บลจ. ธนชาต ต่อกองทุนเปิดธนชาตเฟล็กซิเบิ้ลฟันด์ 2 ซีรีส์ 3 อีก 15 เดือนหลังจะครบกำหนดโครงการ 31 กรกฎาคมนี้
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า ผู้ถือหน่วยกองทุนเปิดธนชาตเฟล็กซิเบิ้ลฟันด์ 2 ซีรีส์ 3 (TFLEX-2S3) แสดงมติเห็นด้วยรวมกันเกินกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนหน่วยลงทุนที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของแต่ละกองทุน ให้แก้ไขเพิ่มเติมรายละเอียดโครงการของกองทุน TFLEX-2S3 เพื่อต่ออายุกองทุนออกไปอีกประมาณ 15 เดือน รวมถึงการแก้ไขรายละเอียดโครงการในประเด็นอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ตามที่ บลจ.ธนชาต เสนอ โดยจะใช้ชื่อและฐานข้อมูลผู้ถือหน่วยลงทุนตามที่ปรากฏในทะเบียนผู้ถือหน่วยลงทุน ณ วันที่ 20 พฤษภาคม 2552 ที่ผ่านมา นอกจากนี้กองทุนดังกล่าวเดิมมีอายุโครงการ 2 ปี ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 31 กรกฎาคม 2552 นี้
ทั้งนี้ เพื่อให้สิทธิและอำนวยความสะดวกแก่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่ไม่ต้องการลงทุนต่อและต้องการจะไถ่ถอนการลงทุน และเพื่อรองรับกรณีมีผู้สนใจเข้าร่วมลงทุนในกองทุนเพิ่มเติมบลจ.ธนชาต ได้เปิดให้บริการซื้อขายหน่วยลงทุนของกองทุนดังกล่าว อีกครั้งในวันที่ 31 กรกฎาคม – 31 สิงหาคม 2552 โดยไม่มีค่าธรรมเนียมในการขายหรือรับซื้อคืนหน่วยลงทุน
โดยกองทุนดังกล่าวลงทุนในตราสารแห่งทุน ตราสารแห่งหนี้ ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน และตราสารทางการเงินอื่น ๆ ที่กฎหมายกำหนดให้ลงทุนได้ในสัดส่วนที่เหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจ และสถานการณ์ของตลาดทุน และตลาดเงินในแต่ละช่วงเวลา โดยขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของบริษัทจัดการ ตามความเหมาะสมกับสภาวการณ์ในแต่ละขณะ
สำหรับกองทุนเปิดธนชาตเฟล็กซิเบิ้ลฟันด์ 2 ซีรีส์ 3 ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2552 ย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 25.23% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 17.75% ย้อนหลัง 6 เดือน 32.84% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 14.58% ย้อนหลัง 1 ปี -18.89% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ -6.40% และผลตอบแทนตั้งแต่เริ่มจัดตั้งกองทุนอยู่ที่ -19.48% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ -8.89% ส่วนมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ หรือเอ็นเอวีอยู่ที่ 325.97 ล้านบาท และมูลค่าหน่วยลงทุนอยู่ที่ 8.05 บาทต่อหน่วย
ขณะที่สัดส่วนในการลงทุนคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ณ วันที่ 29 พฤษภาคม 2552 ในส่วนของหุ้นกองทุนได้เข้าไปลงทุนใน กลุ่มพลังงาน 33.03% กลุ่มธนาคาร 13.56% กลุ่มสื่อสาร 12.89% กลุ่มขนส่ง 2.71% กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 2.64% และกลุ่มอื่นๆ อีก 6.55% รวมแล้วเป็น 71.39% ส่วนในหุ้นกู้กองทุนได้เข้าไปลงทุนในพันธบัตรรัฐวิสาหกิจ 16.32% และพันธบัตรรัฐบาลที่ค้ำประกันโดยกระทรวงการคลัง 3.25% รวมแล้วเป็น 19.57%
นอกจากนี้ผู้ออกหลักทรัพย์ที่กองทุนลงทุน 5 อันดับแรก ณ วันที่ 29 พฤษภาคม 2552 ในหุ้นประกอบด้วย 1. บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) 14.03% 2. บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) 13.12% 3. บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) 9.26% 4. ธนาคารไทยพาณิชย์ 4.79% 5. ธนาคารกสิกรไทย 4.47% ส่วนหุ้นกู้ได้แก่ ธนาคารแห่งประเทศไทย 16.32% , กระทรวงการคลัง 3.25% นอกจากนี้กองทุนดังกล่าวยังได้เข้าไปลงทุนในธนาคารทิสโก้ 2.80% และธนาคารคาลิยง 0.01%
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า ผู้ถือหน่วยกองทุนเปิดธนชาตเฟล็กซิเบิ้ลฟันด์ 2 ซีรีส์ 3 (TFLEX-2S3) แสดงมติเห็นด้วยรวมกันเกินกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนหน่วยลงทุนที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของแต่ละกองทุน ให้แก้ไขเพิ่มเติมรายละเอียดโครงการของกองทุน TFLEX-2S3 เพื่อต่ออายุกองทุนออกไปอีกประมาณ 15 เดือน รวมถึงการแก้ไขรายละเอียดโครงการในประเด็นอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ตามที่ บลจ.ธนชาต เสนอ โดยจะใช้ชื่อและฐานข้อมูลผู้ถือหน่วยลงทุนตามที่ปรากฏในทะเบียนผู้ถือหน่วยลงทุน ณ วันที่ 20 พฤษภาคม 2552 ที่ผ่านมา นอกจากนี้กองทุนดังกล่าวเดิมมีอายุโครงการ 2 ปี ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 31 กรกฎาคม 2552 นี้
ทั้งนี้ เพื่อให้สิทธิและอำนวยความสะดวกแก่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่ไม่ต้องการลงทุนต่อและต้องการจะไถ่ถอนการลงทุน และเพื่อรองรับกรณีมีผู้สนใจเข้าร่วมลงทุนในกองทุนเพิ่มเติมบลจ.ธนชาต ได้เปิดให้บริการซื้อขายหน่วยลงทุนของกองทุนดังกล่าว อีกครั้งในวันที่ 31 กรกฎาคม – 31 สิงหาคม 2552 โดยไม่มีค่าธรรมเนียมในการขายหรือรับซื้อคืนหน่วยลงทุน
โดยกองทุนดังกล่าวลงทุนในตราสารแห่งทุน ตราสารแห่งหนี้ ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน และตราสารทางการเงินอื่น ๆ ที่กฎหมายกำหนดให้ลงทุนได้ในสัดส่วนที่เหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจ และสถานการณ์ของตลาดทุน และตลาดเงินในแต่ละช่วงเวลา โดยขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของบริษัทจัดการ ตามความเหมาะสมกับสภาวการณ์ในแต่ละขณะ
สำหรับกองทุนเปิดธนชาตเฟล็กซิเบิ้ลฟันด์ 2 ซีรีส์ 3 ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2552 ย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 25.23% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 17.75% ย้อนหลัง 6 เดือน 32.84% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 14.58% ย้อนหลัง 1 ปี -18.89% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ -6.40% และผลตอบแทนตั้งแต่เริ่มจัดตั้งกองทุนอยู่ที่ -19.48% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ -8.89% ส่วนมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ หรือเอ็นเอวีอยู่ที่ 325.97 ล้านบาท และมูลค่าหน่วยลงทุนอยู่ที่ 8.05 บาทต่อหน่วย
ขณะที่สัดส่วนในการลงทุนคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ณ วันที่ 29 พฤษภาคม 2552 ในส่วนของหุ้นกองทุนได้เข้าไปลงทุนใน กลุ่มพลังงาน 33.03% กลุ่มธนาคาร 13.56% กลุ่มสื่อสาร 12.89% กลุ่มขนส่ง 2.71% กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 2.64% และกลุ่มอื่นๆ อีก 6.55% รวมแล้วเป็น 71.39% ส่วนในหุ้นกู้กองทุนได้เข้าไปลงทุนในพันธบัตรรัฐวิสาหกิจ 16.32% และพันธบัตรรัฐบาลที่ค้ำประกันโดยกระทรวงการคลัง 3.25% รวมแล้วเป็น 19.57%
นอกจากนี้ผู้ออกหลักทรัพย์ที่กองทุนลงทุน 5 อันดับแรก ณ วันที่ 29 พฤษภาคม 2552 ในหุ้นประกอบด้วย 1. บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) 14.03% 2. บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) 13.12% 3. บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) 9.26% 4. ธนาคารไทยพาณิชย์ 4.79% 5. ธนาคารกสิกรไทย 4.47% ส่วนหุ้นกู้ได้แก่ ธนาคารแห่งประเทศไทย 16.32% , กระทรวงการคลัง 3.25% นอกจากนี้กองทุนดังกล่าวยังได้เข้าไปลงทุนในธนาคารทิสโก้ 2.80% และธนาคารคาลิยง 0.01%
