บลจ. ธนชาต เปิดขายกองทุนผสม “ธนชาตเฟล็กซิเบิ้ลฟันด์ 2 ซีรีส์ 4” ในวันที่ 29 – 6 กุมภาพันธ์ นี้ คาดสามารถระดมทุนครั้งแรกได้กว่า 500 ล้านบาท พร้อมโชว์แผนปี 51 เน้นออกกองทุนเพิ่มไม่ต่ำกว่า 10 กองทุนทั้งตราสารหนี้ และ เอฟไอเอฟ ลุยลงทุนในและต่างประเทศ เพื่อดันเอยูเอ็มเติบโตแตะ 1.2 แสนล้านบาท
นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ธนชาต จำกัด กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร(AUM) ไว้ที่ประมาณ 120,000 ล้านบาท เติบโตเพิ่มจากปีที่ผ่านมาซึ่งทำได้ 7.9 หมื่นล้านบาท โดยจะมาจากการขยายตัวของกองทุนที่มีอยู่และการเพิ่มจำนวนกองทุนใหม่มากขึ้น
ทั้งนี้บริษัทมีแผนที่จะออกกองทุนประเภทตราสารหนี้ในปีนี้อีกประมาณ 10 กองทุน รวมถึงกองทุนรวมต่างประเทศ (เอฟไอเอฟ) แต่กองทุนเอฟไอเอฟในปีนี้บริษัทมีแผนที่จะเปลี่ยนรูปแบบการลงทุนให้มีความแตกต่างจากปีที่ผ่านมา โดยบริษัทฯยังไม่ได้กำหนดช่วงเวลาที่แน่นอนไว้ แต่คาดว่าภาวะเศรษฐกิจโลกในปัจจุบันมีผลกดดันให้ราคาหุ้นของบริษัทต่างประเทศเริ่มปรับลดลงจนเกิดความน่าสนใจเข้าลงทุนเป็นอย่างมาก
ส่วน กองทุนรวมธนชาตตราสารภาครัฐคุ้มครองเงินต้น 2 (TPR02) ที่เปิดขายไปเมื่อวันที่ 7 – 14 มกราคม ที่ผ่านมาว่า บริษัทสามารถปิดยอดขายกองทุน TPR02 ได้กว่า 1,800 ล้านบาท นอกจากนี้ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ นี้หลังเทศกาลตรุษจีนบริษัทมีแผนจะออกกองทุน ประเภทมันนี่มาร์เก็ต ที่เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเป็นหลัก เพิ่มขึ้นอีก 1 กอง ซึ่งบริษัทฯยื่นขอจดทะเบียนไว้ที่มูลค่า 5,000 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน บริษัทได้เปิดขายกองทุนธนชาตเฟล็กซิเบิ้ลฟันด์ 2 ซีรีส์ 4 (TFLEX-2S4) ในระหว่างวันที่ 29 – 6 กุมภาพันธ์ 2551 ซึ่งกองทุนดังกล่าวเป็นประเภทกองทุนผสม ที่มีการกระจายการลงทุนน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน โดยมีมูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท และมีอายุโครงการประมาณ 2 ปี ทั้งนี้บริษัทคาดว่าจะสามารถระดมทุนในครั้งแรกได้กว่า 500 ล้านบาท
สำหรับกองทุนผสม TFLEX-2S4 มีนโยบายลงทุนตราสารทุนและตราสารทางการเงินอื่น ๆ เช่น เงินฝาก ตราสารแห่งหนี้ ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน รวมถึงหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นหรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่น ตามที่คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ประกาศ ได้แก่ การลงทุนในตราสารแห่งทุน
โดย กองทุนดังกล่าวจะเน้นลงทุนในหุ้นที่เป็นหลักทรัพย์ของกิจการที่มีความมั่นคงหรือธุรกิจที่มีศักยภาพการเติบโตสูง หรือมีประวัติการจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ รวมถึงการลงทุนในตราสารแห่งหนี้ ทั้งในของภาครัฐและภาคเอกชน ที่มีฐานะทางการเงินที่มั่นคงและมีความสามารถในการชำระเงินและดอกเบี้ยสูง ซึ่งสัดส่วนในการลงทุนขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของบริษัทจัดการ ซึ่งจะเลือกลงทุนตามความเหมาะสมกับสภาวการณ์ในแต่ละขณะด้วย
“สาเหตุที่เลือกออกกองทุนดังกล่าวนอกเหนือจากการออกกองทุนตราสารหนี้แล้ว เรามองว่าจากภาวะในตลาดหุ้นที่มีความผันผวน นี้น่าจะเป็นจังหวะในการเข้าไปซื้อของถูก อย่างไรก็ตามกองทุนดังกล่าวจะเลือกหุ้นที่มีความเข้มแข็ง ที่มีขนาดใหญ่และมีความน่าเชื่อถือ โดยหุ้นตัวนั้นจะต้องมีอัตราในการขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงหุ้นที่เราจะเลือกจะต้องมีคุณภาพที่ดีอีกด้วย นอกจากนี้แล้วในบางช่วงบริษัทอาจจะเข้าไปซื้อหุ้นบางกลุ่มที่ได้รับความสนใจในช่วงนั้น ๆ ด้วย”นายบุญชัย กล่าว
นอกจากนี้ นายบุญชัย กล่าวถึงตัวบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แม้ยังไม่มีความชัดเจน แต่เชื่อว่าสิ่งที่สำคัญกว่า คือ แนวนโยบายการแก้ไขปัญหาและกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยคาดการณ์ว่าหลังรมว.คลังคนใหม่ได้แถลงนโยบายแล้ว ตลาดหุ้นจะตอบรับในทางบวกอย่างชัดเจน
นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ธนชาต จำกัด กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร(AUM) ไว้ที่ประมาณ 120,000 ล้านบาท เติบโตเพิ่มจากปีที่ผ่านมาซึ่งทำได้ 7.9 หมื่นล้านบาท โดยจะมาจากการขยายตัวของกองทุนที่มีอยู่และการเพิ่มจำนวนกองทุนใหม่มากขึ้น
ทั้งนี้บริษัทมีแผนที่จะออกกองทุนประเภทตราสารหนี้ในปีนี้อีกประมาณ 10 กองทุน รวมถึงกองทุนรวมต่างประเทศ (เอฟไอเอฟ) แต่กองทุนเอฟไอเอฟในปีนี้บริษัทมีแผนที่จะเปลี่ยนรูปแบบการลงทุนให้มีความแตกต่างจากปีที่ผ่านมา โดยบริษัทฯยังไม่ได้กำหนดช่วงเวลาที่แน่นอนไว้ แต่คาดว่าภาวะเศรษฐกิจโลกในปัจจุบันมีผลกดดันให้ราคาหุ้นของบริษัทต่างประเทศเริ่มปรับลดลงจนเกิดความน่าสนใจเข้าลงทุนเป็นอย่างมาก
ส่วน กองทุนรวมธนชาตตราสารภาครัฐคุ้มครองเงินต้น 2 (TPR02) ที่เปิดขายไปเมื่อวันที่ 7 – 14 มกราคม ที่ผ่านมาว่า บริษัทสามารถปิดยอดขายกองทุน TPR02 ได้กว่า 1,800 ล้านบาท นอกจากนี้ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ นี้หลังเทศกาลตรุษจีนบริษัทมีแผนจะออกกองทุน ประเภทมันนี่มาร์เก็ต ที่เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเป็นหลัก เพิ่มขึ้นอีก 1 กอง ซึ่งบริษัทฯยื่นขอจดทะเบียนไว้ที่มูลค่า 5,000 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน บริษัทได้เปิดขายกองทุนธนชาตเฟล็กซิเบิ้ลฟันด์ 2 ซีรีส์ 4 (TFLEX-2S4) ในระหว่างวันที่ 29 – 6 กุมภาพันธ์ 2551 ซึ่งกองทุนดังกล่าวเป็นประเภทกองทุนผสม ที่มีการกระจายการลงทุนน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน โดยมีมูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท และมีอายุโครงการประมาณ 2 ปี ทั้งนี้บริษัทคาดว่าจะสามารถระดมทุนในครั้งแรกได้กว่า 500 ล้านบาท
สำหรับกองทุนผสม TFLEX-2S4 มีนโยบายลงทุนตราสารทุนและตราสารทางการเงินอื่น ๆ เช่น เงินฝาก ตราสารแห่งหนี้ ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน รวมถึงหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นหรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่น ตามที่คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ประกาศ ได้แก่ การลงทุนในตราสารแห่งทุน
โดย กองทุนดังกล่าวจะเน้นลงทุนในหุ้นที่เป็นหลักทรัพย์ของกิจการที่มีความมั่นคงหรือธุรกิจที่มีศักยภาพการเติบโตสูง หรือมีประวัติการจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ รวมถึงการลงทุนในตราสารแห่งหนี้ ทั้งในของภาครัฐและภาคเอกชน ที่มีฐานะทางการเงินที่มั่นคงและมีความสามารถในการชำระเงินและดอกเบี้ยสูง ซึ่งสัดส่วนในการลงทุนขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของบริษัทจัดการ ซึ่งจะเลือกลงทุนตามความเหมาะสมกับสภาวการณ์ในแต่ละขณะด้วย
“สาเหตุที่เลือกออกกองทุนดังกล่าวนอกเหนือจากการออกกองทุนตราสารหนี้แล้ว เรามองว่าจากภาวะในตลาดหุ้นที่มีความผันผวน นี้น่าจะเป็นจังหวะในการเข้าไปซื้อของถูก อย่างไรก็ตามกองทุนดังกล่าวจะเลือกหุ้นที่มีความเข้มแข็ง ที่มีขนาดใหญ่และมีความน่าเชื่อถือ โดยหุ้นตัวนั้นจะต้องมีอัตราในการขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงหุ้นที่เราจะเลือกจะต้องมีคุณภาพที่ดีอีกด้วย นอกจากนี้แล้วในบางช่วงบริษัทอาจจะเข้าไปซื้อหุ้นบางกลุ่มที่ได้รับความสนใจในช่วงนั้น ๆ ด้วย”นายบุญชัย กล่าว
นอกจากนี้ นายบุญชัย กล่าวถึงตัวบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แม้ยังไม่มีความชัดเจน แต่เชื่อว่าสิ่งที่สำคัญกว่า คือ แนวนโยบายการแก้ไขปัญหาและกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยคาดการณ์ว่าหลังรมว.คลังคนใหม่ได้แถลงนโยบายแล้ว ตลาดหุ้นจะตอบรับในทางบวกอย่างชัดเจน