xs
xsm
sm
md
lg

คู่มือกู้รถหลังจมน้ำ ฉบับเร่งด่วน หลังเหตุการณ์น้ำท่วมหาดใหญ่ทำรถเสียหายนับพันคัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้เชี่ยวชาญเตือน “สตาร์ทรถทันที = เครื่องพังซ่อมไม่คุ้ม” แนะเจ้าของรถทำตามขั้นตอนความปลอดภัย ตั้งแต่ถอดขั้วแบต–ถ่ายรูปหลักฐาน–เรียกรถยก–ส่งศูนย์ พร้อมชี้จุดสำคัญที่ต้องตรวจทั้งรถน้ำมัน–ไฮบริด–EV หลังน้ำท่วมใหญ่

เหตุการณ์น้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่หาดใหญ่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้มีรถยนต์จำนวนมากตั้งแต่รถเล็กจนถึงรถครอบครัวถูกน้ำท่วมจมมิดนับพันคัน เจ้าของรถจำนวนไม่น้อยไม่มีโอกาสแม้แต่จะเข้ามาขยับรถหนีน้ำ และเมื่อระดับน้ำเริ่มลดลง หลายคนยังไม่แน่ใจว่าจะต้องดูแลรถอย่างไรเพื่อไม่ให้ความเสียหายลุกลามหนักขึ้น

สิ่งสำคัญที่สุดคือ “ห้ามสตาร์ทรถเด็ดขาด” เพราะการสตาร์ทอาจทำให้ระบบไฟฟ้า เครื่องยนต์ หรือชุดควบคุมต่าง ๆ พังจนต้องเปลี่ยนทั้งชุด และนี่คือขั้นตอนที่ถูกต้องในการดูแลรถหลังจมน้ำ—ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์น้ำมัน ไฮบริด หรือรถไฟฟ้า


ขั้นตอนเร่งด่วนทันทีหลังน้ำลด
1. ห้ามสตาร์ทรถ – ห้ามเสียบกุญแจ – ห้ามเปิดสวิตช์
ระบบไฟฟ้าที่เปียกน้ำอาจลัดวงจรและทำให้เครื่องยนต์พังเสียหายรุนแรง
2. ถอดขั้วแบตเตอรี่ออก
ช่วยป้องกันการลัดวงจร แต่ต้องทำเฉพาะเมื่อปลอดภัย หากน้ำยังสูงห้ามเข้าใกล้
3. ถ่ายรูปเก็บหลักฐาน
ถ่ายทั้งภายใน–ภายนอก ระดับน้ำ จุดที่สันนิษฐานว่าเครื่องหรือระบบไฟโดนน้ำ เพื่อใช้ประกอบการเคลมประกัน
4. ติดต่อบริษัทประกันภัยทันที
แจ้งเหตุ ระดับน้ำที่ท่วม และขอสายงานตรวจสอบความเสียหาย
5. เรียกใช้ “รถสไลด์/รถยก” เท่านั้น
ห้ามเข็น ห้ามลากขณะล้อสัมผัสพื้น เพราะอาจทำให้น้ำไหลเข้าเครื่องหรือระบบเกียร์เพิ่มขึ้น



ตรวจสอบเบื้องต้น (เฉพาะกรณีน้ำไม่เข้ารถลึก)
-เปิดฝากระโปรง ใช้ลมเป่าไล่น้ำ
-ตรวจน้ำมันเครื่อง หากเป็นสีขาวขุ่นหรือแยกชั้น = มีน้ำปน ต้องรีบเปลี่ยน
-ถอดพรม เบาะ และแผงต่าง ๆ ที่เปียกน้ำออก เพื่อลดความชื้นและเชื้อรา
-ล้างภายนอกและใต้ท้องรถ เพื่อป้องกันสนิมและโคลนเกาะ

จุดที่ต้องให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจโดยละเอียด
-เปลี่ยนถ่ายของเหลวทั้งหมด: น้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรก น้ำมันเกียร์ น้ำมันเฟืองท้าย
-ตรวจระบบไฟฟ้า กล่องฟิวส์ กล่อง ECU เซนเซอร์ต่าง ๆ
-ตรวจระบบเบรกและช่วงล่าง
-ตรวจระบบแอร์และเชื้อราในระบบท่อแอร์
-สำหรับรถ EV ต้องตรวจแบตแรงดันสูง (HV), มอเตอร์ไฟฟ้า, Inverter, DC–DC และระบบชาร์จโดยเฉพาะ


รถน้ำมัน–ไฮบริด: สิ่งที่ต้องระวังเป็นพิเศษ
-ถ้าน้ำเข้าระดับพื้นรถ = พอซ่อมได้
-หากเข้าถึงเบาะหรือแผงประตู = กระทบระบบไฟ
-น้ำถึงคอนโซล = อาจต้องเปลี่ยนสายไฟทั้งคัน
-จมน้ำหมดทั้งคัน = ประกันอาจชี้ว่าซ่อมไม่คุ้ม (Total Loss)

ระบบเกียร์ออโต้
หากน้ำปนในน้ำมันเกียร์จะมีลักษณะคล้าย “โยเกิร์ตสตรอว์เบอร์รี่” ต้องถอดเกียร์ ล้างทอร์กคอนเวอร์เตอร์ และเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ทั้งหมด

ระบบเกียร์ธรรมดา
ต้องถอดชุดคลัตช์ ล้างทำความสะอาด และเปลี่ยนน้ำมันเกียร์–เฟืองท้ายใหม่


รถยนต์ไฟฟ้า (EV): ต้องระมัดระวังมากที่สุด
แม้แบตเตอรี่จะถูกออกแบบให้กันน้ำ แต่เหตุการณ์ท่วมรุนแรงมีความเสี่ยงหมดทุกระบบ 
1.อย่าเข้าใกล้รถในระหว่างที่น้ำยังท่วม เพราะอาจมีไฟรั่ว
2.ห้ามเปิดประตู–ห้ามกดรีโมต–ห้ามปลดล็อก เพื่อไม่ให้ระบบไฟฟ้าตื่นตัว
3.ใช้รถยกแบบยกทั้งคันเท่านั้น ห้ามลากล้อ
4.อย่าสัมผัสแบตเตอรี่และสายไฟสีส้ม (แรงดันสูง)
5.เมื่อถึงศูนย์ ต้องตรวจระบบ HV ก่อนเสมอ—หากน้ำเข้าชุดแบต อาจต้องเปลี่ยนทั้งลูก ราคาหลักแสน–ล้านบาท

หลังรถถูกย้ายขึ้นศูนย์ ควรทำอะไรต่อ
1.แจ้งเคลมทันทีเพื่อจองคิวซ่อม (เหตุใหญ่คิวอาจยาวหลายสัปดาห์)
2.ให้ช่างตรวจระบบเครื่อง ไฟฟ้า เกียร์ เฟืองท้าย แบบละเอียด
3.สำหรับ EV ต้องตรวจแบต HV, ระบบ 12V, มอเตอร์ไฟฟ้า, Inverter และระบบชาร์จ
4.เตรียมใจเรื่องค่าใช้จ่าย บางกรณีอาจซ่อมหลักหมื่น–หลายแสน หรือถึงขั้นคืนทุน (Total Loss)


รถคือทรัพย์สินสำคัญของหลายครอบครัว บางคันใช้ทำงาน บางคันส่งลูกไปโรงเรียน บางคันคือคันแรกในชีวิต การเห็นรถจมน้ำไม่ใช่แค่ความเสียหายทางการเงิน แต่กระทบจิตใจอย่างหนัก

เหตุการณ์ครั้งนี้ในหาดใหญ่เจ็บปวด แต่ทุกคนจะผ่านไปด้วยกัน มีผู้เชี่ยวชาญ ประกันภัย ศูนย์บริการ และหน่วยงานช่วยเหลือพร้อมให้คำปรึกษาเสมอ

ไม่ว่าความเสียหายจะมากเพียงใด—ความหวังและกำลังใจสำคัญที่สุด


ขอขอบคุณเจ้าของภาพ


กำลังโหลดความคิดเห็น