บลจ.เอวายเอฟ เพิ่มทางเลือกลงทุนตั๋ว ECP ให้ลูกค้า เปิดขายกองทุนอยุธยาตราสารหนี้พลัส 3M1 ลงทุนสั้นๆ 3 เดือน ให้ผลตอบแทน 2.70% ต่อปี ผู้จัดการกองทุนชี้ เป็นผลจากสภาพคล่องในระบบเริ่มผ่อนคลาย หลังเงินถูกอัดฉีดเข้าแก้ปัญหาซับไพรม์ แถมแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยเฟดมีลุ้นขยับลงอีก 0.50%
นายอาสา อินทรวิชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อยุธยา จำกัด (เอวายเอฟ) เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 22-29 มกราคมนี้ บริษัทจะเปิดขายกองทุนเปิดอยุธยาตราสารหนี้พลัส 3M1 (AYF3MPLS1) กองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ ที่เน้นลงทุนในตั๋ว ECP (Euro Commercial Paper) ซึ่งเป็นตราสารหนี้ของสถาบันการเงินคุณภาพดีในยุโรป โดยกองทุนดังกล่าวมีอายุการลงทุนประมาณ 3 เดือน และคาดการณ์ผลตอบแทนประมาณ 2.70% ต่อปี
โดยสาเหตุที่ผลตอบแทนของกองทุนปรับลดลงจาก 3% กว่าๆ ในช่วงก่อนหน้านี้ เป็นผลมาจากอัตราดอกเบี้ยของการสวอปปรับลดลงค่อนข้างมาก อยู่ในระดับที่เกิน 1% ก็ว่าได้ โดยเหตุผลหลักมาจากสภาพคล่องในระบบที่เริ่มผ่อนคลายลง จากการที่ธนาคารกลางในหลายประเทศอัดฉีดเงินเป็นจำนวนมากเข้ามาในระบบ เพื่อบรรเทาปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ (ซับไพรม์) ขณะเดียวกัน ตลาดมีการคาดการณ์แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่มองว่ามีโอกาสที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้อีกถึง 0.50%
"ก่อนหน้านี้ จะมีบ้างที่อัตราดอกเบี้ย 3 เดือนจะสูงกว่า 6 เดือน แต่หลังจากภาวะตลาดเปลี่ยนไปทำให้ขณะนี้อัตราดอกเบี้ยของตราสารหนี้อายุ 3 เดือนต่ำกว่า 6 เดือนแล้ว ซึ่งการที่เราออกกองทุนอายุ 3 เดือนออกมา ก็เพื่อเป็นทางเลือกให้ลูกค้าที่ต้องการลงทุนระยะสั้นๆ นอกจากกองทุนอายุ 6 เดือน เพราะที่ผ่านมาก็มีความต้องการเยอะพอสมควร"นายอาสากล่าว
สำหรับแผนการออกกองทุนในช่วงหลังจากนี้ นายอาสากล่าวว่า ในส่วนของกองทุนที่ลงทุนในตั๋ว ECP ซึ่งเป็นตราสารหนี้ของสถาบันการเงินคุณภาพดีในยุโรปอายุ 6 เดือนจะยังมีอยู่ หลังจากเปิดขายไปแล้วจำนวน 10 กองทุนในช่วงปี 2550 ที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน ยังมีแผนออกกองทุนอายุสั้นๆ 3 เดือนต่อเนื่องหากลูกค้าให้ความสนใจ อย่างไรก็ตาม หากภาวะตลาดเอื้อต่อการลงทุนที่ยาวขึ้นเป็น 9 เดือนและ 12 เดือน บริษัทก็จะออกกองทุนที่ลงทุนในระยะเวลาดังกล่าวมาเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าด้วย
ทั้งนี้ กองทุนเปิดอยุธยาตราสารหนี้พลัส 3M1 มีนโยบาย นำเงินลงทุนอย่างน้อย 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ไปลงทุนในตราสารหนี้ที่เสนอขายในต่างประเทศที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือใน 2 อันดับแรก ส่วนที่เหลือจะลงทุนในเงินฝากและ/หรือตราสารหนี้ในประเทศที่มีอายุไม่เกิน 1 ปี
โดยกองทุนอาจพิจารณาลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่มีตัวแปรเป็นอัตราแลกเปลี่ยนเงิน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดความเสี่ยง ทั้งนี้ กองทุนจะไม่ลงทุนในตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง
นายอาสา อินทรวิชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อยุธยา จำกัด (เอวายเอฟ) เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 22-29 มกราคมนี้ บริษัทจะเปิดขายกองทุนเปิดอยุธยาตราสารหนี้พลัส 3M1 (AYF3MPLS1) กองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ ที่เน้นลงทุนในตั๋ว ECP (Euro Commercial Paper) ซึ่งเป็นตราสารหนี้ของสถาบันการเงินคุณภาพดีในยุโรป โดยกองทุนดังกล่าวมีอายุการลงทุนประมาณ 3 เดือน และคาดการณ์ผลตอบแทนประมาณ 2.70% ต่อปี
โดยสาเหตุที่ผลตอบแทนของกองทุนปรับลดลงจาก 3% กว่าๆ ในช่วงก่อนหน้านี้ เป็นผลมาจากอัตราดอกเบี้ยของการสวอปปรับลดลงค่อนข้างมาก อยู่ในระดับที่เกิน 1% ก็ว่าได้ โดยเหตุผลหลักมาจากสภาพคล่องในระบบที่เริ่มผ่อนคลายลง จากการที่ธนาคารกลางในหลายประเทศอัดฉีดเงินเป็นจำนวนมากเข้ามาในระบบ เพื่อบรรเทาปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ (ซับไพรม์) ขณะเดียวกัน ตลาดมีการคาดการณ์แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่มองว่ามีโอกาสที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้อีกถึง 0.50%
"ก่อนหน้านี้ จะมีบ้างที่อัตราดอกเบี้ย 3 เดือนจะสูงกว่า 6 เดือน แต่หลังจากภาวะตลาดเปลี่ยนไปทำให้ขณะนี้อัตราดอกเบี้ยของตราสารหนี้อายุ 3 เดือนต่ำกว่า 6 เดือนแล้ว ซึ่งการที่เราออกกองทุนอายุ 3 เดือนออกมา ก็เพื่อเป็นทางเลือกให้ลูกค้าที่ต้องการลงทุนระยะสั้นๆ นอกจากกองทุนอายุ 6 เดือน เพราะที่ผ่านมาก็มีความต้องการเยอะพอสมควร"นายอาสากล่าว
สำหรับแผนการออกกองทุนในช่วงหลังจากนี้ นายอาสากล่าวว่า ในส่วนของกองทุนที่ลงทุนในตั๋ว ECP ซึ่งเป็นตราสารหนี้ของสถาบันการเงินคุณภาพดีในยุโรปอายุ 6 เดือนจะยังมีอยู่ หลังจากเปิดขายไปแล้วจำนวน 10 กองทุนในช่วงปี 2550 ที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน ยังมีแผนออกกองทุนอายุสั้นๆ 3 เดือนต่อเนื่องหากลูกค้าให้ความสนใจ อย่างไรก็ตาม หากภาวะตลาดเอื้อต่อการลงทุนที่ยาวขึ้นเป็น 9 เดือนและ 12 เดือน บริษัทก็จะออกกองทุนที่ลงทุนในระยะเวลาดังกล่าวมาเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าด้วย
ทั้งนี้ กองทุนเปิดอยุธยาตราสารหนี้พลัส 3M1 มีนโยบาย นำเงินลงทุนอย่างน้อย 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ไปลงทุนในตราสารหนี้ที่เสนอขายในต่างประเทศที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือใน 2 อันดับแรก ส่วนที่เหลือจะลงทุนในเงินฝากและ/หรือตราสารหนี้ในประเทศที่มีอายุไม่เกิน 1 ปี
โดยกองทุนอาจพิจารณาลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่มีตัวแปรเป็นอัตราแลกเปลี่ยนเงิน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดความเสี่ยง ทั้งนี้ กองทุนจะไม่ลงทุนในตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง
