ฟันด์เมเนเจอร์กองหุ้นบลจ.กสิกรไทย ชี้หุ้นไทยปีนี้ผันผวนต่อ แต่จะได้ปัจจัยบวกภายในหนุน ดันดัชนีสิ้นปี 960 จุด ระบุหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวกับการใช้จ่ายในประเทศจะมาแรง ส่วนปิโตรเคมียังคงน่าสนใจอยู่เหตุผลประกอบการดี และปันผลสูง พร้อมเผยกลเม็ดเด็ดคว้าแชมป์บริหารกองทุนหุ้น ด้วยการใช้หลักการ 3 ประการ แต่ต้องเลือกให้ถูกต้องและถูกจังหวะจึงจะประสพความสำเร็จ
นางสาวโศภนา เจนบวร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ รักษาการผู้บริหารฝ่ายจัดการกองทุนตราสารทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในปีนี้น่าจะผันผวนกว่าในปีที่ผ่านมา แต่คาดว่าน่าจะมีการปรับตัวได้ถึง 960 จุด เนื่องจากปัจจัยภายใน ทั้งในเรื่องของการเมือง และนโยบายการผลักดันเศรษฐกิจ รวมถึงปัจจัยภายนอกในเรื่องของสภาพคล่องของโลกที่ยังคงมีอยู่สูง โดยประเทศในแถบเอเชียยังคงเป็นภูมิภาคที่น่าสนใจ และประเทศไทยเองน่าจะได้รับผลดีจากเรื่องนี้ด้วย เนื่องราคาหุ้นของประเทศเรายังมีมูลค่าไม่สูงมากนัก
"มุมมองของตนต่อตลาดหุ้นบ้านเราน่าจะปรับตัวได้ถึง 960 จุด จากปัจจัยเรื่องการเมือง หากรัฐบาลทำงานกันต่อไปได้ รวมถึงสภาพคล่องของโลกตอนนี้ก็ยังมีอยู่สูง แต่เชื่อว่าในปีนี้สถานการณ์ของตลาดจะผันผวนมากกว่าในปีที่ผ่านมา ซึ่งการลงทุนจะต้องมีการเฝ้าดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด แต่เชื่อว่าเอเชียยังคงดีอยู่ และหุ้นของไทยเองยังมีราคาไม่แพงด้วย จึงทำให้เป็นข้อดีที่นักลงทุนจะหันมาลงทุนที่บ้านเรามากขึ้นได้"นางโศภนากล่าว
ทั้งนี้ คาดว่าการเติบโตของธุรกิจในแต่ละกลุ่มจะมีการกระจายตัวตามนโยบายของรัฐบาล และการใช้จ่ายภายในประเทศมากขึ้น โดยคาดว่ากลุ่มที่น่าสนใจคงจะเป็นไปธุรกิจที่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เช่น ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ประเภทบ้าน และที่อยู่อาศัย กลุ่มสื่อสาร และปิโตรเคมีที่มีผลประกอบการดีอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามในส่วนของหุ้นในกลุ่มสื่อสารนั้นจะยังคงติดปัญหาในเรื่องของกฎระเบียบต่างๆ ที่ยังไม่สามารถสะสางได้ แต่หากรัฐบาลมีข้อสรุปในปีนี้จะเป็นผลดีมากขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาหุ้นบางตัวในกลุ่มนี้มีการปันผลค่อนข้างสูงอยู่แล้ว
นางสาวโศภนา กล่าวอีกว่า กลยุทธ์ที่ใช้ดูแลกองทุนหุ้นในปีนี้หลักๆ คงจะใช้แนวทางเดียวกับในปีที่ผ่านมา แต่ที่ต้องปรับคือการบริหารที่ต้องดูไปในอนาคต ซึ่งการตัดสินใจจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในแต่ละช่วง แต่จะใช้วิธีการตัดสินใจแบบเดียวกัน โดยจะมีการเฝ้าติดตามตลอดเวลา เนื่องจากตลาดในปียังมีความผันผวนอยู่จากสภาวะการณ์ของเศรษฐกิจโลก และสหรัฐอเมริกาที่ต้องเผชิญกับปัญหาซับไพรม์ ทำให้นักลงทุนยังมีความกังวลอยู่จากเรื่องเหล่านี้
"การปรับการลงทุนในช่วงตลาดผันผวนต้องให้น้ำหนักการลงทุนให้ดี ซึ่งในปีนี้สถานการณ์ตลาดไม่เอื้ออำนวยเหมือนในปีที่ผ่านมา และคงจะต้องตัดสินใจว่าช่วงไหนจะถือเงินสด หรือลงทุนให้ถูกจังหวะมากที่สุด"นางสาวโศภนากล่าว
สำหรับการบริหารกองทุนหุ้นในปีที่ผ่านมาของบริษัทถือว่าประสำเร็จความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยบริษัทได้รับมอบรางวัลการบริหารงานกองทุนตราสารทุนยอดเยี่ยม (Best Equity Fund Group) จากการจัดอันดับของ The Post/Lipper Thailand Fund Awards 2008 โดยมีกองทุนหุ้นที่ติด 20 อันดับแรกถึง 10 กองทุน ซึ่งกองทุนที่มีผลการดำเนินงานดีที่สุดได้แก่ กองทุนเปิดหุ้นปันผล ที่สามารถสร้างผลตอบได้ในปี 2007 ได้สูงถึงกว่า 47.45% สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานชีวัดที่ 26.22% ถึง 21.21%
ส่วนกลุยุทธ์การบริหารงานของกองทุนหุ้นนั้น บริษัทจะคำนึงถึงเรื่องหลักด้วยกัน 3 ประการคือ การจัดพอร์ตอย่างมีประสิทธิภาพ และในปีที่ผ่านมาซึ่งถือว่าเป็นช่วงที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์มีการปรับตัวดีขึ้น ทางบริษัทได้มีการให้น้ำหนักในการลงทุนเกี่ยวในตราสารทุนอย่างเต็มที่ตามสถานการณ์ด้วย และส่วนที่ 2 จะเป็นการพิจารณาการลงทุนตามแต่ละเซคเตอร์ว่าจะให้น้ำหนักในหุ้นกลุ่มใดมากน้อยเพียงใด สุดท้ายจะเป็นการพิจารณาคัดเลือกหุ้นรายตัวที่มีศักยภาพดีก่อนที่จะเข้าไปลงทุน
"ปีที่ผ่านมาเราให้น้ำหนักการลงทุนหุ้นอย่างเต็มที่ เพราะอย่างที่เห็นว่าสถานการณ์ตลาดเอื้ออำนวย และเราเลือกได้ถูกต้องในส่วนนี้ และในส่วนที่สุดท้ายคือการเลือกหุ้นที่จะเข้าไปลงทุนทำให้สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้เราได้ ซึ่งหุ้นที่เราลงทุนส่วนใหญ่จะเอาท์เพอร์ฟอร์มกว่าดัชนีตลาดมาก โดย กลุ่ม ปิโตรเคมีเองจะสูงถึง 64.34% พลังงาน 59.85% และมีเดียก็สูงถึง 29.65%"นางสาวโศภนากล่าว
อย่างไรก็ตาม ในปีที่ผ่านมานอกเหนือจากการดูในเรื่องของการลงทุนแล้ว บริษัทยังมีการจับตาสถานการณ์ตลาดหลักทรัพย์อย่างใกล้ชิด และมีการขายทำกำไรออกไปบ้างในช่วงที่ดัชนีมีการปรับตัวสูงขึ้นมากๆ โดยเฉพาะหุ้นที่มีการปรับตัวสูงเกินกว่าที่ตั้งเป้าไว้ ทำให้สามารถจ่ายเงินปันผลให้กับลูค้าบางกองทุนได้สูงถึงกว่า 14-25% และบางกองสามารถจ่ายเงินปันผลได้สูงถึง 2.01 บาท/หน่วยเลยทีเดียว
นางสาวโศภนา เจนบวร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ รักษาการผู้บริหารฝ่ายจัดการกองทุนตราสารทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในปีนี้น่าจะผันผวนกว่าในปีที่ผ่านมา แต่คาดว่าน่าจะมีการปรับตัวได้ถึง 960 จุด เนื่องจากปัจจัยภายใน ทั้งในเรื่องของการเมือง และนโยบายการผลักดันเศรษฐกิจ รวมถึงปัจจัยภายนอกในเรื่องของสภาพคล่องของโลกที่ยังคงมีอยู่สูง โดยประเทศในแถบเอเชียยังคงเป็นภูมิภาคที่น่าสนใจ และประเทศไทยเองน่าจะได้รับผลดีจากเรื่องนี้ด้วย เนื่องราคาหุ้นของประเทศเรายังมีมูลค่าไม่สูงมากนัก
"มุมมองของตนต่อตลาดหุ้นบ้านเราน่าจะปรับตัวได้ถึง 960 จุด จากปัจจัยเรื่องการเมือง หากรัฐบาลทำงานกันต่อไปได้ รวมถึงสภาพคล่องของโลกตอนนี้ก็ยังมีอยู่สูง แต่เชื่อว่าในปีนี้สถานการณ์ของตลาดจะผันผวนมากกว่าในปีที่ผ่านมา ซึ่งการลงทุนจะต้องมีการเฝ้าดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด แต่เชื่อว่าเอเชียยังคงดีอยู่ และหุ้นของไทยเองยังมีราคาไม่แพงด้วย จึงทำให้เป็นข้อดีที่นักลงทุนจะหันมาลงทุนที่บ้านเรามากขึ้นได้"นางโศภนากล่าว
ทั้งนี้ คาดว่าการเติบโตของธุรกิจในแต่ละกลุ่มจะมีการกระจายตัวตามนโยบายของรัฐบาล และการใช้จ่ายภายในประเทศมากขึ้น โดยคาดว่ากลุ่มที่น่าสนใจคงจะเป็นไปธุรกิจที่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เช่น ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ประเภทบ้าน และที่อยู่อาศัย กลุ่มสื่อสาร และปิโตรเคมีที่มีผลประกอบการดีอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามในส่วนของหุ้นในกลุ่มสื่อสารนั้นจะยังคงติดปัญหาในเรื่องของกฎระเบียบต่างๆ ที่ยังไม่สามารถสะสางได้ แต่หากรัฐบาลมีข้อสรุปในปีนี้จะเป็นผลดีมากขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาหุ้นบางตัวในกลุ่มนี้มีการปันผลค่อนข้างสูงอยู่แล้ว
นางสาวโศภนา กล่าวอีกว่า กลยุทธ์ที่ใช้ดูแลกองทุนหุ้นในปีนี้หลักๆ คงจะใช้แนวทางเดียวกับในปีที่ผ่านมา แต่ที่ต้องปรับคือการบริหารที่ต้องดูไปในอนาคต ซึ่งการตัดสินใจจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในแต่ละช่วง แต่จะใช้วิธีการตัดสินใจแบบเดียวกัน โดยจะมีการเฝ้าติดตามตลอดเวลา เนื่องจากตลาดในปียังมีความผันผวนอยู่จากสภาวะการณ์ของเศรษฐกิจโลก และสหรัฐอเมริกาที่ต้องเผชิญกับปัญหาซับไพรม์ ทำให้นักลงทุนยังมีความกังวลอยู่จากเรื่องเหล่านี้
"การปรับการลงทุนในช่วงตลาดผันผวนต้องให้น้ำหนักการลงทุนให้ดี ซึ่งในปีนี้สถานการณ์ตลาดไม่เอื้ออำนวยเหมือนในปีที่ผ่านมา และคงจะต้องตัดสินใจว่าช่วงไหนจะถือเงินสด หรือลงทุนให้ถูกจังหวะมากที่สุด"นางสาวโศภนากล่าว
สำหรับการบริหารกองทุนหุ้นในปีที่ผ่านมาของบริษัทถือว่าประสำเร็จความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยบริษัทได้รับมอบรางวัลการบริหารงานกองทุนตราสารทุนยอดเยี่ยม (Best Equity Fund Group) จากการจัดอันดับของ The Post/Lipper Thailand Fund Awards 2008 โดยมีกองทุนหุ้นที่ติด 20 อันดับแรกถึง 10 กองทุน ซึ่งกองทุนที่มีผลการดำเนินงานดีที่สุดได้แก่ กองทุนเปิดหุ้นปันผล ที่สามารถสร้างผลตอบได้ในปี 2007 ได้สูงถึงกว่า 47.45% สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานชีวัดที่ 26.22% ถึง 21.21%
ส่วนกลุยุทธ์การบริหารงานของกองทุนหุ้นนั้น บริษัทจะคำนึงถึงเรื่องหลักด้วยกัน 3 ประการคือ การจัดพอร์ตอย่างมีประสิทธิภาพ และในปีที่ผ่านมาซึ่งถือว่าเป็นช่วงที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์มีการปรับตัวดีขึ้น ทางบริษัทได้มีการให้น้ำหนักในการลงทุนเกี่ยวในตราสารทุนอย่างเต็มที่ตามสถานการณ์ด้วย และส่วนที่ 2 จะเป็นการพิจารณาการลงทุนตามแต่ละเซคเตอร์ว่าจะให้น้ำหนักในหุ้นกลุ่มใดมากน้อยเพียงใด สุดท้ายจะเป็นการพิจารณาคัดเลือกหุ้นรายตัวที่มีศักยภาพดีก่อนที่จะเข้าไปลงทุน
"ปีที่ผ่านมาเราให้น้ำหนักการลงทุนหุ้นอย่างเต็มที่ เพราะอย่างที่เห็นว่าสถานการณ์ตลาดเอื้ออำนวย และเราเลือกได้ถูกต้องในส่วนนี้ และในส่วนที่สุดท้ายคือการเลือกหุ้นที่จะเข้าไปลงทุนทำให้สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้เราได้ ซึ่งหุ้นที่เราลงทุนส่วนใหญ่จะเอาท์เพอร์ฟอร์มกว่าดัชนีตลาดมาก โดย กลุ่ม ปิโตรเคมีเองจะสูงถึง 64.34% พลังงาน 59.85% และมีเดียก็สูงถึง 29.65%"นางสาวโศภนากล่าว
อย่างไรก็ตาม ในปีที่ผ่านมานอกเหนือจากการดูในเรื่องของการลงทุนแล้ว บริษัทยังมีการจับตาสถานการณ์ตลาดหลักทรัพย์อย่างใกล้ชิด และมีการขายทำกำไรออกไปบ้างในช่วงที่ดัชนีมีการปรับตัวสูงขึ้นมากๆ โดยเฉพาะหุ้นที่มีการปรับตัวสูงเกินกว่าที่ตั้งเป้าไว้ ทำให้สามารถจ่ายเงินปันผลให้กับลูค้าบางกองทุนได้สูงถึงกว่า 14-25% และบางกองสามารถจ่ายเงินปันผลได้สูงถึง 2.01 บาท/หน่วยเลยทีเดียว