xs
xsm
sm
md
lg

PFFUNDระดมทุนได้เต็ม520ล้านบลจ.วรรณปลื้มลูกค้าเชื่อมั่นยิลด์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ.วรรณพอใจผลการระดมทุนกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค หลังปิดไอพีโอเต็มจำนวน 520 ล้านบาท เผยอัตราดอกเบี้ยต่ำและประกันรายได้จากแบงก์พาณิชย์ช่วยหนุน สร้างความเชื่อมั่นในผลตอบแทน ส่วนรางวัล "The Post-Lipper” ของกองทุนเปิดเอกตราสารหนี้คืนกำไร ได้อานิสงส์จากผลตอบแทนดีในระยะยาว แม้ไม่หวือหวา แต่มีความเสี่ยงที่เหมาะสม


นายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค (PROPERTY PREFECT FUND : PFFUND) มูลค่าโครงการ 520 ล้านบาท และไม่กำหนดอายุโครงการ ซึ่งได้เปิดเสนอขายครั้งแรก (ไอพีโอ) ระหว่างวันที่ 12-22 กุมภาพันธ์ 2551 นั้นสามารถระดมทุนได้เต็มจำนวน เพราะได้รับความสนใจดีมากจากนักลงทุน เนื่องจากกองทุนมีทรัพย์สินที่มีศักยภาพในการให้เช่าดี และมีการค้ำประกันรายได้จากธนาคารพาณิชย์ประมาณ 55 ล้านบาทต่อปี ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ค่อนข้างดี ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยในตลาดค่อนข้างต่ำ จึงนับว่าเป็นทางเลือกที่ดีของนักลงทุน

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังไม่มีนโยบายในการเพิ่มขนาดของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค เนื่องจากมองว่าเป็นเรื่องเร็วเกินไปที่จะกล่าวถึง โดยสิ่งสำคัญที่จะพยายามทำต่อไปคือ การดูแลให้กองทุนมีผลการดำเนินงานที่ดี การบริหารการจัดการ การเช่า ตลอดจนการดูแลและรักษาสินทรัพย์เป็นอย่างดี

สำหรับกองทุนดังกล่าวจะเน้นลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งประกอบไปด้วยที่ดินและบ้านพักอาศัยประเภทบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ของบริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) ในโครงการเพอร์เฟค มาสเตอร์พีซ เอกมัย-รามอินทรา จำนวน 17 หลัง และโครงการเพอร์เฟค เพลส รามคำแหง-สุวรรณภูมิ จำนวน 47 หลัง รวมเป็น 64 หลัง

ทั้งนี้ กองทุน PFFUND ซึ่งเป็นผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์จะรับประกันรายได้จากค่าเช่าและค่าบริการให้แก่งกองทุนรวมขั้นต่ำปีละ 55 ล้านบาท (ก่อนหักค่าใช้จ่ายของกองทุนรวม) และค้ำประกันการรับประกันรายได้โดยธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) เป็นระยะเวลา 5 ปี โดยกองทุนนี้มีนโยบายจ่ายปันผลให้แก่นักลงทุนไม่เกินปีละ 2 ครั้ง ในอัตราไม่น้อยกว่า 90% ของกำไรสุทธิ

ขณะเดียวกัน นายสมจินต์ กล่าวว่า การที่กองทุนเปิดเอกตราสารหนี้คืนกำไร (ONE Fixed Income Automatic Redemption Fund : ONE-FAR) ได้รับรางวัลกองทุนตราสารหนี้ที่ดีที่สุดในระยะเวลา 10 ปีจาก "The Post-Lipper Thailand Fund Awards 2008" แสดงให้เห็นว่าเป็นการลงทุนที่สามารถให้อัตราผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว ไม่มีความหวือหวา และมีความเสี่ยงในระดับที่เหมาะสม ซึ่งเป็นคุณสมบัติของการลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาว นอกจากนี้ บริษัทยังมีประสบการณ์ในการบริหารกองทุนตราสารหนี้ให้กับนักลงทุนสถาบันในประเทศเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) และสำนักงานประกันสังคม (สปส.) จึงทำให้มีความชำนาญในด้านกองทุนตราสารหนี้เป็นพิเศษด้วย

ทั้งนี้ กองทุนเปิดเอกตราสารหนี้คืนกำไรจะลงทุนในตราสารหนี้ของทั้งภาครัฐและเอกชนที่มีอันดับความน่าเชื่อถือตั้งแต่ในระดับที่ลงทุนได้ (Investment Grade) ขึ้นไป ส่วนการปรับพอร์ตลงทุนจะดูจากสภาวะตลาด โดยจะพยายามคาดการณ์จากปัจจัยอัตราดอกเบี้ย นโยบายของทางภาครัฐ ตลอดจนอปสงค์และอุปทานในการตัดสินใจเลือกลงทุน และจะมองในระยะยาวจนถึงระยะยาวเป็นพิเศษ นอกจากนี้ จะมีการประชุมเกี่ยวกับทิศทางการลงทุนในทุกสัปดาห์ หากมีปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงไปก็จะมีการประชุมในกรณีพิเศษด้วย ซึ่งกองทุนดังกล่าวจะเน้นลงทุนในตราสารแห่งหนี้ที่ให้ผลตอบแทนสูงและมีความมั่นคงเป็นหลัก แต่จะไม่ลงทุนในหลักทรัพย์ประเภทหุ้นทุน หน่วยลงทุนของกองทุนรวมตราสารทุนหรือกองทุนรวมผสม ตลอดจนใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้น หรือใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนรวมตราสารทุนหรือกองทุนรวมผสม

อย่างไรก็ตาม กองทุนอาจลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อลดความเสี่ยง (Hedging) หรือเพื่อเป็น การเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการลงทุน (Efficient Portfolio Management) และกองทุนจะไม่ลงทุนในตราสารหนี้ที่มีการจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับตัวแปร (Structured Note)

ขณะที่ ผลการดำเนินงานของกองทุนเปิดเอกตราสารหนี้คืนกำไร สิ้นสุด ณ วันที่ 31 มกราคม 2551 สามารถให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 3.18% ผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 2.68% ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 3.24% ขณะที่ย้อนหลัง 3 ปีให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 3.48% และสามารถให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ตั้งกองทุนอยู่ที่ 8.64%

โดยสัดส่วนการลงทุนของกองทุน สิ้นสุด ณ วันที่ 31 มกราคม 2551 ประกอบด้วย 1. พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย 48.83% 2. หุ้นกู้ - บจ.โตโยต้า ลีสซิง (ประเทศไทย) (AAA) 10.98% 3. หุ้นกู้ - บจ.เนสท์เล่ (ไทย) (AAA) 9.70% 4. พันธบัตรรัฐบาล 7.29% 5. หุ้นกู้ - บมจ.ธนาคารไทยพาณิชย์ (F1+) 5.44% 6. หุ้นกู้ - บจ.ฮอนด้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) (AAA) 2.77% 7. ตั๋วสัญญาใช้เงิน – ธนาคารอาคารสงเคราะห์ 2.72% 8. หุ้นกู้ - บมจ.ไทยพาณิชย์ลีสซิ่ง (AA) 1.92% 9. หุ้นกู้ - บจ.แคนาดอล เอเชีย (BBB) 1.39% และ 10. หุ้นกู้ - บมจ.ปตท.สํารวจและผลิตปิโตรเลียม (AAA) 1.39%
กำลังโหลดความคิดเห็น