บลจ.บัวหลวงปรับตัวรับการแข่งขันเดือด ขอเวลา 2 ปีฟอร์มทีมผู้จัดการกองทุน ทั้งเอฟไอเอฟ-พร็อพเพอร์ตี้ฟันด์-ตราสารหนี้ รองรับแผนออกกองทุนใหม่ พร้อมเสริมทัพมาร์เกตติ้งเป็น 20 คนภายในปีนี้ ตั้งเป้าเป็น "องคาพยัพ" ของแบงก์ ในแง่ผลิตสินค้าด้านการลงทุนผ่านสาขาส่งต่อให้ลูกค้า เผยสิงหาคมนี้ เตรียมยื่นขอไลเซนต์กองทุนส่วนบุคคล มั่นใจศักยภาพตัวเองแข่งได้
นางวรวรรณ ธาราภูมิ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บัวหลวง จำกัด เปิดเผยว่า ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไปบริษัทจะเพิ่มบุคลากรในส่วนของผู้จัดการกองทุน (ฟันด์แมเนเจอร์) อีกจำนวนหนึ่ง ทั้งผู้จัดการกองทุนในส่วนของการลงทุนในต่างประเทศ กองทุนตราสารหนี้ และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (พร็อพเพอร์ตี้ฟันด์) พร้อมทั้งศึกษาช่องทางการตลาดในช่องทางอื่นควบคู่กันไป เพื่อรองรับการขยายตัวของบริษัทหลังจากนี้
สำหรับในปี 2551 บริษัทจะเน้นการเพิ่มบุคลากรทางด้านการตลาด (มาร์เกตติ้ง) เพื่อเข้ามาเสริมงานในแง่ของช่องทางการตลาดทั้งตัวแทนขายและสาขาของธนาคาร โดยปัจจุบันบริษัทมีมาร์เกตติ้งทั้งหมด 15 คน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากจำนวน 12 คนจากปลายปีที่แล้ว โดยในปีนี้เอง บริษัทคาดว่าเจ้าหน้าที่ในส่วนของมาร์เกตติ้งจะเพิ่มขึ้นเป็น 20 คน
ทั้งนี้ คาดว่าการเพิ่มบุคลากรในส่วนของผู้จัดการกองทุนและมาร์เกตติ้ง จะใช้เวลาประมาณ 2 ปีหลังจากนี้ เพื่อรองรับการขยายกองทุนของบริษัท โดยเฉพาะกองทุนต่างประเทศและกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่เราจะเน้นมากขึ้น ซึ่งหลังจากบุคลากรทั้ง 2 ส่วนพร้อมแล้ว เชื่อว่าจะทำให้บลจ.บัวหลวง เป็นบลจ.ที่มีผลิตภัณฑ์ทางด้านการลงทุนพร้อมในการแข็งขันได้อย่างเต็มที่
"ภาพของเราในอีก 2 ปีหลังจากนี้ เรามองไว้ว่าจะเป็นบลจ.ที่เป็นส่วนหนึ่งของของแบงก์แม่ และมีผลิตภัณฑ์ทางการลงทุนที่เป็นเหมือนหนึ่งองคาพยัพของแบงก์ ด้วยการผลิตสินค้าด้านการลงทุนในกองทุนรวมให้แบงก์เพื่อนำไปเสนอให้แก่ลูกค้าได้"นางวรวรรณกล่าว
อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์ทางด้านการลงทุนดังกล่าว จะเป็นอะไรที่ลูกค้าเข้าใจง่าย และไม่ต้องอธิบายมาก แต่ก็ต้องเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงตั้งแต่ระดับต่ำไปจนถึงกองทุนที่มีความเสี่ยงสูงขึ้นให้ลูกค้าได้เลือก และครอบคลุมความต้องการของลูกค้าทั้งหมด ทั้งนี้ ในแง่ของโปรดักซ์ที่เป็นนวัตกรรมการลงทุนใหม่ๆ เราก็สนใจเช่นกัน แต่เราจะให้ความสำคัญกับประโยชน์ที่ลูกค้าได้รับเป็นหลัก ขณะเดียวกัน ก็ต้องให้เจ้าหน้าที่ประจำสาขาของธนาคารสามารถสื่อสารให้ลูกค้าเข้าใจด้วย
สำหรับแผนงานของบลจ.บัวหลวงในปีนี้ ในแง่ของกองทุนตราสารหนี้จะมีกองทุนใหม่ๆ เปิดขายอย่างต่อเนื่อง เดือนละ 1-2 กองทุน ขณะเดียวกันก็จะมีกองทุนรวมที่ไปลงทุนต่างประเทศ (FIF) ด้วย นอกจากนี้ ยังมีแผนเปิดขายกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) อีกจำนวน 2 กองทุน โดยในปีนี้เอง บริษัทไม่ตั้งเป้าหมายว่าจะต้องมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนเท่าไหร่ เพียงแต่มุ่งหวังให้เติบโตเท่ากับการขยายตัวของอุตสาหกรรมเท่านั้น
นางวรวรรณกล่าวต่อว่า ในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ บริษัทจะยื่นขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจจัดการกองทุนส่วนบุคคล (ไพรเวตฟันด์) กับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ด้วย ซึ่งหลังจากนั้นประมาณ 2-3 เดือนคาดว่าน่าจะรู้ผล ทั้งนี้ เรามองว่าธุรกิจกองทุนส่วนบุคคล เป็นธุรกิจที่อยู่ในขอบเขตที่บลจ.บัวหลวงสามารถทำได้อยู่แล้ว แต่เรื่องนี้ต้องปรึกษากับธนาคารกรุงเทพซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเราด้วยว่าเราเหมาะสมที่จะทำหรือไม่ และหากเราจะทำก็ต้องมองว่ามีแหล่งไหนบ้างที่เราจะสามารถหาลูกค้ามาได้เอง
ส่วนจะรับโอนพอร์ตกองทุนส่วนบุคคลจากบริษัทแม่มาบริหารต่อหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับนโยบายของธนาคารเช่นกัน ว่าเขาจะมองศักยภาพของบลจ.บัวหลวงจะทำได้หรือเปล่า
"ธุระกิจกองทุนส่วนบุคคลเป็นอะไรที่เราน่าจะทำได้อยู่แล้ว ซึ่งเรื่องนี้เราเองต้องปรึกษาความเห็นของแบงก์แม่ก่อน ถ้าไม่ติดขัดอะไร เราเองก็มีตลาดเพียงพอที่จะทำได้อยู่แล้ว โดยในเดือนสิงหาคมนี้ เราจะยื่อขอใบอนุญาตกับสำนักงาน ก.ล.ต."นางวรวรรณกล่าว
ส่วนผลกระทบจากการที่ธนาคารพาณิชย์หันมาระดมเงินฝากมากขึ้น นางวรวรรณกล่าวว่า ในแง่ของสาขาอาจจะชะลอขายกองทุนไปบ้าง ซึ่งเราเองก็ต้องให้ลูกค้ากับแบงก์ไปบ้าง แต่ถ้าลูกค้าคนใดพอใจที่จะลงทุนในกองทุนรวมก็สามารถลงทุนได้อยู่แล้ว หรือไม่ลูกค้าก็อาจจะแบ่งสัดส่วนและเลือกลงทุนตามความเสี่ยงที่รับได้ อย่างไรก็ตาม มองว่าในแง่การตลาดมองว่าเป็นผลดีต่อทั้งกลุ่มอยู่แล้ว
สำหรับบลจ.บัวหลวง เพิ่งได้รับรางวัล “The Post-Lipper Thailands Fund Awards ประจำปี 2008” รวม 3 รางวัล ได้แก่ รางวัลชนะเลิศประเภทกองทุนหุ้นที่ให้ผลตอบแทนในรอบ 3 ปีที่ดีที่สุด จากกองทุนรวมบัวหลวงทศพล รางวัลชนะเลิศประเภทกองทุนหุ้นที่ให้ผลตอบแทนในรอบ 5 ปีที่ดีที่สุด และรางวัลชนะเลิศประเภทกองทุนผสมแบบยืดหยุ่นที่ให้ผลตอบแทนในรอบ 3 ปีที่ดีที่สุด จากกองทุนรวมบัวหลวงเฟล็กซิเบิ้ลเพื่อการเลี้ยงชีพ
โดยนางวรวรรณกล่าวว่า ความสำเร็จที่เกิดขึ้นนี้ เป็นผลสะท้อนมาจากความมุ่งมั่น และทุ่มเทในการทำงานของทีมงานทุกคนที่ได้ใช้ความสามารถทางวิชาชีพร่วมกันด้วยความสุจริต บวกกับการติดตามภาวะตลาดการลงทุนอย่างใกล้ชิด ความมีวินัยในการลงทุน และความรับผิดชอบในการทำหน้าที่ผู้จัดการกองทุนที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า ด้วยการนำเทคนิค Good Stocks + Good Trade = Good Performance มาใช้ในการบริหารกองทุนทำให้ทางบริษัทประสบความสำเร็จ และเป็นการตอกย้ำความเป็นมืออาชีพของทางบริษัทได้เป็นอย่างดี พร้อมกันนี้ขอแสดงความยินดีกับบริษัทจัดการกองทุนรวมทุกแห่งที่ได้รับรางวัลในครั้งนี้ด้วย และหวังว่าทุกบริษัทจะร่วมเป็นฟันเฟืองที่สำคัญในการพัฒนาธุรกิจบริหารจัดการกองทุนรวมให้เติบโต ก้าวหน้า และมีมาตรฐานในระดับสากล
นางวรวรรณ ธาราภูมิ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บัวหลวง จำกัด เปิดเผยว่า ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไปบริษัทจะเพิ่มบุคลากรในส่วนของผู้จัดการกองทุน (ฟันด์แมเนเจอร์) อีกจำนวนหนึ่ง ทั้งผู้จัดการกองทุนในส่วนของการลงทุนในต่างประเทศ กองทุนตราสารหนี้ และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (พร็อพเพอร์ตี้ฟันด์) พร้อมทั้งศึกษาช่องทางการตลาดในช่องทางอื่นควบคู่กันไป เพื่อรองรับการขยายตัวของบริษัทหลังจากนี้
สำหรับในปี 2551 บริษัทจะเน้นการเพิ่มบุคลากรทางด้านการตลาด (มาร์เกตติ้ง) เพื่อเข้ามาเสริมงานในแง่ของช่องทางการตลาดทั้งตัวแทนขายและสาขาของธนาคาร โดยปัจจุบันบริษัทมีมาร์เกตติ้งทั้งหมด 15 คน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากจำนวน 12 คนจากปลายปีที่แล้ว โดยในปีนี้เอง บริษัทคาดว่าเจ้าหน้าที่ในส่วนของมาร์เกตติ้งจะเพิ่มขึ้นเป็น 20 คน
ทั้งนี้ คาดว่าการเพิ่มบุคลากรในส่วนของผู้จัดการกองทุนและมาร์เกตติ้ง จะใช้เวลาประมาณ 2 ปีหลังจากนี้ เพื่อรองรับการขยายกองทุนของบริษัท โดยเฉพาะกองทุนต่างประเทศและกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่เราจะเน้นมากขึ้น ซึ่งหลังจากบุคลากรทั้ง 2 ส่วนพร้อมแล้ว เชื่อว่าจะทำให้บลจ.บัวหลวง เป็นบลจ.ที่มีผลิตภัณฑ์ทางด้านการลงทุนพร้อมในการแข็งขันได้อย่างเต็มที่
"ภาพของเราในอีก 2 ปีหลังจากนี้ เรามองไว้ว่าจะเป็นบลจ.ที่เป็นส่วนหนึ่งของของแบงก์แม่ และมีผลิตภัณฑ์ทางการลงทุนที่เป็นเหมือนหนึ่งองคาพยัพของแบงก์ ด้วยการผลิตสินค้าด้านการลงทุนในกองทุนรวมให้แบงก์เพื่อนำไปเสนอให้แก่ลูกค้าได้"นางวรวรรณกล่าว
อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์ทางด้านการลงทุนดังกล่าว จะเป็นอะไรที่ลูกค้าเข้าใจง่าย และไม่ต้องอธิบายมาก แต่ก็ต้องเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงตั้งแต่ระดับต่ำไปจนถึงกองทุนที่มีความเสี่ยงสูงขึ้นให้ลูกค้าได้เลือก และครอบคลุมความต้องการของลูกค้าทั้งหมด ทั้งนี้ ในแง่ของโปรดักซ์ที่เป็นนวัตกรรมการลงทุนใหม่ๆ เราก็สนใจเช่นกัน แต่เราจะให้ความสำคัญกับประโยชน์ที่ลูกค้าได้รับเป็นหลัก ขณะเดียวกัน ก็ต้องให้เจ้าหน้าที่ประจำสาขาของธนาคารสามารถสื่อสารให้ลูกค้าเข้าใจด้วย
สำหรับแผนงานของบลจ.บัวหลวงในปีนี้ ในแง่ของกองทุนตราสารหนี้จะมีกองทุนใหม่ๆ เปิดขายอย่างต่อเนื่อง เดือนละ 1-2 กองทุน ขณะเดียวกันก็จะมีกองทุนรวมที่ไปลงทุนต่างประเทศ (FIF) ด้วย นอกจากนี้ ยังมีแผนเปิดขายกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) อีกจำนวน 2 กองทุน โดยในปีนี้เอง บริษัทไม่ตั้งเป้าหมายว่าจะต้องมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนเท่าไหร่ เพียงแต่มุ่งหวังให้เติบโตเท่ากับการขยายตัวของอุตสาหกรรมเท่านั้น
นางวรวรรณกล่าวต่อว่า ในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ บริษัทจะยื่นขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจจัดการกองทุนส่วนบุคคล (ไพรเวตฟันด์) กับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ด้วย ซึ่งหลังจากนั้นประมาณ 2-3 เดือนคาดว่าน่าจะรู้ผล ทั้งนี้ เรามองว่าธุรกิจกองทุนส่วนบุคคล เป็นธุรกิจที่อยู่ในขอบเขตที่บลจ.บัวหลวงสามารถทำได้อยู่แล้ว แต่เรื่องนี้ต้องปรึกษากับธนาคารกรุงเทพซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเราด้วยว่าเราเหมาะสมที่จะทำหรือไม่ และหากเราจะทำก็ต้องมองว่ามีแหล่งไหนบ้างที่เราจะสามารถหาลูกค้ามาได้เอง
ส่วนจะรับโอนพอร์ตกองทุนส่วนบุคคลจากบริษัทแม่มาบริหารต่อหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับนโยบายของธนาคารเช่นกัน ว่าเขาจะมองศักยภาพของบลจ.บัวหลวงจะทำได้หรือเปล่า
"ธุระกิจกองทุนส่วนบุคคลเป็นอะไรที่เราน่าจะทำได้อยู่แล้ว ซึ่งเรื่องนี้เราเองต้องปรึกษาความเห็นของแบงก์แม่ก่อน ถ้าไม่ติดขัดอะไร เราเองก็มีตลาดเพียงพอที่จะทำได้อยู่แล้ว โดยในเดือนสิงหาคมนี้ เราจะยื่อขอใบอนุญาตกับสำนักงาน ก.ล.ต."นางวรวรรณกล่าว
ส่วนผลกระทบจากการที่ธนาคารพาณิชย์หันมาระดมเงินฝากมากขึ้น นางวรวรรณกล่าวว่า ในแง่ของสาขาอาจจะชะลอขายกองทุนไปบ้าง ซึ่งเราเองก็ต้องให้ลูกค้ากับแบงก์ไปบ้าง แต่ถ้าลูกค้าคนใดพอใจที่จะลงทุนในกองทุนรวมก็สามารถลงทุนได้อยู่แล้ว หรือไม่ลูกค้าก็อาจจะแบ่งสัดส่วนและเลือกลงทุนตามความเสี่ยงที่รับได้ อย่างไรก็ตาม มองว่าในแง่การตลาดมองว่าเป็นผลดีต่อทั้งกลุ่มอยู่แล้ว
สำหรับบลจ.บัวหลวง เพิ่งได้รับรางวัล “The Post-Lipper Thailands Fund Awards ประจำปี 2008” รวม 3 รางวัล ได้แก่ รางวัลชนะเลิศประเภทกองทุนหุ้นที่ให้ผลตอบแทนในรอบ 3 ปีที่ดีที่สุด จากกองทุนรวมบัวหลวงทศพล รางวัลชนะเลิศประเภทกองทุนหุ้นที่ให้ผลตอบแทนในรอบ 5 ปีที่ดีที่สุด และรางวัลชนะเลิศประเภทกองทุนผสมแบบยืดหยุ่นที่ให้ผลตอบแทนในรอบ 3 ปีที่ดีที่สุด จากกองทุนรวมบัวหลวงเฟล็กซิเบิ้ลเพื่อการเลี้ยงชีพ
โดยนางวรวรรณกล่าวว่า ความสำเร็จที่เกิดขึ้นนี้ เป็นผลสะท้อนมาจากความมุ่งมั่น และทุ่มเทในการทำงานของทีมงานทุกคนที่ได้ใช้ความสามารถทางวิชาชีพร่วมกันด้วยความสุจริต บวกกับการติดตามภาวะตลาดการลงทุนอย่างใกล้ชิด ความมีวินัยในการลงทุน และความรับผิดชอบในการทำหน้าที่ผู้จัดการกองทุนที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า ด้วยการนำเทคนิค Good Stocks + Good Trade = Good Performance มาใช้ในการบริหารกองทุนทำให้ทางบริษัทประสบความสำเร็จ และเป็นการตอกย้ำความเป็นมืออาชีพของทางบริษัทได้เป็นอย่างดี พร้อมกันนี้ขอแสดงความยินดีกับบริษัทจัดการกองทุนรวมทุกแห่งที่ได้รับรางวัลในครั้งนี้ด้วย และหวังว่าทุกบริษัทจะร่วมเป็นฟันเฟืองที่สำคัญในการพัฒนาธุรกิจบริหารจัดการกองทุนรวมให้เติบโต ก้าวหน้า และมีมาตรฐานในระดับสากล
