กองทุน "THAI FOCUSED EQUITY FUND LIMITED" ตัดขายหุ้นเรือ "โทรีเซน ไทย เอเยนต์ชีส์" ร่วม 2 ล้านหุ้น ฟันกำไรเข้าพอร์ตเกือบ 100 ล้านบาท หลังพึ่งเข้าซื้อหุ้นเพิ่มได้ไม่ถึง 2 เดือน ส่งยอดถือครองหุ้นใน TTA ลดต่ำกว่า 5% ด้านบล.ฟิลลิป แนะนำ "ซื้อ" ที่ราคา 62.50 บาท
รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2551 กองทุน THAI FOCUSED EQUITY FUND LIMITED ได้นำส่งแบบรายงานการได้มาและจำหน่ายหลักทรัพย์ของกิจการ (แบบ 246-2) โดยกองทุนได้ทำการจำหน่ายหุ้นสามัญ ซึ่งเป็นหลักทรัพย์ของบริษัทโทรีเซน ไทย เอเยนต์ชีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA ผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ผ่านบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซี แอล เอส เอ (ประเทศไทย) จำกัด และบล. ไอวี โกลบอล โดยอาศัยการจำหน่ายผ่านบริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำนวน 2,000,000 หุ้น คิดเป็น 0.31% ของจำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด
โดยหลังจากการจำหน่ายหลักทรัพย์ กองทุน THAI FOCUSED EQUITY FUND LIMITED จะคงเหลือหุ้นสามัญ ซึ่งเป็นหลักทรัพย์ของบมจ.โทรีเซน ไทย เอเยนต์ชีส์ จำนวน 31,338,600 หุ้น คิดเป็น 4.87% ของจำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด จากเดิมที่ถือหุ้นสามัญ จำนวน 33,338,600 หุ้น ซึ่งคิดเป็น 5.18% ของจำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด
โดยราคาหลักทรัพย์ของ TTA เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2551 ปิดที่ 47.25 บาท ในขณะที่วานนี้ (19 ก.พ.51) ราคาหุ้นของบมจ.โทรีเซน ไทย เอเยนต์ชีส์ ปิดที่ 48.25ลดลง 0.50 บาท หรือ 1.03% มูลค่าการซื้อขาย 499.50 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หากเปรียบเทียบจากราคาปิดของ TTA เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2551 ที่ 47.25 บาท ทำให้หลายฝ่ายประมาณว่าการจำหน่ายหุ้นจำนวน 2 ล้านหุ้น ของกองทุน THAI FOCUSED EQUITY FUND LIMITE จะคิดเป็นมูลค่าประมาณ 94,500,000 บาท อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 28 ธันวาคมที่ผ่านมา กองทุน THAI FOCUSED EQUITY FUND LIMITED ได้ทำการซื้อหุ้นสามัญของTTA จำนวน 2,333,300 หุ้น คิดเป็น 0.36% ของจำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด ในราคาเฉลี่ย 44.4802 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่าประมาณ 103,785,650.7 บาท
ส่วนรายชื่อผู้ถือหุ้น 5 อันดับแรก ของบมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ชีส์ ณ วันที่ 10 มกราคม 2551 ปรากฏรายชื่อดังต่อไปนี้ อันดับ 1 บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด ถือหุ้น จำนวน 138,040,852 หุ้น คิดเป็น 21.45 % , อันดับ 2 GOLDMAN SACHS INTERNATIONAL ถือหุ้นจำนวน 36,118,700 หุ้น คิดเป็น 5.61% , อันดับ 3 THE BANK OF NEW YORK (NOMINEES) LIMITED ถือหุ้นจำนวน 33,018,699 หุ้น คิดเป็น 5.13 % , อันดับ 4 STATE STREET BANK AND TRUST COMPANY ถือหุ้นจำนวน 23,310,084 หุ้น คิดเป็น 3.62 % และอันดับ 5 HSBC (SINGAPORE) NOMINEES PTE LTD ถือหุ้นจำนวน 20,005,800 หุ้นคิดเป็น 3.11%
ขณะที่ นักวิเคราะห์บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุว่า บริษัทแนะนำ "ซื้อ" หุ้นสามัญของ บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ ในราคาเป้าหมายที่ 62.50 บาทต่อหุ้น เนื่องมาจากคาดว่าไตรมาส 1 ปี 2551 กำไรสุทธิของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 70.76% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องมาจากค่าระวางเรือที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจนทำสถิติสูงสุดที่ 25,902 ดอลลาร์ต่อวันต่อลำ นอกจากนี้ บริษัทเมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด (มหาชน) หรือ MML ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ TTA นั้น น่าจะมีผลการดำเนินการที่เติบโตขึ้นได้ดีจากการเช่าเรือ 2 ลำ เป็น 6 ลำ
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ประเมินว่า แม้ค่าระวางเรือในไตรมาส 1 จะปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงมาก แต่ในช่วงไตรมาสต่อๆไปค่าระวางเรือจะมีแนวโน้มที่จะอ่อนตัวลง แต่ดัชนี BDI จะฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่องในปัจจุบันทำให้แนวโน้มค่าระวางเรือของ TTA จะยังอยู่ในระดับสูง
รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2551 กองทุน THAI FOCUSED EQUITY FUND LIMITED ได้นำส่งแบบรายงานการได้มาและจำหน่ายหลักทรัพย์ของกิจการ (แบบ 246-2) โดยกองทุนได้ทำการจำหน่ายหุ้นสามัญ ซึ่งเป็นหลักทรัพย์ของบริษัทโทรีเซน ไทย เอเยนต์ชีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA ผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ผ่านบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซี แอล เอส เอ (ประเทศไทย) จำกัด และบล. ไอวี โกลบอล โดยอาศัยการจำหน่ายผ่านบริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำนวน 2,000,000 หุ้น คิดเป็น 0.31% ของจำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด
โดยหลังจากการจำหน่ายหลักทรัพย์ กองทุน THAI FOCUSED EQUITY FUND LIMITED จะคงเหลือหุ้นสามัญ ซึ่งเป็นหลักทรัพย์ของบมจ.โทรีเซน ไทย เอเยนต์ชีส์ จำนวน 31,338,600 หุ้น คิดเป็น 4.87% ของจำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด จากเดิมที่ถือหุ้นสามัญ จำนวน 33,338,600 หุ้น ซึ่งคิดเป็น 5.18% ของจำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด
โดยราคาหลักทรัพย์ของ TTA เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2551 ปิดที่ 47.25 บาท ในขณะที่วานนี้ (19 ก.พ.51) ราคาหุ้นของบมจ.โทรีเซน ไทย เอเยนต์ชีส์ ปิดที่ 48.25ลดลง 0.50 บาท หรือ 1.03% มูลค่าการซื้อขาย 499.50 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หากเปรียบเทียบจากราคาปิดของ TTA เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2551 ที่ 47.25 บาท ทำให้หลายฝ่ายประมาณว่าการจำหน่ายหุ้นจำนวน 2 ล้านหุ้น ของกองทุน THAI FOCUSED EQUITY FUND LIMITE จะคิดเป็นมูลค่าประมาณ 94,500,000 บาท อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 28 ธันวาคมที่ผ่านมา กองทุน THAI FOCUSED EQUITY FUND LIMITED ได้ทำการซื้อหุ้นสามัญของTTA จำนวน 2,333,300 หุ้น คิดเป็น 0.36% ของจำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด ในราคาเฉลี่ย 44.4802 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่าประมาณ 103,785,650.7 บาท
ส่วนรายชื่อผู้ถือหุ้น 5 อันดับแรก ของบมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ชีส์ ณ วันที่ 10 มกราคม 2551 ปรากฏรายชื่อดังต่อไปนี้ อันดับ 1 บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด ถือหุ้น จำนวน 138,040,852 หุ้น คิดเป็น 21.45 % , อันดับ 2 GOLDMAN SACHS INTERNATIONAL ถือหุ้นจำนวน 36,118,700 หุ้น คิดเป็น 5.61% , อันดับ 3 THE BANK OF NEW YORK (NOMINEES) LIMITED ถือหุ้นจำนวน 33,018,699 หุ้น คิดเป็น 5.13 % , อันดับ 4 STATE STREET BANK AND TRUST COMPANY ถือหุ้นจำนวน 23,310,084 หุ้น คิดเป็น 3.62 % และอันดับ 5 HSBC (SINGAPORE) NOMINEES PTE LTD ถือหุ้นจำนวน 20,005,800 หุ้นคิดเป็น 3.11%
ขณะที่ นักวิเคราะห์บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุว่า บริษัทแนะนำ "ซื้อ" หุ้นสามัญของ บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ ในราคาเป้าหมายที่ 62.50 บาทต่อหุ้น เนื่องมาจากคาดว่าไตรมาส 1 ปี 2551 กำไรสุทธิของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 70.76% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องมาจากค่าระวางเรือที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจนทำสถิติสูงสุดที่ 25,902 ดอลลาร์ต่อวันต่อลำ นอกจากนี้ บริษัทเมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด (มหาชน) หรือ MML ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ TTA นั้น น่าจะมีผลการดำเนินการที่เติบโตขึ้นได้ดีจากการเช่าเรือ 2 ลำ เป็น 6 ลำ
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ประเมินว่า แม้ค่าระวางเรือในไตรมาส 1 จะปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงมาก แต่ในช่วงไตรมาสต่อๆไปค่าระวางเรือจะมีแนวโน้มที่จะอ่อนตัวลง แต่ดัชนี BDI จะฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่องในปัจจุบันทำให้แนวโน้มค่าระวางเรือของ TTA จะยังอยู่ในระดับสูง