xs
xsm
sm
md
lg

"ING ไทยตราสารหนี้ระยะสั้นต่างประเทศ" ลงทุน ECP รับผลตอบแทน 3.0-3.2%(ไม่เสียภาษี)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กระแสความร้อนแรงของกองทุนรวมที่ไปลงทุนในต่างประเทศ (เอฟไอเอฟ) ในปี 2550 ที่ผ่านมา ยังคงรักษาความร้อนแรงได้อย่างต่อเนื่องมาถึงปี 2551 หลังจากนักลงทุน และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ต่างต้องการกระจายความเสี่ยงเพื่อหาผลตอบแทนที่มากกว่าจากการลงทุนภายในประเทศเพียงอย่างเดียว ซึ่งในต่างประเทศเองมีเครื่องมือ และทางเลือกในการลงทุนให้พิจารณาหลากหลาย ทำให้การฃลงทุนฃต่างประเทศยังเป็นที่น่าสนใจอยู่มาก

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการลงทุนในต่างประเทศนั้นยังคงมีความเสี่ยงในเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนอยู่บ้าง แต่นักลงทุนส่วนใหญ่จะมีความเข้าใจในเรื่องนี้อยู่แล้ว เนื่องจากอัตราผลตอบแทนที่ได้รับแม้ค่าเงินบาทในช่วงนี้จะมีการเปลี่ยนแปลง แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยในประเทศอยู่ดี

และการที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ขออนุมัติเพิ่มวงเงินลงทุนของกองทุนรวมเอฟไอเอฟมูลค่ารวม 10,000 ล้านดอลลาร์ดอลลาร์สหรัฐจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยยังอยู่ในระหว่างพิจารณาหลักเกณฑ์ต่างๆ แต่เบื้องต้นทาง ธปท.เองก็มีความเห็นด้วยกับกรณีดังกล่าว และคาดว่าจะสามารถทราบผลไม่เกินไตรมาสแรกของปีนี้ ยิ่งทำให้กองทุนรวมเอฟไอเอฟดุจดังราชสีห์ติดปีกขึ้นมาทันที

นอกจากนี้ ยังมีอานิสงส์เล็กๆ อย่างการออกพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สถาบันคุ้มครองเงินฝาก ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ภายในปีนี้เป็นแรงเสริมด้วยอีกแรงหนึ่ง ทำให้ผู้ฝากเงินกับธนาคารพาณิชย์หันมาลงทุนในกองทุนรวมมากขึ้น เนื่องจากเงินฝากกับธนาคารพาณิชย์จะไม่ได้รับประกันอีกต่อไป หรือจะประกันเงินฝากเพียงจำนวนไม่มาก และผลตอบแทนที่ค่อนข้างต่ำกว่าการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ

ทั้งนี้ คาดว่าในปี 2551 สมรภูมิกองทุนรวมเอฟไอเอฟจะยิ่งทวีความร้อนแรงจนอุณหภูมิเดือดทะลักแน่ๆ โดยสามารถดูได้จากการที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ต่างๆ เริ่มโหมโรงเปิดตัวกองทุนเอฟไอเอฟกันตั้งแต่ต้นปีเลยทีเดียว ล่าสุด บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) เตรียมเสนอขาย “กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ตราสารหนี้ระยะสั้น ต่างประเทศ” (ING Thai Short Term Foreign Fixed Income Fund 1) ที่เน้นการลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐและเอกชนระดับ “Investment Grade” ในต่างประเทศ วันนี้ “MutualFund IPO” จึงหยิบเอากองทุนดังกล่าวมาแนะนำให้ได้รู้จักกัน

จุมพล สายมาลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เล่าถึงที่มาที่ไปให้ฟังว่า กองทุนใหม่ที่ บลจ.ไอเอ็นจี จะออกและเสนอขายเป็นกองแรกในปี 2551 ได้แก่ “กองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทย ตราสารหนี้ระยะสั้นต่างประเทศ 1” ซึ่งเป็นกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ทั้งภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และหรือภาคเอกชน ในต่างประเทศ โดยจะทำการเปิดการเสนอขายครั้งแรก (IPO) และครั้งเดียว ในวันที่ 17-24 มกราคม 2551 โดยมีมูลค่าโครงการจำนวน 1,500 ล้านบาท

สำหรับกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ตราสารหนี้ระยะสั้น ต่างประเทศ 1 มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ที่เสนอขายในต่างประเทศ ทั้งภาครัฐบาลและรัฐวิสาหกิจหรือภาคเอกชน ที่มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหรือของผู้ออกตราสารอยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) จากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ได้รับการยอมรับจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รวมทั้งเงินฝาก โดยจะลงทุนไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน

ทั้งนี้ ตราสารส่วนใหญ่ที่กองทุนจะลงทุนจะมีอายุเหลือประมาณ 3 เดือน นับตั้งแต่วันที่ลงทุน ในกรณีที่กองทุนคาดว่าจะไม่สามารถซื้อตราสารที่มีอายุคงเหลือดังกล่าวได้ครบจำนวนที่ต้องการ กองทุนจะเข้าลงทุนในตราสารที่มีอายุยาวกว่า 3 เดือน โดยจะเข้าทำสัญญาขายตราสารดังกล่าวล่วงหน้าตั้งแต่วันที่ลงทุนในตราสารดังกล่าว เพื่อให้อายุของสัญญาสอดคล้องกับวันรับซื้อคืนหน่วยลงทุน ซึ่งกำหนดไว้ประมาณ 3 เดือน

โดยกองทุนนี้บริษัทจัดการจะไม่เปิดเสนอขายหน่วยลงทุนจากผู้ถือหน่วยภายหลังสิ้นสุดระยะเวลาการเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก แต่จะดำเนินการรับซื้อคืนหน่วยลงทุน โดยอัตโนมัติ 1 วันทำการก่อนสิ้นสุดอายุโครงการ และชำระค่าขายคืนภายใน 2 วันทำการ หลังจากวันทำการรับศื้อคืนหน่วยลงทุน (T+2) ทั้งนี้การที่กองทุนไม่เปิดรับซื้อคืนหน่วยลงทุน แต่จะดำเนินการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติ (Auto Redemption) ให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนทุกๆราย พร้อมกันตามระยะเวลาที่กำหนด ทำให้กองทุนจะไม่มีความเสี่ยงจากการขายคืนหน่วยลงทุนแบบ Panic Sell อันอาจเป็นผลให้มูลค่าหน่วยลงทุนลดลง

"การลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นต่างประเทศหรือ ECP นั้นน่าจะยังคงให้ผลตอบแทนที่ดีและน่าสนใจอยู่ในปีนี้ แม้ว่าในช่วงต้นปีนี้อัตราผลตอบแทนอาจต่ำกว่าปลายปีที่แล้วอยู่บ้าง เนื่องจากภาวะตลาดการลงทุนและสภาพคล่องในตลาดการเงิน อย่างไรก็ตาม กองทุนลักษณะนี้ยังเป็นที่นิยมของนักลงทุนในวงกว้าง เพราะให้ผลตอบแทนดีกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่มีระยะเวลาใกล้เคียงกัน โดยในช่วงวันที่ 17-24 มกราคมนี้ ทาง บลจ.ไอเอ็นจี จะทำการออกเสนอขายกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ตราสารหนี้ระยะสั้นต่างประเทศ 1 โดยกองทุนดังกล่าวมีอายุเพียงประมาณ 3 เดือนและมีโอกาสได้รับผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายแล้วประมาณ 3.0-3.2% ต่อปี และไม่เสียภาษีสำหรับนักลงทุนบุคคลทั่วไป"

“จุมพล” กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ตราสารหนี้ระยะสั้นต่างประเทศ 1 เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเน้นลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพที่ออกโดยภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ สถาบันการเงิน หรือภาคเอกชน ของต่างประเทศ พร้อมรับโอกาสของผลตอบแทนที่สูงจากการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น อายุ 3 เดือน สามารถล็อคอัตราผลตอบแทนได้ในช่วงเวลาของการปรับลดของดอกเบี้ย จึงทำให้มีผลตอบแทนที่ดีกว่าดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 เดือน (หลังหักภาษี) แต่ไม่ต้องการรับความเสี่ยงมากนัก

นอกจากนี้แล้ว ยังไม่มีความเสี่ยงเรื่องการขายคืนหน่วยลงทุนแบบ Panic Sell อันอาจเป็นผลทำให้มูลค่าของหน่วยลดลง เพราะกองทุนจะไม่เปิดการรับซื้อคืนหน่วยลงทุน แต่จะดำเนินการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนแบบอัตโนมัติ (Auto Redemption) แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนทุก ๆ รายพร้อมกันในระยะเวลาที่กำหนด

ทั้งนี้ “กองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทย ตราสารหนี้ระยะสั้นต่างประเทศ 1” มีมูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท และสามารถลงทุนขั้นต่ำได้เพียง 10,000 บาท โดยจะเปิดการเสนอขายครั้งแรก (IPO) และครั้งเดียวจะเปิดเสนอครั้งแรกในวันที่ 17 - 24 มกราคม 2551 ....ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บลจ.ไอเอ็นจี โทร. (02) 688-7777 กด 2 หรือ www.ingfunds.co.th
กำลังโหลดความคิดเห็น