ่งบลจ. กรุงไทย มีกองทุนประเภทดังกล่าวเช่นกัน ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงไทยสะสมทรัพย์ (KTSS) ซึ่งเป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตลาดเงิน
โดยกองทุนดังกล่าวจะลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอายุไม่เกิน 1 ปี เน้นตราสารหนี้ภาครัฐและธนาคารพาณิชย์ สถานะการลงทุน ณ วันที่ 31 มกราคม 2551 มีสัดส่วนตราสารหนี้ภาครัฐประมาณ 74% ตราสารหนี้ภาคธนาคารพาณิชย์ประมาณ 16% ที่เหลือเป็นเงินสดและสินทรัพย์อื่นๆ มี Duration อยู่ที่ประมาณ 0.10 ปี ซึ่งทำให้กองทุนนี้มีความเสี่ยงต่ำทั้งในด้านของ Credit Risk และ Market Risk และคาดว่าน่าจะให้อัตราผลตอบแทนดีกว่าอัตราดอกเบี้ยออมทรัพย์ของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ทั่วไปเป็นกองทุนที่มีสภาพคล่องสูง เหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ในระดับต่ำ และต้องการผลตอบแทนค่อนข้างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ ยังเหมาะสำหรับเป็นที่พักเงินเพื่อรอโอกาสการลงทุนเนื่องจากอัตราผลตอบแทนมีแนวโน้มที่จะมากกว่าการถือเงินสดหรือการฝากออมทรัพย์
สำหรับผลการดำเนินงานนับจากวันที่จัดตั้งกองทุนในวันที่ 11 พฤษภาคม 2550 ถึงวันที่ 28 ธันวาคม 2550 เท่ากับ 4.02% ในขณะที่เกณฑ์มาตรฐาน AIMC (เปรียบเทียบกับเงินฝาก1 ปี 3แบงก์ได้แก่ BBL, SCB , Kbank ) เท่ากับ 2.82% ส่วนผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม 2550 - 31 มกราคม 2551 (Year to Date ) เท่ากับ 3.05% เกณฑ์มาตรฐาน AIMC เท่ากับ 2.33%
นายสมชัยกล่าวต่อไปว่า การลงทุนในกองทุนดังกล่าวผู้ลงทุนยังได้รับสมุดบัญชีกองทุน(Fund Book) อีกด้วย เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าในการซื้อหน่วยลงทุน โดยบริษัทจะดูแลและบริหารเงินของลูกค้าอย่างเต็มความสามารถ นอกจากนี้ ลูกค้าที่ลงทุนในกองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นทุนปันผล (KTSF ) กองทุนเปิดกรุงไทย- ทรีนิตี้ปันผล (KTTN) กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ปันผล (KTDF) กองทุนเปิดกรุงไทยวางแผนภาษีเพื่อการเลี้ยงชีพ1( RMF1) กองทุนเปิดกรุงไทยวางแผนภาษีเพื่อการเลี้ยงชีพ2( RMF2) กองทุนเปิดกรุงไทยวางแผนภาษีเพื่อการเลี้ยงชีพ3(RMF3) กองทุนเปิดกรุงไทยชาริอะฮ์เพื่อการเลี้ยงชีพ(KSRMF) กองทุนเปิดกรุงไทยชาริอะฮ์หุ้นระยะยาว(KSLTF) กองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นระยะยาว(KTLF) กองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นระยะยาว70/30 (KTLF70/30)และ กองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นระยะยาว SET50(KTSET 50LTF) สามารถขอรับสมุดบัญชีกองทุนได้ที่ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ทุกสาขาทั่วประเทศ
โดยกองทุนดังกล่าวจะลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอายุไม่เกิน 1 ปี เน้นตราสารหนี้ภาครัฐและธนาคารพาณิชย์ สถานะการลงทุน ณ วันที่ 31 มกราคม 2551 มีสัดส่วนตราสารหนี้ภาครัฐประมาณ 74% ตราสารหนี้ภาคธนาคารพาณิชย์ประมาณ 16% ที่เหลือเป็นเงินสดและสินทรัพย์อื่นๆ มี Duration อยู่ที่ประมาณ 0.10 ปี ซึ่งทำให้กองทุนนี้มีความเสี่ยงต่ำทั้งในด้านของ Credit Risk และ Market Risk และคาดว่าน่าจะให้อัตราผลตอบแทนดีกว่าอัตราดอกเบี้ยออมทรัพย์ของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ทั่วไปเป็นกองทุนที่มีสภาพคล่องสูง เหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ในระดับต่ำ และต้องการผลตอบแทนค่อนข้างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ ยังเหมาะสำหรับเป็นที่พักเงินเพื่อรอโอกาสการลงทุนเนื่องจากอัตราผลตอบแทนมีแนวโน้มที่จะมากกว่าการถือเงินสดหรือการฝากออมทรัพย์
สำหรับผลการดำเนินงานนับจากวันที่จัดตั้งกองทุนในวันที่ 11 พฤษภาคม 2550 ถึงวันที่ 28 ธันวาคม 2550 เท่ากับ 4.02% ในขณะที่เกณฑ์มาตรฐาน AIMC (เปรียบเทียบกับเงินฝาก1 ปี 3แบงก์ได้แก่ BBL, SCB , Kbank ) เท่ากับ 2.82% ส่วนผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม 2550 - 31 มกราคม 2551 (Year to Date ) เท่ากับ 3.05% เกณฑ์มาตรฐาน AIMC เท่ากับ 2.33%
นายสมชัยกล่าวต่อไปว่า การลงทุนในกองทุนดังกล่าวผู้ลงทุนยังได้รับสมุดบัญชีกองทุน(Fund Book) อีกด้วย เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าในการซื้อหน่วยลงทุน โดยบริษัทจะดูแลและบริหารเงินของลูกค้าอย่างเต็มความสามารถ นอกจากนี้ ลูกค้าที่ลงทุนในกองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นทุนปันผล (KTSF ) กองทุนเปิดกรุงไทย- ทรีนิตี้ปันผล (KTTN) กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ปันผล (KTDF) กองทุนเปิดกรุงไทยวางแผนภาษีเพื่อการเลี้ยงชีพ1( RMF1) กองทุนเปิดกรุงไทยวางแผนภาษีเพื่อการเลี้ยงชีพ2( RMF2) กองทุนเปิดกรุงไทยวางแผนภาษีเพื่อการเลี้ยงชีพ3(RMF3) กองทุนเปิดกรุงไทยชาริอะฮ์เพื่อการเลี้ยงชีพ(KSRMF) กองทุนเปิดกรุงไทยชาริอะฮ์หุ้นระยะยาว(KSLTF) กองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นระยะยาว(KTLF) กองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นระยะยาว70/30 (KTLF70/30)และ กองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นระยะยาว SET50(KTSET 50LTF) สามารถขอรับสมุดบัญชีกองทุนได้ที่ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ทุกสาขาทั่วประเทศ