xs
xsm
sm
md
lg

APFย้ำเป้าสร้างกลุ่มนอนแบงก์ ตั้งบลจ.ยูไนเต็ดเริ่มชัดเจนในQ1

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กองทุนญี่ปุ่น "เอเชียพาร์ทเนอร์ชิพ ฟันด์ กรุ๊ป" ยก "กลุ่มว่องกุศลกิจ"เพื่อนรักทางธุรกิจ คาดแผนร่วมจัดตั้งบริษัทจัดการลงทุน (บลจ.)มีความชัดเจนในเดือนมีนาคมนี้ ประธานกลุ่มยืนยันทางบริษัทในเครือแชร์ข้อมูลร่วมกัน ดันประสิทธิภาพการดำเนินงานสูงขึ้น ตั้งเป้าปีนี้หวังเก็บบริษัทอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจการเงินเพิ่ม เพื่อเดินแผนตั้งกลุ่มนอนแบงก์ครบวงจรตามที่วาดฝันไว้ ล่าสุดเล็งส่งบล.ยูไนเต็ด ลุยทำตลาดแดนอาทิตย์อุทัย วาง 2 แผน ขอไลเซนต์เอง หรือเข้าร่วมทุนในบริษัทหลักทรัพย์ เพื่อปูทางดึงนักลงทุนไทยไปลงทุนแดนปลาดิบ

นายมิทซึจิ โคโนชิตะ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอเชียพาร์ทเนอร์ชิพ ฟันด์ กรุ๊ป (APF Group) เปิดเผยถึง การจัดตั้งบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยูไนเต็ด จำกัด (UNITED ASSET MANAGEMENT COMPANY LIMITED) ว่า ขณะนี้เรื่องดังกล่าวอยู่ระหว่างการดำเนินการขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ ประเภทการจัดการกองทุนส่วนบุคคลกับกระทรวงการคลัง และดำเนินการเจรจาทำความตกลงในสัญญาร่วมลงทุนให้แล้วเสร็จ และคาดว่าจะสามารถเห็นความชัดเจนได้ภายในช่วงเดือนมีนาคม - เมษายน 2551

สำหรับการจัดตั้งบลจ.แห่งนี้จะเป็นการร่วมลงทุนกันระหว่างบล.ยูไนเต็ด จำกัด (มหาชน) (US) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือกลุ่มเอเชียพาร์ทเนอร์ชิพ ฟันด์ กรุ๊ป และกลุ่มว่องกุศลกิจ ซึ่งเป็นอดีตผู้ถือหุ้นใหญ่ของบล.ยูไนเต็ด โดยโครงสร้างการถือหุ้น ประกอบด้วย บล.ยูไนเต็ด ในสัดส่วน 51% ส่วนกลุ่มว่องกุศลกิจจะถือหุ้นในบลจ.ในสัดส่วน 49% และทั้ง 2 ฝ่ายจะส่งตัวแทนเข้ามาบริหารงานบริษัทแห่งใหม่ร่วมกัน ส่วนการนำบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนแห่งนี้เข้าจดทะเบียนทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์หรือไม่นั้น ประธานกรรมการ APF Group กล่าวว่า จะต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาในอนาคต

ว่องกุศลกิจเพื่อนรักในเมืองไทย
"สาเหตุที่ทางกลุ่ม APF ตัดสินใจทำธุรกิจบลจ.ร่วมกับกลุ่มว่องกุศลกิจ เนื่องมาจากทางกลุ่มต้องการทำงานร่วมกับหุ้นส่วนที่มีความน่าเชื่อถือในไทย และกลุ่มว่องกุศลกิจเองก็เป็นพันธมิตรที่ดีกับทางเอเชียพาร์ทเนอร์ชิพ ฟันด์ กรุ๊ป และบล.ยูไนเต็ดมาโดยตลอด นับตั้งแต่ทางกลุ่มได้เข้ามาซื้อหุ้นในธุรกิจบล.ร่วมประมาณ 2 ปีครึ่งแล้ว ทั้งนี้ในช่วงเริ่มต้นบลจ.นี้ คงจะเน้นการทำธุรกิจภายในประเทศไทยก่อน เพราะเราเชื่อมั่นในศักยภาพการลงทุนที่ดีอยู่" นายมิทซึจิ กล่าว
ทั้งนี้ บลจ.ยูไนเต็ด มีวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งเพื่อประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการจัดการกองทุนส่วนบุคคล ด้วยทุนจดทะเบียน 25,000,000 บาท แบ่งเป็น 250,000 หุ้น ราคาหุ้นละ 100 บาท โดยมีทุนชำระแล้วซึ่งเรียกชำระครั้งแรก 25% และจะชำระเต็มมูลค่าเมื่อได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงการคลัง โดยจำนวนเงินลงทุนดังกล่าวได้แจ้งแก่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) แล้วเมื่อวันนี้19 ธันวาคม 2550 ซึ่งมีสัดส่วนอยู่ที่ไม่เกิน 12.75 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.8% ของสินทรัพย์รวมของUS ณ วันที่ 30 กันยายน 2550

เป้าต่อไปนอนแบงก์ครบวงจร
ปัจจุบันทางกลุ่มAPF Group มีแผนที่จะขยายการทำธุรกิจในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ได้เข้ามาบริหารงานใน บล. ยูไนเต็ด และบริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL รวมทั้งบริษัทอื่นๆในประเทศไทย แล้ว ในปีนี้APF Group มีวัตถุประสงค์ ที่จะจัดตั้งกลุ่มธุรกิจสถาบันการเงินที่ไม่ใช้ธนาคาร (Nonbank finance group) แบบครบวงจรในประเทศไทยและภูมิภาค ซึ่งรวมไปถึงการจัดตั้งบลจ. แห่งใหม่ด้วย

นายมิทซึจิ กล่าวต่อว่า นอกจากการจัดตั้งบลจ.แล้ว เป้าหมายต่อไปที่ทางกลุ่มต้องการคือ หาบริษัทที่จะเข้ามาร่วมในเครือเพิ่มเติม นอกเหนือจากธุรกิจบริษัทหลักทรัพย์และธุรกิจลีสซิ่ง โดยในปีนี้ทางกลุ่มคาดหวังที่จะมีบริษัทที่ดำเนินธุรกิจการเงิน และบริษัทที่ดำเนินธุรกิจในอสังหาริมทรัพย์เข้ามาเสริมศักภาพ ซึ่งขณะนี้APF Group มีความสนใจที่จะซื้อกิจการของบริษัทดังกล่าวเพิ่มเติม โดยจะเป็นการลงทุนด้วยการถือหลักทรัพย์เกิน 50% ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนในเรื่องดังกล่าวภายในไตรมาส 1 ของปีนี้เช่นกัน

ขณะเดียวกัน ในอนาคตถ้ากลุ่มธุรกิจใดมีการเติบโตสูง และมีปัจจัยพื้นฐานที่มั่นคง ทางกลุ่มอาจมีการพิจารณาในศักยภาพของธุรกิจดังกล่าวเพิ่มเติมและอาจจะพิจารณาถึงการเข้ามาร่วมลงทุนด้วย ไม่ว่าจะเป็นวิธีซื้อกิจการ (Take over) หรือเข้าไปร่วมลงทุนในการถือหุ้นก็ตาม

ฐานลูกค้าแรกเริ่มการประสานงานในเครือ
นายมิทซึจิ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันบริษัทในเครือของกลุ่มมีการประสานความร่วมมือกันอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในส่วนของฐานข้อมูลลูกค้า ซึ่งทุกบริษัทในเครือต่างแบ่งบันฐานข้อมูลดังกล่าวจึงนับว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีที่เกิดความร่วมมือระหว่างกันขึ้น นอกจากนี้การซื้อกิจการ บมจ.กรุ๊ปลีส มาร่วมในกลุ่ม ทำให้ฐานลูกค้าของGL เข้ามามีส่วนช่วยส่งเสริมธุรกิจของบริษัทในเครือด้วยเช่นกัน

USเล็งสยายปีกลุยธุรกิจในญี่ปุ่น
ส่วนผลการดำเนินงานของธุรกิจของบล.ยูไนเต็ด นายมิทซึจิ กล่าวว่า ความผันผวนของดัชนีในปีที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบล แต่ บล.ยูไนเต็ดยังสามารถทำผลกำไรจากการดำเนินการได้ รวมทั้งบริษัทยังมีการพัฒนาในเชิงธุรกิจอย่างต่อเนื่อง แต่ต้องเน้นยำว่า การขยายส่วนแบ่งการตลาดนั้นไม่ใช้เป้าหมายหลักของ US อย่างที่หลายฝ่ายเข้าใจ โดยงานด้านวานิชธนกิจนั้น นอกจากการเป็นที่ปรึกษาให้แก่บริษัทในเครือแล้ว USยังมีบริษัทอื่นๆ โดยเฉพาะลูกค้าของ APF Group เข้ามาติดต่อให้ดำเนินการด้านวานิชธนกิจ ด้วย ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการเลือกลูกค้า นอกจากนี้หากมีบริษัทในประเทศญี่ปุ่นหรือบริษัทที่เป็นสถาบันแสดงความต้องการเข้ามา ทาง US เองมีความพร้อมที่จะขยายงานในจุดนี้เพิ่มเติม เช่นกัน

ขณะเดียวกัน บล.ยูไนเต็ด อยู่ระหว่างการขยายธุรกิจไปสู่ต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาการจัดตั้งบริษัทย่อยในประเทศญี่ปุ่น เพื่อขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ (ไลเซนต์) รวมทั้งแนวคิดการเข้าร่วมทุนกับบริษัทที่ประกอบธุรกิจดังกล่าวอยู่แล้ว ซึ่งอาจเป็นการเข้าไปถือหุ้นใหญ่ เพื่อที่จะเพิ่มช่องทางในการขยายธุรกิจ รวมทั้งฐานลูกค้าของบริษัท

"ปีนี้เรายังคงพยายามที่จะนำนักลงทุนจากญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มเติม รวมทั้งอยากชวนให้นักลงทุนไทยออกไปลงทุนในญี่ปุ่นด้วย อาทิการเข้าซื้อหุ้นของ หุ้นในเวดจ์ โฮลดิ้ง ของ APF ซึ่งเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นญี่ปุ่นจำนวน 40% มูลค่า 180 ล้านบาท เนื่องจากยังมีหลายบริษัทในญี่ปุ่นที่ศักยภาพดี และมีราคาหุ้นถูก เหมาะแก่การเข้าลงทุน ขณะเดียวกันหาก US ได้รับอนุญาติให้ประกอบธุรกิจในญี่ปุ่นได้ ก็คงจะมีการลงทุนผ่าน US แต่ตอนนี้กระบวนการดังกล่าวยังไม่ชัดเจน และมีหลายแนวทางที่จะสามารถดำเนินการได้ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อบริษัทที่ใบอนุญาติการลงทุนในญี่ปุ่นอยู่แล้ว หรือ การขอใบอนุญาติใหม่" นายมิทซึจิ กล่าว

ญี่ปุ่นยังเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทย
นายมิทซึจิ กล่าวปิดท้ายว่า สำหรับภาวะการลงทุนในตลาดทุนประเทศไทยในไตรมาส1/2551 แม้ว่ามีปัจจัยจากเรื่องการเมืองเข้ามาส่งผลกระทบต่อการลงทุนบ้าง แต่พื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศไทยยังเข็มแข็ง โดยเมื่อวันที่ 14 มกราคมที่ผ่านมา ทาง APF Group ได้มีการจัดสัมมนาให้แก่กลุ่มลูกค้าของกลุ่ม เช่น กองทุนบำเหน็จบำนาญของญี่ปุ่น ณ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เพื่อเป็นการเปิดมุมมองใหม่เกี่ยวกับการลงทุนให้นักลงทุน หรือสถานบันการเงินเหล่านี้ได้รับทราบ โดยจากการบรรยายพบว่า นักลงทุนเหล่านี้แสดงความสนใจการลงทุนในประเทศไทยด้วยเช่นกัน ซึ่งในอนาคตอาจมีการลงทุนผ่านทาง เอเชียพาร์ทเนอร์ชิพ ฟันด์ กรุ๊ป และบล.ยูไนเต็ด เกิดขึ้น

"ภายในงานผมบอกว่าเมืองไทยดีที่สุด ที่สุด สำหรับลงทุน ซึ่งกลุ่มลูกค้าที่เข้ามาฟังงานสัมมนาก็ให้ความสนใจการลงทุนในไทยเป็นอย่างมาก" นายมิทซึจิ กล่าว
ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้มีมติให้ผ่อนปรนหลักเกณฑ์การมีสาขาของบริษัทหลักทรัพย์ เพื่อให้ บล.ดำเนินธุรกิจได้อย่างคล่องตัว เพื่อรองรับการแข่งขันก่อนการเปิดเสรีใบอนุญาตธุรกิจหลักทรัพย์ในอนาคต โดยอนุญาตให้ บล. สามารถแต่งตั้งผู้จัดการสาขา 1 คน ให้ดูแลรับผิดชอบมากกว่า 1 สาขา พร้อมทั้งออกหลักเกณฑ์เพิ่มเติมเพื่ออนุญาตให้ บล.สามารถมีสาขาในต่างประเทศได้ หากมีความพร้อมในด้านฐานะการเงิน ด้านระบบงาน และมีความพร้อมในการประกอบธุรกิจที่ต่างประเทศ

โดยกำหนดคุณสมบัติเพิ่มเติมสำหรับการเปิดสาขาแห่งใหม่ โดยบล.ต้องมีระบบในการจัดการข้อร้องเรียนเพื่อระงับข้อพิพาทระหว่างบล.กับลูกค้า หาก บล.เข้าร่วมโครงการอนุญาโตตุลาการของ ก.ล.ต.จะถือว่า บล.ได้จัดให้มีระบบดังกล่าวแล้ว และเห็นชอบหลักเกณฑ์การรับสมาชิกของตลาดอนุพันธ์ (TFEX) ซึ่งจะเปิดรับสมัครสมาชิกใหม่ในรอบนี้ตั้งแต่ 18 กุมภาพันธ์ 2551 ถึง 30 เมษายน 2551
รวมทั้งปรับหลักเกณฑ์การประกอบกิจการการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ (SBL) และการขายหลักทรัพย์ เพื่อเป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยง และเพิ่มให้ตลาดหลักทรัพย์มีเสถียรภาพ โดยให้สามารถยืมหรือให้ยืมหลักทรัพย์ทั้งที่อยู่ภายใต้การจัดการของศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ในประเทศและในต่างประเทศได้

ทั้งนี้ให้เพิ่มเติมประเภททรัพย์สินที่วางเป็นหลักประกันให้ครอบคลุมถึงเงินสดทุกสกุล หลักทรัพย์จดทะเบียนทุกประเภท ยกเว้นใบสำคัญแสดงสิทธิต่างๆ และหน่วยลงทุนของกองทุนเปิดที่เปิดขายหรือรับซื้อคืนทุกวันทำการ รวมทั้งสามารถนำเงินที่ได้รับจากการขายชอร์ตมาวางเป็นหลักประกันได้ด้วย การกำหนดสัดส่วนของยอดหนี้ที่บริษัทหลักทรัพย์จะให้เงินกู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์และให้ยืมหลักทรัพย์แก่ลูกค้ารายย่อยรายใดรายหนึ่ง เมื่อสิ้นวันต้องไม่เกิน 25% ของเงินกองทุนของ บล.และเมื่อรวมลูกค้าทุกรายแล้วต้องไม่เกิน 5 เท่าของเงินกองทุนของ บล.เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการกระจุกตัวในการให้กู้ยืม และยกเลิกหลักเกณฑ์ที่เป็นภาระ
สำหรับหลักเกณฑ์การขายชอร์ตหลักทรัพย์ปรับปรุงหลักเกณฑ์ให้ลูกค้าสามารถขายชอร์ตผ่านบัญชีเงินสดได้ ซึ่ง บล.ต้องมั่นใจว่า ลูกค้ายืมหลักทรัพย์ไว้แล้วและลูกค้าจะสามารถส่งมอบหลักทรัพย์ได้ภายในเวลาที่กำหนด รวมทั้งได้เพิ่มช่องทางให้ลูกค้าสามารถยืมหลักทรัพย์ได้ ทั้งจาก บล.และจากศูนย์รับฝากหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (TSD) เพื่อส่งมอบกรณีผิดนัด

ปัจจุบัน เอพีเอฟ กรุ๊ป มีบริษัทในเครือจำนวน 13 บริษัท เช่น บริษัทซันวา โฮม เซอร์ จำกัด ดูแลจัดการการลงทุนในธุรกิจด้านสุขภาพ, กีฬา, และร้านอาหารในญี่ปุ่น, บริษัทบางกอก สเตชั่น เน็ตเวิร์ค จำกัด จัดทำข้อมูลด้านธุรกิจ การเงิน ลงสื่อสิ่งพิมพ์ ผ่านหนังสือพิมพ์ และ นิตยสารต่างประเทศ , บริษัท นันจา มนจา เอเชีย จำกัด ดำเนินธุรกิจภัตตาคารในสิงคโปร์ และไทย และล่าสุดบริษัทเว็ดจิ โฮลดิ้งส์ ดำเนินธุรกิจบันเทิงในการผลิตภาพยนตร์แอนิเมชั่น, เพลง รวมทั้งคอนเทนต์บนมือถือ เป็นต้น
กำลังโหลดความคิดเห็น