บลจ. บีที เตรียมคลอดกองทุน “บีที FIF ตราสารหนี้ 6/2” (BT-FIF-FIX 6/2) เน้นลงทุนในตราสารหนี้ประเทศนิวซีแลนด์ มีอายุโครงการ 6 เดือน มูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท เริ่มเปิดขายวันที่ 29 เม.ย. – 7 พ.ค. นี้
นายอนุสรณ์ บูรณกานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บีที จำกัด เปิดเผยว่า ในระหว่างวันที่ 29 เมษายน – 7 พฤษภาคม 2551 บลจ.บีทีเตรียมที่จะเปิดขายกองทุนบีที FIF ตราสารหนี้ 6/2 (BT-FIF-FIX 6/2) ซึ่งมีอายุโครงการประมาณ 6 เดือน และมีมูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท นอกจากนี้ในระหว่างการนำเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรกนั้น บริษัทจัดการอาจจะทำการเสนอขายหน่วยลงทุนของโครงการได้อีกไม่เกิน 210 ล้านบาท
ทั้งนี้กองทุน BT-FIF-FIX 6/2 จัดตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นทางเลือกให้แก่นักลงทุนที่ต้องการลงทุนในต่างประเทศ และต้องการสร้างโอกาสในการรับผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นที่บริษัทจัดการพิจารณาแล้วว่าเป็นตราสารที่มีคุณภาพที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ โดยสถาบันการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ได้รับการยอมรับจากสำนักงาน และกองทุนจะทำการถือครองตราสารหนี้ดังกล่าวจนครบกำหนดอายุโครงการด้วย
นอกจากนี้กองทุนดังกล่าวมีนโยบายการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ ที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ โดยสถาบันการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ได้รับการยอมรับจากสำนักงาน เพื่อเป็นทรัพย์สินของกองทุนรวมมีมูลค่ารวมกันทั้งสิ้นไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินของกองทุนรวม
ส่วนที่เหลือกองทุนอาจจะพิจารณาลงทุนในตราสารหนี้ที่มีลักษณะคล้ายเงินฝาก , เงินฝาก , ตราสารหนี้ในประเทศที่มีอายุไม่เกิน 1 ปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสำรองเงินไว้สำหรับการดำเนินงาน , รอการลงทุนหรือรักษาสภาพคล่องของกองทุน
นอกจากนี้กองทุนอาจจะลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่มีตัวแปรเป็นอัตราแลกเปลี่ยนเงิน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันความเสี่ยงเท่านั้น ทั้งนี้กองทุนดังกล่าวจะไม่ลงทุนในตราสารหนี้ที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง
“สำหรับกองทุนดังกล่าวนั้นจะเข้าไปลงทุนในตราสารหนี้ของสถาบันการเงิน ณ ประเทศนิวซีแลนด์ โดยกองทุนจะให้ผลตอบแทนแก่นักลงทุนหลังหักค่าใช้จ่ายแล้วประมาณ 6.5 – 7.00% ทั้งนี้สาเหตุที่กองทุนเข้าไปลงทุนในประเทศดังกล่าวนั้นเนื่องจากสกุลเงินดังกล่าวมีอัตราการอิงกับเงินบาทที่ไปในทิศทางเดียวกันประมาณ 85% นอกจากนี้ในช่วงระยะเวลาของโครงการที่มีอายุ 6 เดือน โดยที่ไม่ปิดความเสี่ยง เนื่องจากมองว่าช่วงระยะเวลาดังกล่าวนั้น อัตราดอกเบี้ยและเงินต้นยังคงมีความผันผวนไม่มากนัก ” นายอนุสรณ์ กล่าว
นายอนุสรณ์ บูรณกานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บีที จำกัด เปิดเผยว่า ในระหว่างวันที่ 29 เมษายน – 7 พฤษภาคม 2551 บลจ.บีทีเตรียมที่จะเปิดขายกองทุนบีที FIF ตราสารหนี้ 6/2 (BT-FIF-FIX 6/2) ซึ่งมีอายุโครงการประมาณ 6 เดือน และมีมูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท นอกจากนี้ในระหว่างการนำเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรกนั้น บริษัทจัดการอาจจะทำการเสนอขายหน่วยลงทุนของโครงการได้อีกไม่เกิน 210 ล้านบาท
ทั้งนี้กองทุน BT-FIF-FIX 6/2 จัดตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นทางเลือกให้แก่นักลงทุนที่ต้องการลงทุนในต่างประเทศ และต้องการสร้างโอกาสในการรับผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นที่บริษัทจัดการพิจารณาแล้วว่าเป็นตราสารที่มีคุณภาพที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ โดยสถาบันการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ได้รับการยอมรับจากสำนักงาน และกองทุนจะทำการถือครองตราสารหนี้ดังกล่าวจนครบกำหนดอายุโครงการด้วย
นอกจากนี้กองทุนดังกล่าวมีนโยบายการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ ที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ โดยสถาบันการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ได้รับการยอมรับจากสำนักงาน เพื่อเป็นทรัพย์สินของกองทุนรวมมีมูลค่ารวมกันทั้งสิ้นไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินของกองทุนรวม
ส่วนที่เหลือกองทุนอาจจะพิจารณาลงทุนในตราสารหนี้ที่มีลักษณะคล้ายเงินฝาก , เงินฝาก , ตราสารหนี้ในประเทศที่มีอายุไม่เกิน 1 ปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสำรองเงินไว้สำหรับการดำเนินงาน , รอการลงทุนหรือรักษาสภาพคล่องของกองทุน
นอกจากนี้กองทุนอาจจะลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่มีตัวแปรเป็นอัตราแลกเปลี่ยนเงิน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันความเสี่ยงเท่านั้น ทั้งนี้กองทุนดังกล่าวจะไม่ลงทุนในตราสารหนี้ที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง
“สำหรับกองทุนดังกล่าวนั้นจะเข้าไปลงทุนในตราสารหนี้ของสถาบันการเงิน ณ ประเทศนิวซีแลนด์ โดยกองทุนจะให้ผลตอบแทนแก่นักลงทุนหลังหักค่าใช้จ่ายแล้วประมาณ 6.5 – 7.00% ทั้งนี้สาเหตุที่กองทุนเข้าไปลงทุนในประเทศดังกล่าวนั้นเนื่องจากสกุลเงินดังกล่าวมีอัตราการอิงกับเงินบาทที่ไปในทิศทางเดียวกันประมาณ 85% นอกจากนี้ในช่วงระยะเวลาของโครงการที่มีอายุ 6 เดือน โดยที่ไม่ปิดความเสี่ยง เนื่องจากมองว่าช่วงระยะเวลาดังกล่าวนั้น อัตราดอกเบี้ยและเงินต้นยังคงมีความผันผวนไม่มากนัก ” นายอนุสรณ์ กล่าว
