เฉา เฟิง ผู้จัดการทั่วไป GEELY RIDDARA ประเทศไทย เปิดเผยว่า แบรนด์ยังคงครองตำแหน่งผู้นำด้านกระบะพลังงานใหม่ในจีน และกำลังผลักดันให้ประเทศไทยเป็นตลาดสำคัญในภูมิภาค โดยมีเป้าหมายทำให้ “กระบะไฟฟ้าเป็นยานยนต์สำหรับทุกครอบครัว ไม่ใช่แค่เพื่อการขนส่ง” ซึ่งสอดคล้องกับกระแสความนิยมที่เติบโตต่อเนื่องหลังการเปิดตัวรุ่น RD6 ในประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม เขายอมรับว่า ยอดขายในปีแรกอาจไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่คาดไว้ 10,000 คัน โดยยอดขายตั้งแต่เดือนมกราคม–ตุลาคม 2568 อยู่ที่ประมาณ 800 คัน และคาดว่าปีนี้จะปิดที่ราว 1,000 คัน จากการขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มฟลีทและลูกค้าองค์กรมากขึ้น แม้ยอดขายไม่ถึงเป้า แต่ถือว่า “พอใจ” กับการตอบรับของผู้บริโภคชาวไทย โดยบริษัทได้เรียนรู้พฤติกรรมผู้ใช้งานจำนวนมากและนำข้อมูลเหล่านั้นมาปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการให้เหมาะกับตลาดไทยมากที่สุด
เฉา เฟิง ระบุว่า RIDDARA ทำตลาดในไทยในฐานะ แบรนด์ OEM เต็มรูปแบบ ซึ่งแตกต่างจากหลายประเทศที่ใช้ระบบตัวแทนจำหน่าย (Distributor) ทำให้สามารถดึงข้อมูลลูกค้าจริงจากเครือข่ายดีลเลอร์ในไทยมาวิเคราะห์เชิงลึก ร่วมกับองค์ความรู้จากประเทศจีน เพื่อพัฒนารถรุ่นใหม่และบริการหลังการขายให้ตรงความต้องการของผู้ใช้ชาวไทยที่สุด
เขากล่าวเพิ่มเติมว่า ในการประเมินตลาดช่วงก่อนเข้ามาในประเทศไทย บริษัทมองว่าตลาดกระบะไทยมีความใหญ่และสัดส่วนกระบะ 4 ประตูค่อนข้างสูง จึงคาดหวังที่จะเจาะตลาดกลุ่มดังกล่าว แต่หลังวิเคราะห์ข้อมูลเชิงพฤติกรรมจริง RIDDARA ได้ ปรับกลยุทธ์ใหม่ โดยเน้นการแบ่งกลุ่มเป้าหมายตาม อาชีพและพื้นที่ มากกว่าการแบ่งตามประเภทตัวถัง โดยเฉพาะกลุ่ม เกษตรกร ที่กลายเป็นตลาดสำคัญในการเติบโตของแบรนด์ รวมถึงการขยายตลาดไปยังต่างจังหวัดให้มากขึ้น จากที่ปัจจุบันยอดขายส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพฯ
ด้านแนวโน้มตลาดรถไฟฟ้าในประเทศไทย เฉา เฟิง มองว่าแม้รถกระบะไฟฟ้าจะยังมีปริมาณไม่มาก แต่มีศักยภาพเติบโตสูง โดยคาดว่าในปี 2569 ตลาดกลุ่มนี้จะเติบโตอยู่ที่ 5–10% หรือราว 15,000 คัน โดย RIDDARA ตั้งเป้ายอดขายปี 2569 ไว้ที่ 3,000 คัน
เพื่อรองรับการเติบโตนี้ บริษัทเตรียมเร่งขยายเครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการจากปัจจุบัน 12 แห่ง (กรุงเทพฯ 8 แห่ง ต่างจังหวัด 4 แห่ง) เพิ่มเป็น 40 แห่ง ครอบคลุม 30 จังหวัด โดยเน้นหัวเมืองใหญ่และพื้นที่เกษตรกรรมซึ่งมีศักยภาพสูงในการใช้งานรถกระบะไฟฟ้า
