คอลัมน์คุยกับผู้จัดการกองทุน
ณัฐพัชร์ ลัคนาธรรมพิชิต
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บีที จำกัด
0-2686-9500
สำหรับผู้อ่านที่ได้ติดตามนิทานเรื่องราชสีห์กับหนูมาตั้งแต่เมื่อเดือนที่แล้ว คงยังพอจำกันได้ที่หนูได้ช่วยราชสีห์ไปครั้งหนึ่งแล้ว เพราะตั้งแต่ต้นปีมาดัชนี SET ลดลงมาตลอดทำให้การลงทุนในเดือนแรกขาดทุนจากตราสารทุน (ราชสีห์) แต่ได้กำไรจากตราสารหนี้ (หนู) และมีการปรับสัดส่วนในการลงทุนไป 2 ครั้ง คือในวันที่ 18 ม.ค. 51 และ 30 ม.ค. 51 โดยปรับเพิ่มสัดส่วนที่ลงทุนในตราสารทุน จาก 25% เป็น 35% และ 45% ตามลำดับ และทำกำไรโดยการขายพันธบัตรอายุ 5 ปีไปทั้งจำนวน 20% ของพอร์ตโฟลิโอ เมื่อวันที่ 30 ม.ค. 51
วันนี้มาลองติดตามผลการดำเนินงานของพอร์ตโฟลิโอดังกล่าวดูว่าเป็นอย่างไรบ้าง เนื่องจากมีการปรับสัดส่วนในการลงทุนไป 2 ครั้ง ก็จะมีตารางแสดงผลตอบแทนในแต่ละช่วงรวมทั้งหมด 3 ช่วง ช่วงแรกตั้งแต่ 20 ธ.ค. 50 ถึง 18 ม.ค. 51 ได้ผลตอบแทน 0.71% ตามที่เคยนำเสนอไปแล้ว ช่วงที่สองตั้งแต่ 18 ม.ค. 51 ถึง 30 ม.ค. 51 ได้ผลตอบแทนติดลบ 0.97% เพราะขาดทุนจากหุ้นและได้กำไรจากพันธบัตร และเมื่อรวมกับผลตอบแทนช่วงแรกด้วยก็ยังติดลบอยู่ 0.26% ช่วงที่สามตั้งแต่ 30 ม.ค. 51 ถึง 22 ก.พ. 51 ได้ผลตอบแทน 4.26% ซึ่งได้กำไรมาจากการลงทุนในตราสารทุนถึง 9.24% ในช่วงเวลาเพียง 3 สัปดาห์ และเมื่อรวมทั้งสามช่วงแล้วผลตอบแทนเท่ากับ 3.99% สำหรับระยะเวลาในการลงทุนประมาณ 2 เดือน
ตอนนี้ขึ้นอยู่กับว่า ผู้ลงทุนยังอยากให้กำไรงอกเงยต่อไป (Let Profit Run) เพื่อรอให้ดัชนี SET ขึ้นต่อไปยังเป้าหมายที่ตั้งไว้ในระดับ 870-890 จุดหรือไม่ แต่ก็มีความเสี่ยงอยู่ว่ารอบนี้จะไปถึงหรือไม่ หรือจะปรับตัวลงก่อน นี่แหละครับที่เกริ่นไว้ว่าปีนี้จะมีความผันผวนค่อนข้างสูง ผู้ลงทุนจะต้องเข้าออกตลาดหุ้นให้ทันและเหมาะกับจังหวะในการลงทุน (Market Timing) มิฉะนั้นกำไรที่คิดว่าได้อยู่อาจจะคืนกลับไปได้เช่นกัน ผู้ลงทุนเท่านั้นที่ต้องตอบกับตัวเองว่าเป็นผู้ที่รับความเสี่ยงได้มากน้อยขนาดไหน ถ้าพึงพอใจกับระดับผลตอบแทนแล้วก็ควรจะขายทำกำไรไปก่อนแล้วรอรอบต่อไป แต่ถ้าพร้อมที่จะรับความเสี่ยงต่อก็อาจจะถือเพื่อไปรอขายในราคาที่สูงขึ้น
สำหรับพอร์ตโฟลิโอนี้ ช่วงที่ให้ขายทำกำไรในพันธบัตรอายุ 5 ปีถือว่าถูกจังหวะมาก เพราะมิฉะนั้นจะขาดทุนตามตารางที่แสดง อย่างไรก็ดีปีนี้หนูยังมีโอกาสที่จะช่วยราชสีห์อยู่ แต่ตอนนี้ขอยังไม่ปรับน้ำหนักในการลงทุน รอดูว่าดัชนี SET จะไปต่อได้ขนาดไหนและรอให้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรขยับตัวสูงขึ้นอีกเล็กน้อยอาจจะสัก 3.80% แล้วค่อยทำกำไรจากตราสารทุนเพื่อไปลงทุนในตราสารหนี้อีกรอบหนึ่ง
“การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน”
“ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวมมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต”
ณัฐพัชร์ ลัคนาธรรมพิชิต
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บีที จำกัด
0-2686-9500
สำหรับผู้อ่านที่ได้ติดตามนิทานเรื่องราชสีห์กับหนูมาตั้งแต่เมื่อเดือนที่แล้ว คงยังพอจำกันได้ที่หนูได้ช่วยราชสีห์ไปครั้งหนึ่งแล้ว เพราะตั้งแต่ต้นปีมาดัชนี SET ลดลงมาตลอดทำให้การลงทุนในเดือนแรกขาดทุนจากตราสารทุน (ราชสีห์) แต่ได้กำไรจากตราสารหนี้ (หนู) และมีการปรับสัดส่วนในการลงทุนไป 2 ครั้ง คือในวันที่ 18 ม.ค. 51 และ 30 ม.ค. 51 โดยปรับเพิ่มสัดส่วนที่ลงทุนในตราสารทุน จาก 25% เป็น 35% และ 45% ตามลำดับ และทำกำไรโดยการขายพันธบัตรอายุ 5 ปีไปทั้งจำนวน 20% ของพอร์ตโฟลิโอ เมื่อวันที่ 30 ม.ค. 51
วันนี้มาลองติดตามผลการดำเนินงานของพอร์ตโฟลิโอดังกล่าวดูว่าเป็นอย่างไรบ้าง เนื่องจากมีการปรับสัดส่วนในการลงทุนไป 2 ครั้ง ก็จะมีตารางแสดงผลตอบแทนในแต่ละช่วงรวมทั้งหมด 3 ช่วง ช่วงแรกตั้งแต่ 20 ธ.ค. 50 ถึง 18 ม.ค. 51 ได้ผลตอบแทน 0.71% ตามที่เคยนำเสนอไปแล้ว ช่วงที่สองตั้งแต่ 18 ม.ค. 51 ถึง 30 ม.ค. 51 ได้ผลตอบแทนติดลบ 0.97% เพราะขาดทุนจากหุ้นและได้กำไรจากพันธบัตร และเมื่อรวมกับผลตอบแทนช่วงแรกด้วยก็ยังติดลบอยู่ 0.26% ช่วงที่สามตั้งแต่ 30 ม.ค. 51 ถึง 22 ก.พ. 51 ได้ผลตอบแทน 4.26% ซึ่งได้กำไรมาจากการลงทุนในตราสารทุนถึง 9.24% ในช่วงเวลาเพียง 3 สัปดาห์ และเมื่อรวมทั้งสามช่วงแล้วผลตอบแทนเท่ากับ 3.99% สำหรับระยะเวลาในการลงทุนประมาณ 2 เดือน
ตอนนี้ขึ้นอยู่กับว่า ผู้ลงทุนยังอยากให้กำไรงอกเงยต่อไป (Let Profit Run) เพื่อรอให้ดัชนี SET ขึ้นต่อไปยังเป้าหมายที่ตั้งไว้ในระดับ 870-890 จุดหรือไม่ แต่ก็มีความเสี่ยงอยู่ว่ารอบนี้จะไปถึงหรือไม่ หรือจะปรับตัวลงก่อน นี่แหละครับที่เกริ่นไว้ว่าปีนี้จะมีความผันผวนค่อนข้างสูง ผู้ลงทุนจะต้องเข้าออกตลาดหุ้นให้ทันและเหมาะกับจังหวะในการลงทุน (Market Timing) มิฉะนั้นกำไรที่คิดว่าได้อยู่อาจจะคืนกลับไปได้เช่นกัน ผู้ลงทุนเท่านั้นที่ต้องตอบกับตัวเองว่าเป็นผู้ที่รับความเสี่ยงได้มากน้อยขนาดไหน ถ้าพึงพอใจกับระดับผลตอบแทนแล้วก็ควรจะขายทำกำไรไปก่อนแล้วรอรอบต่อไป แต่ถ้าพร้อมที่จะรับความเสี่ยงต่อก็อาจจะถือเพื่อไปรอขายในราคาที่สูงขึ้น
สำหรับพอร์ตโฟลิโอนี้ ช่วงที่ให้ขายทำกำไรในพันธบัตรอายุ 5 ปีถือว่าถูกจังหวะมาก เพราะมิฉะนั้นจะขาดทุนตามตารางที่แสดง อย่างไรก็ดีปีนี้หนูยังมีโอกาสที่จะช่วยราชสีห์อยู่ แต่ตอนนี้ขอยังไม่ปรับน้ำหนักในการลงทุน รอดูว่าดัชนี SET จะไปต่อได้ขนาดไหนและรอให้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรขยับตัวสูงขึ้นอีกเล็กน้อยอาจจะสัก 3.80% แล้วค่อยทำกำไรจากตราสารทุนเพื่อไปลงทุนในตราสารหนี้อีกรอบหนึ่ง
“การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน”
“ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวมมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต”