บลจ.ไอเอ็นจี ปล่อย "ไอเอ็นจี ไทย ตราสารหนี้ระยะสั้นต่างประเทศ 1" ชิมลางตลาดกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศระยะสั้น 3 เดือน คาดผลตอบแทน 3.0-3.2% ไอพีโอ 17-24 มกราคม 2551 มั่นใจปีนี้ ECP ยังให้ผลตอบแทนดี แม้ต้นปียิลด์อาจต่ำกว่าปลายปีก่อน
นายจุมพล สายมาลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทจะเปิดจำหน่ายหน่วยลงทุนของกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ตราสารหนี้ระยะสั้นต่างประเทศ 1 (ING Thai Short Term Foreign Fixed Income Fund 1) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ ประเภทกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ (เอฟไอเอฟ) ที่รับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติเมื่อสิ้นสุดอายุกองทุน อายุโครงการประมาณ 3 เดือน นับตั้งแต่วันจดทะเบียนกองทุน มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท โดยกองทุนจะทำการเปิดการเสนอขายครั้งแรก (IPO) และครั้งเดียว ในวันที่ 17-24 มกราคม 2551
สำหรับกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ตราสารหนี้ระยะสั้น ต่างประเทศ 1 มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ที่เสนอขายในต่างประเทศ ทั้งภาครัฐบาลและรัฐวิสาหกิจหรือภาคเอกชน โดยอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหรือของผู้ออกตราสารอยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) จากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ได้รับการยอมรับจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รวมทั้งเงินฝาก โดยจะลงทุนไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
ทั้งนี้ตราสารส่วนใหญ่ที่กองทุนจะลงทุนจะมีอายุเหลือประมาณ 3 เดือน นับตั้งแต่วันที่ลงทุน ในกรณีที่กองทุนคาดว่าจะไม่สามารถซื้อตราสารที่มีอายุคงเหลือดังกล่าวได้ครบจำนวนที่ต้องการ กองทุนจะเข้าลงทุนในตราสารที่มีอายุยาวกว่า 3 เดือน โดยจะเข้าทำสัญญาขายตราสารดังกล่าวล่วงหน้าตั้งแต่วันที่ลงทุนในตราสารดังกล่าว เพื่อให้อายุของสัญญาสอดคล้องกับวันรับซื้อคืนหน่วยลงทุน ซึ่งกำหนดไว้ประมาณ 3 เดือน
โดยกองทุนนี้บริษัทจัดการจะไม่เปิดเสนอขายหน่วยลงทุนจากผู้ถือหน่วยภายหลังสิ้นสุดระยะเวลาการเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก แต่จะดำเนินการรับซื้อคืนหน่วยลงทุน โดยอัตโนมัติ 1 วันทำการก่อนสิ้นสุดอายุโครงการ และชำระค่าขายคืนภายใน 2 วันทำการ หลังจากวันทำการรับศื้อคืนหน่วยลงทุน (T+2) ทั้งนี้การที่กองทุนไม่เปิดรับซื้อคืนหน่วยลงทุน แต่จะดำเนินการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติ (Auto Redemption) ให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนทุกๆราย พร้อมกันตามระยะเวลาที่กำหนด ทำให้กองทุนจะไม่มีความเสี่ยงจากการขายคืนหน่วยลงทุนแบบ Panic Sell อันอาจเป็นผลให้มูลค่าหน่วยลงทุนลดลง
นายจุมพล กล่าวต่อว่า สำหรับกองทุน ไอเอ็นจี ไทย ตราสารหนี้ระยะสั้นต่างประเทศ 1 นั้น คาดว่าจะให้ผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายแล้วประมาณ 3.0-3.2% ต่อปี สำหรับกองทุนนี้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนที่ดีกว่าดอกเบี้ยเงินฝากและลงทุนระยะสั้น เพื่อรอดูทิศทางแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยแต่ไม่ต้องการรับความเสี่ยงมากนัก
"การลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นต่างประเทศหรือ ECP นั้นน่าจะยังคงให้ผลตอบแทนที่ดีและน่าสนใจอยู่ในปีนี้ แม้ว่าในช่วงต้นปีนี้อัตราผลตอบแทนอาจต่ำกว่าปลายปีที่แล้วอยู่บ้าง เนื่องจากภาวะตลาดการลงทุนและสภาพคล่องในตลาดการเงิน อย่างไรก็ตามกองทุนลักษณะนี้ยังเป็นที่นิยมของนักลงทุนในวงกว้าง เพราะให้ผลตอบแทนดีกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่มีระยะเวลาใกล้เคียงกัน" นายจุมพล กล่าว
ขณะเดียวกันจากการพิจารณาอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ระยะ 3 เดือน และ 6 เดือน ในปัจจุบันพบว่าตราสารหนี้ทั้ง 2 ช่วง สามารถให้ผลตอบแทนในระดับที่ใกล้เคียงกัน โดยตอนนี้ตราสารหนี้อายุ 6 เดือน ซึ่งการที่ผลตอบแทนที่ไม่แตกต่างกันมากนัก ทำให้บริษัทเลือกที่จะออกกองทุนที่ลงทุนในระยะสั้น 3 เดือน เพราะใช้ระยะเวลาการลงทุนที่น้อยกว่าขณะที่ผลตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก
นายจุมพล สายมาลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทจะเปิดจำหน่ายหน่วยลงทุนของกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ตราสารหนี้ระยะสั้นต่างประเทศ 1 (ING Thai Short Term Foreign Fixed Income Fund 1) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ ประเภทกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ (เอฟไอเอฟ) ที่รับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติเมื่อสิ้นสุดอายุกองทุน อายุโครงการประมาณ 3 เดือน นับตั้งแต่วันจดทะเบียนกองทุน มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท โดยกองทุนจะทำการเปิดการเสนอขายครั้งแรก (IPO) และครั้งเดียว ในวันที่ 17-24 มกราคม 2551
สำหรับกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ตราสารหนี้ระยะสั้น ต่างประเทศ 1 มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ที่เสนอขายในต่างประเทศ ทั้งภาครัฐบาลและรัฐวิสาหกิจหรือภาคเอกชน โดยอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหรือของผู้ออกตราสารอยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) จากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ได้รับการยอมรับจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รวมทั้งเงินฝาก โดยจะลงทุนไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
ทั้งนี้ตราสารส่วนใหญ่ที่กองทุนจะลงทุนจะมีอายุเหลือประมาณ 3 เดือน นับตั้งแต่วันที่ลงทุน ในกรณีที่กองทุนคาดว่าจะไม่สามารถซื้อตราสารที่มีอายุคงเหลือดังกล่าวได้ครบจำนวนที่ต้องการ กองทุนจะเข้าลงทุนในตราสารที่มีอายุยาวกว่า 3 เดือน โดยจะเข้าทำสัญญาขายตราสารดังกล่าวล่วงหน้าตั้งแต่วันที่ลงทุนในตราสารดังกล่าว เพื่อให้อายุของสัญญาสอดคล้องกับวันรับซื้อคืนหน่วยลงทุน ซึ่งกำหนดไว้ประมาณ 3 เดือน
โดยกองทุนนี้บริษัทจัดการจะไม่เปิดเสนอขายหน่วยลงทุนจากผู้ถือหน่วยภายหลังสิ้นสุดระยะเวลาการเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก แต่จะดำเนินการรับซื้อคืนหน่วยลงทุน โดยอัตโนมัติ 1 วันทำการก่อนสิ้นสุดอายุโครงการ และชำระค่าขายคืนภายใน 2 วันทำการ หลังจากวันทำการรับศื้อคืนหน่วยลงทุน (T+2) ทั้งนี้การที่กองทุนไม่เปิดรับซื้อคืนหน่วยลงทุน แต่จะดำเนินการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติ (Auto Redemption) ให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนทุกๆราย พร้อมกันตามระยะเวลาที่กำหนด ทำให้กองทุนจะไม่มีความเสี่ยงจากการขายคืนหน่วยลงทุนแบบ Panic Sell อันอาจเป็นผลให้มูลค่าหน่วยลงทุนลดลง
นายจุมพล กล่าวต่อว่า สำหรับกองทุน ไอเอ็นจี ไทย ตราสารหนี้ระยะสั้นต่างประเทศ 1 นั้น คาดว่าจะให้ผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายแล้วประมาณ 3.0-3.2% ต่อปี สำหรับกองทุนนี้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนที่ดีกว่าดอกเบี้ยเงินฝากและลงทุนระยะสั้น เพื่อรอดูทิศทางแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยแต่ไม่ต้องการรับความเสี่ยงมากนัก
"การลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นต่างประเทศหรือ ECP นั้นน่าจะยังคงให้ผลตอบแทนที่ดีและน่าสนใจอยู่ในปีนี้ แม้ว่าในช่วงต้นปีนี้อัตราผลตอบแทนอาจต่ำกว่าปลายปีที่แล้วอยู่บ้าง เนื่องจากภาวะตลาดการลงทุนและสภาพคล่องในตลาดการเงิน อย่างไรก็ตามกองทุนลักษณะนี้ยังเป็นที่นิยมของนักลงทุนในวงกว้าง เพราะให้ผลตอบแทนดีกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่มีระยะเวลาใกล้เคียงกัน" นายจุมพล กล่าว
ขณะเดียวกันจากการพิจารณาอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ระยะ 3 เดือน และ 6 เดือน ในปัจจุบันพบว่าตราสารหนี้ทั้ง 2 ช่วง สามารถให้ผลตอบแทนในระดับที่ใกล้เคียงกัน โดยตอนนี้ตราสารหนี้อายุ 6 เดือน ซึ่งการที่ผลตอบแทนที่ไม่แตกต่างกันมากนัก ทำให้บริษัทเลือกที่จะออกกองทุนที่ลงทุนในระยะสั้น 3 เดือน เพราะใช้ระยะเวลาการลงทุนที่น้อยกว่าขณะที่ผลตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก