กองทุนอสังหาฯควอลิตี้ เฮ้าส์ ปี 50 กำไรพุ่ง 976 ล้านบาท ผู้ลงทุนเฮรับเงินปันผล 0.02บาท/หน่วย วันที่ 20 ก.พ.นี้ ส่วนกองทุนอสังหาฯเอ็มเอฟซี-นิชดาธานีไม่น้อยหน้าจ่ายปันผลที่ 0.17 บาท/หน่วย ในวันที่ 27 ก.พ.เช่นกัน ขณะที่กองทุนหุ้นเปิดกรุงศรี-พรีมาเวสท์ ประกาศจ่ายปันผล0.08 บาท 19 ก.พ.นี้
นางสาวพัชรินทร์ เตชะเคหะกิจ รองกรรมการผู้อำนวยการกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ควอลิตี้ เฮ้าส์ (QHPF )บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บมจ.)ไทยพาณิชย์ เปิดเผยข้อมูลต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)เกี่ยวกับผลดำเนินงานประจำปี 2550 ว่ากองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ควอลิตี้ เฮ้าส์มีผลการประกอบการเพิ่มเกินกว่า20%จากงวดเดียวกันของปี 2549 เนื่องจาก ในปี 2549 กองทุนฯมีระยะเวลาการดำเนินงานเพียง 25 วัน คือตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคม.-31 ธันวาคม2549 เท่านั้น เมื่อเทียบกับปี2550 ซึ่งกองทุนฯมีระยะเวลาการดำเนินงาน1 ปีเต็ม และที่สำคัญกองทุนฯมีผลกำไรจากการประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์ ณ 1 ธันวาคม 2550 จำนวน 440.49 ล้านบาทอีกด้วย
ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)ไทยพาณิชย์ จำกัด รายงานว่าปี 2550 กองทุนQHPF มีกำไรสุทธิที่ 976.734 ล้านบาท โดยมีกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 1.23 บาท เพิ่มขึ้นจากปี 2549 ที่มีกำไรสุทธิรวมเพียง 17,586 บาท เเละกำไรต่อหุ้นที่ 0.02 บาท
ขณะเดียวกัน กองทุนQHPF จะทำการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในอัตราหน่วยละ 0.20 บาท วันที่ 4 มีนาคม 2551 เเละจะทำการปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน เพื่อสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2551นี้
สำหรับ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ควอลิตี้ เฮ้าส์ มีนโยบายการลงทุนโครงการซื้อ หรือเช่าอสังหาริมทรัพย์ในโครงการ คิวเฮาส์ เพลินจิต โครงการคิวเฮาส์ ลุมพินี และโครงการเวฟ เพลส ซึ่งนโยบายในการจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ลงทุนไม่น้อยกว่า 90% ของกำไรสุทธิต่อปี ในกรณีที่กองทุนมีกำไรสะสม บริษัทอาจจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหน่วยลงทุนจากกำไรสะสมได้ ทั้งนี้กำไรสุทธิและกำไรสะสมดังกล่าวข้างต้นจะต้องเกิดขึ้นจริงจากการหาประโยชน์ในทรัพย์สินของกองทุนรวม โดยไม่รวมกำไรหรือขาดทุนที่เกิดจากประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์ หลักทรัพย์หรือทรัพย์สินของกองทุน รวมถึงรายจ่ายในการจัดตั้งกองทุนรวมและรายจ่ายในการเสนอขายหน่วยลงทุน
ด้านนายสมพร บุรินทราธิกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บมจ.) เอ็มเอฟ จำกัด เปิดเผยข้อมูลสรุปผลการดำเนินงาน กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เอ็มเอฟซี-นิชดาธานี (MNIT) ต่อตลท. ว่า กองทุน MNIT มีกำไรสุทธิในปี 2550 รวม 151.344 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิต่อหุ้นอยู่ที่ 1.10 บาท เพิ่มขึ้นจากปี 2549 ซึ่งมีกำไรสุทธิที่ 97.072 ล้านบาทและมีกำไรสุทธิต่อหุ้นที่ 0.07 บาท อีกทั้งบริษัทเตรียมจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ลงทุนในกองทุน MNIT ในวันที่ 25 มีนาคม 2551 ในอัตราหน่วยละ 0.17 บาท โดยจะทำการปันผลให้สำหรับงวดบัญชีวันที่ 1 ตุลาคม 2550-31 ธันวาคม 2550 และจะทำการปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุนเพื่อสิทธิในการับเงินปันผล ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2551
สำหรับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เอ็มเอฟซี-นิชดาธานี เป็นกองทุนประเภท Closed-End fund หรือกองทุนปิด การดำเนินนโยบายของการลงทุนคือ ลงทุนในโครงการบ้านเดียวให้เช่า ภายใต้ชื่อโครงการนิชดาธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี โดยข้อมูลณ.วันที่ 31 มกราคม 2551 พบว่ามูลค่าสุทธิอยู่ที่ 1,522.41 ล้านบาท และมูลค่าต่อหน่วยลงทุนคือ 11.0319 บาท ทางด้านนโยบายการจ่ายเงินปันผลนั้น จะปันผลในอัตราไม่น้อยกว่า 90%ของกำไรสุทธิที่เกิดขึ้นจริง อย่างน้อยปีะ 1 ครั้ง
นอกจากนี้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) พรีมาเวสท์ จำกัด รายงานว่า บริษัทฯ เตรียมจ่ายเงินปันผลในกองทุนเปิดกรุงศรี-พรีมาเวสท์หุ้นระยะยาว (KP-LTF)ให้สำหรับผู้ที่มีชื่อปรากฏอยู่ในทะเบียนผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2551 ในอัตราหน่วยละ 0.080 บาท ในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2551 ซึ่งกองทุน KP-LTF เคยจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ลงทุนมาเเล้ว 1 ครั้ง ในอัตรา 0.25 บาทต่อหน่วย โดยการลงทุนของกองทุนดังกล่าวลงทุนตราสารทุนถึง 91.80% เงินฝาก 10.48% และทรัพย์สินอื่นเช่น รายการค้างรับ/รายการค้างจ่าย สุทธิ 2.28%
นางสาวพัชรินทร์ เตชะเคหะกิจ รองกรรมการผู้อำนวยการกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ควอลิตี้ เฮ้าส์ (QHPF )บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บมจ.)ไทยพาณิชย์ เปิดเผยข้อมูลต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)เกี่ยวกับผลดำเนินงานประจำปี 2550 ว่ากองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ควอลิตี้ เฮ้าส์มีผลการประกอบการเพิ่มเกินกว่า20%จากงวดเดียวกันของปี 2549 เนื่องจาก ในปี 2549 กองทุนฯมีระยะเวลาการดำเนินงานเพียง 25 วัน คือตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคม.-31 ธันวาคม2549 เท่านั้น เมื่อเทียบกับปี2550 ซึ่งกองทุนฯมีระยะเวลาการดำเนินงาน1 ปีเต็ม และที่สำคัญกองทุนฯมีผลกำไรจากการประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์ ณ 1 ธันวาคม 2550 จำนวน 440.49 ล้านบาทอีกด้วย
ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)ไทยพาณิชย์ จำกัด รายงานว่าปี 2550 กองทุนQHPF มีกำไรสุทธิที่ 976.734 ล้านบาท โดยมีกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 1.23 บาท เพิ่มขึ้นจากปี 2549 ที่มีกำไรสุทธิรวมเพียง 17,586 บาท เเละกำไรต่อหุ้นที่ 0.02 บาท
ขณะเดียวกัน กองทุนQHPF จะทำการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในอัตราหน่วยละ 0.20 บาท วันที่ 4 มีนาคม 2551 เเละจะทำการปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน เพื่อสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2551นี้
สำหรับ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ควอลิตี้ เฮ้าส์ มีนโยบายการลงทุนโครงการซื้อ หรือเช่าอสังหาริมทรัพย์ในโครงการ คิวเฮาส์ เพลินจิต โครงการคิวเฮาส์ ลุมพินี และโครงการเวฟ เพลส ซึ่งนโยบายในการจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ลงทุนไม่น้อยกว่า 90% ของกำไรสุทธิต่อปี ในกรณีที่กองทุนมีกำไรสะสม บริษัทอาจจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหน่วยลงทุนจากกำไรสะสมได้ ทั้งนี้กำไรสุทธิและกำไรสะสมดังกล่าวข้างต้นจะต้องเกิดขึ้นจริงจากการหาประโยชน์ในทรัพย์สินของกองทุนรวม โดยไม่รวมกำไรหรือขาดทุนที่เกิดจากประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์ หลักทรัพย์หรือทรัพย์สินของกองทุน รวมถึงรายจ่ายในการจัดตั้งกองทุนรวมและรายจ่ายในการเสนอขายหน่วยลงทุน
ด้านนายสมพร บุรินทราธิกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บมจ.) เอ็มเอฟ จำกัด เปิดเผยข้อมูลสรุปผลการดำเนินงาน กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เอ็มเอฟซี-นิชดาธานี (MNIT) ต่อตลท. ว่า กองทุน MNIT มีกำไรสุทธิในปี 2550 รวม 151.344 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิต่อหุ้นอยู่ที่ 1.10 บาท เพิ่มขึ้นจากปี 2549 ซึ่งมีกำไรสุทธิที่ 97.072 ล้านบาทและมีกำไรสุทธิต่อหุ้นที่ 0.07 บาท อีกทั้งบริษัทเตรียมจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ลงทุนในกองทุน MNIT ในวันที่ 25 มีนาคม 2551 ในอัตราหน่วยละ 0.17 บาท โดยจะทำการปันผลให้สำหรับงวดบัญชีวันที่ 1 ตุลาคม 2550-31 ธันวาคม 2550 และจะทำการปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุนเพื่อสิทธิในการับเงินปันผล ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2551
สำหรับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เอ็มเอฟซี-นิชดาธานี เป็นกองทุนประเภท Closed-End fund หรือกองทุนปิด การดำเนินนโยบายของการลงทุนคือ ลงทุนในโครงการบ้านเดียวให้เช่า ภายใต้ชื่อโครงการนิชดาธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี โดยข้อมูลณ.วันที่ 31 มกราคม 2551 พบว่ามูลค่าสุทธิอยู่ที่ 1,522.41 ล้านบาท และมูลค่าต่อหน่วยลงทุนคือ 11.0319 บาท ทางด้านนโยบายการจ่ายเงินปันผลนั้น จะปันผลในอัตราไม่น้อยกว่า 90%ของกำไรสุทธิที่เกิดขึ้นจริง อย่างน้อยปีะ 1 ครั้ง
นอกจากนี้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) พรีมาเวสท์ จำกัด รายงานว่า บริษัทฯ เตรียมจ่ายเงินปันผลในกองทุนเปิดกรุงศรี-พรีมาเวสท์หุ้นระยะยาว (KP-LTF)ให้สำหรับผู้ที่มีชื่อปรากฏอยู่ในทะเบียนผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2551 ในอัตราหน่วยละ 0.080 บาท ในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2551 ซึ่งกองทุน KP-LTF เคยจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ลงทุนมาเเล้ว 1 ครั้ง ในอัตรา 0.25 บาทต่อหน่วย โดยการลงทุนของกองทุนดังกล่าวลงทุนตราสารทุนถึง 91.80% เงินฝาก 10.48% และทรัพย์สินอื่นเช่น รายการค้างรับ/รายการค้างจ่าย สุทธิ 2.28%
