ทุนธนชาตเล็งขยายบลจ.ให้เติบโตตามแบงก์ เปิดช่องการขายเพิ่มผ่านสาขาธนาคารกว่า 120 แห่งในสิ้นปีนี้ และ 350 สาขาภายใน 3 ปี ระบุแบงก์ต่างชาติเข้าถือหุ้น 49% เป็นผลดีต่อบลจ.ด้วย เหตุสามารถเพิ่มสินค้าและทางเลือกให้นักลงทุนได้จากความร่วมมือของทั้ง 2 ฝ่าย "สุชาดา"ตั้งเป้าเพิ่มกำไรปีหนูอีก 20% หลังประสบความสำเร็จจากปีที่ผ่านมา
นายอนุวัติร์ เหลืองทวีกุล รองกรรมการผู้จัดการบริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การดำเนินงานของบริษัทลูกในคอมพานี มีการขยายตัวเป็นอย่างดีในทุกๆ ธุรกิจ ซึ่งผลการดำเนินงานของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ธนชาต ใน ปีที่ผ่านมามีกำไรเพิ่มขึ้นเกือบ 100% และคาดว่าการขยายตัวของธุรกิจนี้จะเพิ่มขึ้นในอนาคต โดยการเติบโตของธุรกิจประเภทนี้มีการตั้งเป้าให้ขยายตัวไปพร้อมกับธุรกิจธนาคาร ที่ทางกลุ่มตั้งเป้าให้มีการขยายตัวขึ้นมาเป็นแบงก์ขนาดใหญ่ และให้บลจ.เติบโตควบคู่กันไป
ด้าน นางสุชาดา ภวนานันท์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ธนชาต จำกัด กล่าวว่า การดำเนินงานในปีที่ผ่านมาของบริษัทเป็นที่น่าพอใจ และมีผลกำไรกว่า 102 ล้านบาท ซึ่งในปีนี้การดำเนินงานของบริษัทมีการตั้งเป้าการเติบโตของผลกำไรให้เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 20% โดยที่สินทรัพย์รวมภายใต้การบริหารของบริษัทน่าจะเพิ่มขึ้นจากเดิม 8 หมื่นล้านบาทเป็น 1.2 แสนล้านบาทได้ในปลายปีนี้ ส่วนการขยายตัวควบคู่ไปกับแบงก์นั้นถือเป็นช่องทางหลักในการเติบโตของบริษัท ซึ่งการที่แบงก์จะมีการขยายสาขาเพิ่มขึ้นเป็น 120 สาขาภายในสิ้นปีนี้ และ350 สาขาภายใน 3 ปีจะทำให้บริษัทมีช่องทางการขายที่มากขึ้น เนื่องจากฐานลูกค้าส่วนใหญ่ของบริษัทมาจากลูกค้าแบงก์ ขณะที่การเข้าถือหุ้นของธนาคารแห่งโนวาสโกเทียในธนาคารธนชาตนั้นจะส่งผลดีต่อการดำเนินงานของบลจ.ด้วยเช่นกัน
สำหรับการออกกองทุนในช่วงต้นปีนี้ทางบริษัทได้ออกกองทุนไปแล้ว 1 กองได้แก่ กองทุนธนชาตตราสารภาครัฐคุ้มครองเงินต้น (TPR02) ซึ่งเป็นกองตราสารหนี้ของภาครัฐ แต่หลังจากนี้การออกกองทุนที่เกี่ยวกับตราสารหนี้ของบริษัทจะต้องปรับให้มีระยะเวลาของตราสารยาวมากขึ้น เนื่องจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาลงจากผลกระทบของการปรับอัตราดอกเบี้ยของเฟด เพื่อแก้ปัญหาซัพไพรม์ รวมถึงจะเน้นให้เกิดการกระจายการลงทุนเพื่อรองรับ พ.ร.บ.คุ้มครองเงินฝากที่กำลังจะมีผลบังคับใช้อีกด้วย
นอกจากนี้ ทางบริษัทยังได้เตรียมออกกองทุนใหม่อีก 1 กอง คือกองทุนเปิด ที มันนี่ ซึ่งเป็นกองทุนที่มีลักษณะคล้ายการลงทุนในมันนี่มาร์เก็ต แต่เป็นการลงทุนในตราสารหนี้ที่มีความคล่องตัวสูงสามารถซื้อ และขายคืนหน่วยลงทุนได้ทุกวัน โดยกองทุนนี้จะเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการพักเงินลงทุนจากการลงทุนที่มีความเสี่ยงมาก แต่ยังต้องการสภาพคล่องสูงอยู่
"การขยายตัวของเราคงเพิ่มมากขึ้นตามแบงก์เพราะฐานลูกค้าเรามาจากแบงก์เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งนอกจากที่เราจะออกกองทุนรวมเพื่อขยายฐานลูกค้าแล้ว การขยายฐานลูกค้าในส่วนของไพรเวทฟันด์ก็เป็นอีกเรื่องที่เราสนใจ หลังจากที่ขณะนี้ ก.ล.ต.กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาเพื่อให้องทุนประเภทนี้สามารถออกไปลงทุนในต่างประเทศได้ ซึ่งเราก็มีความพรัอมที่จะบริหารกองทุนประเภทนี้ให้กับลูกค้า"นางสุชาดากล่าว
ด้านนายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ธนชาต จำกัด กล่าวว่า การตั้งเป้าการขยายตัวของบลจ.ธนชาต ให้ควบคู่ไปกับแบงก์แม่ถือเป็นเรื่องที่บริษัททราบดีอยู่แล้ว เนื่องจากฐานลูกค้าบริษัทก็จะมาจากแบงก์เป็นส่วนใหญ่ แต่ไม่ใช่ว่าจะเป็นลูกค้าของแบงก์อย่างเดียว โดยประเภทของลูกค้าที่บริษัทมีอยู่ในขณะนี้จะแบ่งได้ตามความเสี่ยงและความยากง่ายของโปรดักซ์ที่นำเสนอออกไปด้วย
ทั้งนี้ หากเป็นสินค้าหรือกองทุนที่มีความสับซ้อนไม่มากนักอย่างกองทุนที่เข้าไปลงทุนในตราสารหนี้ หรือพันธบัตรรัฐบาล ลูกค้าส่วนใหญ่ก็จะเป็นฐานลูกค้าจากแบงก์แม่ แต่หากเป็นกองทุนที่มีความซับซ้อนอย่างกองทุนที่ออกไปลงทุนในต่างประเทศหรือเอฟไอเอฟ ลูกค้าก็จะมาจากเซลลิ้งค์เอเจนท์มากกว่า
นายบุญชัยกล่าวอีกว่า การที่ธนาคารแห่งโนวาสโกเทียจะเข้ามาถือหุ้นของธนาคารธนชาตในสัดส่วนร้อยละ 49 นั้นถือเป็นเรื่องดี และจะส่งผลดีต่อการดำเนินงานของบลจ. โดยผู้บริหารทางฝั่งของธนาคารโนวาสโกเทียมีความเห็นว่าการเข้าถือหุ้นของธนาคารธนชาตในครั้งนี้ จะส่งผลดีต่อการดำเนินงานของบลจ.ด้วย เนื่องจากวาสโกเทียมีธุรกิจเกี่ยวกับการบริหารจัดการสินทรัพย์ด้วยเหมือนกัน และโปรดักซ์ที่มีอยู่ในปัจจุบันก็จะหลากหลายกว่า ทำให้บลจ.ธนชาต สามารถนำโปรดักซ์ใหม่ๆ ไปเสนอแก่นักลงทุน เพื่อให้ที่มีความแตกต่างมากขึ้นได้ นอกจากนี้ทางวาสโกเทียจะได้ผลดีจากการเปิดตลาดและเป็นที่รู้จักในประเทศไทยด้วยเช่นกัน
นายอนุวัติร์ เหลืองทวีกุล รองกรรมการผู้จัดการบริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การดำเนินงานของบริษัทลูกในคอมพานี มีการขยายตัวเป็นอย่างดีในทุกๆ ธุรกิจ ซึ่งผลการดำเนินงานของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ธนชาต ใน ปีที่ผ่านมามีกำไรเพิ่มขึ้นเกือบ 100% และคาดว่าการขยายตัวของธุรกิจนี้จะเพิ่มขึ้นในอนาคต โดยการเติบโตของธุรกิจประเภทนี้มีการตั้งเป้าให้ขยายตัวไปพร้อมกับธุรกิจธนาคาร ที่ทางกลุ่มตั้งเป้าให้มีการขยายตัวขึ้นมาเป็นแบงก์ขนาดใหญ่ และให้บลจ.เติบโตควบคู่กันไป
ด้าน นางสุชาดา ภวนานันท์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ธนชาต จำกัด กล่าวว่า การดำเนินงานในปีที่ผ่านมาของบริษัทเป็นที่น่าพอใจ และมีผลกำไรกว่า 102 ล้านบาท ซึ่งในปีนี้การดำเนินงานของบริษัทมีการตั้งเป้าการเติบโตของผลกำไรให้เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 20% โดยที่สินทรัพย์รวมภายใต้การบริหารของบริษัทน่าจะเพิ่มขึ้นจากเดิม 8 หมื่นล้านบาทเป็น 1.2 แสนล้านบาทได้ในปลายปีนี้ ส่วนการขยายตัวควบคู่ไปกับแบงก์นั้นถือเป็นช่องทางหลักในการเติบโตของบริษัท ซึ่งการที่แบงก์จะมีการขยายสาขาเพิ่มขึ้นเป็น 120 สาขาภายในสิ้นปีนี้ และ350 สาขาภายใน 3 ปีจะทำให้บริษัทมีช่องทางการขายที่มากขึ้น เนื่องจากฐานลูกค้าส่วนใหญ่ของบริษัทมาจากลูกค้าแบงก์ ขณะที่การเข้าถือหุ้นของธนาคารแห่งโนวาสโกเทียในธนาคารธนชาตนั้นจะส่งผลดีต่อการดำเนินงานของบลจ.ด้วยเช่นกัน
สำหรับการออกกองทุนในช่วงต้นปีนี้ทางบริษัทได้ออกกองทุนไปแล้ว 1 กองได้แก่ กองทุนธนชาตตราสารภาครัฐคุ้มครองเงินต้น (TPR02) ซึ่งเป็นกองตราสารหนี้ของภาครัฐ แต่หลังจากนี้การออกกองทุนที่เกี่ยวกับตราสารหนี้ของบริษัทจะต้องปรับให้มีระยะเวลาของตราสารยาวมากขึ้น เนื่องจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาลงจากผลกระทบของการปรับอัตราดอกเบี้ยของเฟด เพื่อแก้ปัญหาซัพไพรม์ รวมถึงจะเน้นให้เกิดการกระจายการลงทุนเพื่อรองรับ พ.ร.บ.คุ้มครองเงินฝากที่กำลังจะมีผลบังคับใช้อีกด้วย
นอกจากนี้ ทางบริษัทยังได้เตรียมออกกองทุนใหม่อีก 1 กอง คือกองทุนเปิด ที มันนี่ ซึ่งเป็นกองทุนที่มีลักษณะคล้ายการลงทุนในมันนี่มาร์เก็ต แต่เป็นการลงทุนในตราสารหนี้ที่มีความคล่องตัวสูงสามารถซื้อ และขายคืนหน่วยลงทุนได้ทุกวัน โดยกองทุนนี้จะเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการพักเงินลงทุนจากการลงทุนที่มีความเสี่ยงมาก แต่ยังต้องการสภาพคล่องสูงอยู่
"การขยายตัวของเราคงเพิ่มมากขึ้นตามแบงก์เพราะฐานลูกค้าเรามาจากแบงก์เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งนอกจากที่เราจะออกกองทุนรวมเพื่อขยายฐานลูกค้าแล้ว การขยายฐานลูกค้าในส่วนของไพรเวทฟันด์ก็เป็นอีกเรื่องที่เราสนใจ หลังจากที่ขณะนี้ ก.ล.ต.กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาเพื่อให้องทุนประเภทนี้สามารถออกไปลงทุนในต่างประเทศได้ ซึ่งเราก็มีความพรัอมที่จะบริหารกองทุนประเภทนี้ให้กับลูกค้า"นางสุชาดากล่าว
ด้านนายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ธนชาต จำกัด กล่าวว่า การตั้งเป้าการขยายตัวของบลจ.ธนชาต ให้ควบคู่ไปกับแบงก์แม่ถือเป็นเรื่องที่บริษัททราบดีอยู่แล้ว เนื่องจากฐานลูกค้าบริษัทก็จะมาจากแบงก์เป็นส่วนใหญ่ แต่ไม่ใช่ว่าจะเป็นลูกค้าของแบงก์อย่างเดียว โดยประเภทของลูกค้าที่บริษัทมีอยู่ในขณะนี้จะแบ่งได้ตามความเสี่ยงและความยากง่ายของโปรดักซ์ที่นำเสนอออกไปด้วย
ทั้งนี้ หากเป็นสินค้าหรือกองทุนที่มีความสับซ้อนไม่มากนักอย่างกองทุนที่เข้าไปลงทุนในตราสารหนี้ หรือพันธบัตรรัฐบาล ลูกค้าส่วนใหญ่ก็จะเป็นฐานลูกค้าจากแบงก์แม่ แต่หากเป็นกองทุนที่มีความซับซ้อนอย่างกองทุนที่ออกไปลงทุนในต่างประเทศหรือเอฟไอเอฟ ลูกค้าก็จะมาจากเซลลิ้งค์เอเจนท์มากกว่า
นายบุญชัยกล่าวอีกว่า การที่ธนาคารแห่งโนวาสโกเทียจะเข้ามาถือหุ้นของธนาคารธนชาตในสัดส่วนร้อยละ 49 นั้นถือเป็นเรื่องดี และจะส่งผลดีต่อการดำเนินงานของบลจ. โดยผู้บริหารทางฝั่งของธนาคารโนวาสโกเทียมีความเห็นว่าการเข้าถือหุ้นของธนาคารธนชาตในครั้งนี้ จะส่งผลดีต่อการดำเนินงานของบลจ.ด้วย เนื่องจากวาสโกเทียมีธุรกิจเกี่ยวกับการบริหารจัดการสินทรัพย์ด้วยเหมือนกัน และโปรดักซ์ที่มีอยู่ในปัจจุบันก็จะหลากหลายกว่า ทำให้บลจ.ธนชาต สามารถนำโปรดักซ์ใหม่ๆ ไปเสนอแก่นักลงทุน เพื่อให้ที่มีความแตกต่างมากขึ้นได้ นอกจากนี้ทางวาสโกเทียจะได้ผลดีจากการเปิดตลาดและเป็นที่รู้จักในประเทศไทยด้วยเช่นกัน