ผู้จัดการรายวัน - ทริสเรทติ้งปรับมุมมองเครดิตแบงก์ทหารไทยจากแนวโน้ม "ลบ" เป็น "คงที่" ระบุจากเงินกองทุนที่แข็งแกร่งขึ้นหลังจากที่ธนาคารประสบความสำเร็จในการเพิ่มขึ้น รวมถึงความคาดหวังว่าธนาคารจะได้รับประโยชน์จากการสนับสนุนของผู้ถือหุ้นใหญ่รายใหม่ คือ ING Bank N.V. ในแง่ของการเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ผลิตภัณฑ์ทางการเงินและมาตรฐานของระบบบริหารความเสี่ยง
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศถอน “เครดิตพินิจ” แนวโน้ม “Negative” หรือ “ลบ” ที่ให้ไว้เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2550 แก่อันดับเครดิตของธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน)หรือ TMB และอันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิไม่มีประกัน 8,000 ล้านบาท (TMB153A) ของธนาคาร พร้อมทั้งกำหนดแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” แทน การปรับเปลี่ยนสถานะอันดับเครดิตในครั้งนี้สะท้อนถึงฐานะเงินกองทุนที่แข็งแกร่งขึ้นหลังจากธนาคารประสบความสำเร็จในการเพิ่มทุนจำนวน 37.6 พันล้านบาทในไตรมาสที่ 4 ของปี 2550 ซึ่งมีผลให้อัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนของธนาคารฟื้นตัวขึ้นจาก 10.7% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2550 เป็น 14.4% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2550
ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งประกาศคงอันดับเครดิตของธนาคารที่ระดับ “A” และคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ TMB153A ของธนาคารที่ระดับ “A-” ซึ่งสะท้อนฐานะทางการเงินของธนาคารในช่วงปี 2549-2550 ที่อ่อนแอลงกว่าคาดเนื่องจากการมีภาระกันสำรองจำนวนมากจากการใช้มาตรฐานบัญชีสากลฉบับใหม่ (IAS39) และการตั้งสำรองเพิ่มเพื่อรองรับการเพิ่มขึ้นของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการทำกำไรที่ลดลงได้รับการชดเชยด้วยการเพิ่มขึ้นของเงินกองทุนและสภาพคล่องทางการเงินที่ดีขึ้นของธนาคารในปี 2550 นอกจากนี้ ยังมีความคาดหวังว่าธนาคารจะได้รับประโยชน์จากการสนับสนุนของผู้ถือหุ้นใหญ่รายใหม่ คือ ING Bank N.V. ในแง่ของการเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ผลิตภัณฑ์ทางการเงินและมาตรฐานของระบบบริหารความเสี่ยง อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตดังกล่าวมีข้อจำกัดบางส่วนจากปัจจัยแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจธนาคารที่ไม่เอื้ออำนวยและภาระการกันสำรองที่จะเกิดขึ้นตามเงื่อนไขของมาตรฐาน BASEL II ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะจำกัดการขยายตัวทางธุรกิจและความสามารถในการทำกำไรของธนาคารในอนาคต
ทั้งนี้ แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนความคาดหมายว่าธนาคารจะสามารถปรับปรุงฐานะทางการเงินได้ในระยะปานกลาง การผนึกกำลังกับ ING Bank โดยการผสานจุดแข็งของแต่ละฝ่ายร่วมกันซึ่งจะสร้างความแข็งแกร่งให้แก่มูลค่าทางธุรกิจ (Franchise Value) ของธนาคารนั้นเป็นสิ่งที่จะต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป ทริสเรทติ้งจะดำเนินการทบทวนอันดับเครดิตของธนาคารอย่างเต็มรูปแบบอีกครั้งหลังจากที่แผนธุรกิจภายใต้ความรับผิดชอบของคณะผู้บริหารชุดใหม่จัดทำแล้วเสร็จในเดือนเมษายน 2551 ปัจจุบัน ING Bank ได้รับการจัดอันดับเครดิตในระดับ “AA/Stable” จาก Standard & Poor’s และ “Aa1/Stable” จาก Moody’s Investors Service
และสำหรับความสามารถในการทำกำไรของธนาคารที่ลดลงในปี 2550 ได้รับการชดเชยบางส่วนจากฐานะเงินกองทุนที่แข็งแกร่งขึ้นหลังจากการเพิ่มทุนในเดือนธันวาคม 2550 และสภาพคล่องทางการเงินของธนาคารที่ดีขึ้น หลังจากการเพิ่มทุนจำนวน 37.6 พันล้านบาทในไตรมาสที่ 4 ของปี 2550 แล้ว อัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนของธนาคารได้เพิ่มขึ้นจาก 10.7% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2550 เป็น 14.4% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2550 ในขณะเดียวกัน อัตราส่วนสภาพคล่องทางการเงินของธนาคารก็ค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้นหลังจากธนาคารปรับโครงสร้างทางการเงินในช่วงปี 2548-2549 ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2550 อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากของธนาคารลดลงเป็น 98% จาก 103% ในเดือนธันวาคม 2548
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศถอน “เครดิตพินิจ” แนวโน้ม “Negative” หรือ “ลบ” ที่ให้ไว้เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2550 แก่อันดับเครดิตของธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน)หรือ TMB และอันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิไม่มีประกัน 8,000 ล้านบาท (TMB153A) ของธนาคาร พร้อมทั้งกำหนดแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” แทน การปรับเปลี่ยนสถานะอันดับเครดิตในครั้งนี้สะท้อนถึงฐานะเงินกองทุนที่แข็งแกร่งขึ้นหลังจากธนาคารประสบความสำเร็จในการเพิ่มทุนจำนวน 37.6 พันล้านบาทในไตรมาสที่ 4 ของปี 2550 ซึ่งมีผลให้อัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนของธนาคารฟื้นตัวขึ้นจาก 10.7% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2550 เป็น 14.4% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2550
ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งประกาศคงอันดับเครดิตของธนาคารที่ระดับ “A” และคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ TMB153A ของธนาคารที่ระดับ “A-” ซึ่งสะท้อนฐานะทางการเงินของธนาคารในช่วงปี 2549-2550 ที่อ่อนแอลงกว่าคาดเนื่องจากการมีภาระกันสำรองจำนวนมากจากการใช้มาตรฐานบัญชีสากลฉบับใหม่ (IAS39) และการตั้งสำรองเพิ่มเพื่อรองรับการเพิ่มขึ้นของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการทำกำไรที่ลดลงได้รับการชดเชยด้วยการเพิ่มขึ้นของเงินกองทุนและสภาพคล่องทางการเงินที่ดีขึ้นของธนาคารในปี 2550 นอกจากนี้ ยังมีความคาดหวังว่าธนาคารจะได้รับประโยชน์จากการสนับสนุนของผู้ถือหุ้นใหญ่รายใหม่ คือ ING Bank N.V. ในแง่ของการเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ผลิตภัณฑ์ทางการเงินและมาตรฐานของระบบบริหารความเสี่ยง อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตดังกล่าวมีข้อจำกัดบางส่วนจากปัจจัยแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจธนาคารที่ไม่เอื้ออำนวยและภาระการกันสำรองที่จะเกิดขึ้นตามเงื่อนไขของมาตรฐาน BASEL II ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะจำกัดการขยายตัวทางธุรกิจและความสามารถในการทำกำไรของธนาคารในอนาคต
ทั้งนี้ แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนความคาดหมายว่าธนาคารจะสามารถปรับปรุงฐานะทางการเงินได้ในระยะปานกลาง การผนึกกำลังกับ ING Bank โดยการผสานจุดแข็งของแต่ละฝ่ายร่วมกันซึ่งจะสร้างความแข็งแกร่งให้แก่มูลค่าทางธุรกิจ (Franchise Value) ของธนาคารนั้นเป็นสิ่งที่จะต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป ทริสเรทติ้งจะดำเนินการทบทวนอันดับเครดิตของธนาคารอย่างเต็มรูปแบบอีกครั้งหลังจากที่แผนธุรกิจภายใต้ความรับผิดชอบของคณะผู้บริหารชุดใหม่จัดทำแล้วเสร็จในเดือนเมษายน 2551 ปัจจุบัน ING Bank ได้รับการจัดอันดับเครดิตในระดับ “AA/Stable” จาก Standard & Poor’s และ “Aa1/Stable” จาก Moody’s Investors Service
และสำหรับความสามารถในการทำกำไรของธนาคารที่ลดลงในปี 2550 ได้รับการชดเชยบางส่วนจากฐานะเงินกองทุนที่แข็งแกร่งขึ้นหลังจากการเพิ่มทุนในเดือนธันวาคม 2550 และสภาพคล่องทางการเงินของธนาคารที่ดีขึ้น หลังจากการเพิ่มทุนจำนวน 37.6 พันล้านบาทในไตรมาสที่ 4 ของปี 2550 แล้ว อัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนของธนาคารได้เพิ่มขึ้นจาก 10.7% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2550 เป็น 14.4% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2550 ในขณะเดียวกัน อัตราส่วนสภาพคล่องทางการเงินของธนาคารก็ค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้นหลังจากธนาคารปรับโครงสร้างทางการเงินในช่วงปี 2548-2549 ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2550 อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากของธนาคารลดลงเป็น 98% จาก 103% ในเดือนธันวาคม 2548