การเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ด้วยการเข้าซื้อโรงงานประกอบรถยนต์ต่อจากเจนเนอรัล มอเตอร์ ทำให้เกิดคำถามว่า เกรท วอลล์ มอเตอร์ เป็นใครมาจากไหน สรุปแบบย่อคือ ค่ายผู้ผลิตรถยนต์จากประเทศจีน ที่มีความถนัดในการผลิตรถยนต์แบบอเนกประสงค์ SUV และปิกอัพ
ซึ่งเมื่อทุกอย่างเข้ารูปเข้ารอย ประกอบกับได้รับการสนับสนุนการลงทุนจากบีโอไอ ส่งผลให้ เกรท วอลล์ เริ่มเดินหน้าลุยอย่างรวดเร็ว เพียงไม่กี่เดือน โรงงานที่รับช่วงต่อจากจีเอ็มเริ่มต้นการผลิตเรียบร้อย และโมเดลแรกคือ Haval H6 Hybrid ดังที่ได้มีการประกาศไว้เมื่อครั้งเปิดตัวในงานมอเตอร์โชว์ช่วงต้นปีที่ผ่านมา
สำหรับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการพร้อมประกาศราคาของ Haval H6 Hybrid จะมีขึ้นในวันที่ 28 มิถุนายน 2564 แต่ก่อนจะเปิดราคา เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้เปิดรับจองสิทธิ์ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน ผ่านแอพพลิเคชัน GWM โดยจัดให้สื่อมวลชนได้ทดลองขับ Haval H6 Hybrid ล็อตแรก(เป็นรถทดลองประกอบ) อีกด้วย ทีมงาน เอ็มจีอาร์ มอเตอริ่ง ร่วมทดลองขับเรียบร้อย
ไฮบริด-ไฮเทค
Haval H6 เป็นที่รู้จักอย่างดีในประเทศจีนในฐานะรถยนต์เอสยูวีที่ขายดีที่สุดของประเทศด้วยยอดจำหน่ายสะสมรวมทั้งหมดกว่า 3 ล้านคันนับตั้งแต่เปิดตัว เมื่อต้องการบุกตลาดใหม่ แน่นอนว่า เกรท วอลล์ มอเตอร์ จึงเลือกเอารถที่ดีที่สุดในมือมาเป็นหัวหอกในการทำตลาด
ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของไทยและทิศทางของเกรท วอลล์ มอเตอร์ ทำให้ Haval H6 โมเดลแรกที่เปิดตัวจึงเป็น Hybrid ส่งผลให้ประเทศไทยกลายเป็นที่แรกในโลกที่เผยโฉม Haval H6 Hybrid
ในแง่ของการออกแบบภายนอก ความสวยงามเป็นสิ่งที่เราไม่วิพากษ์เนื่องจากเป็นเรื่องนานาจิตตัง แต่ละคนมองความสวยงามแตกต่างกันออกไป แต่ในเชิงของวิศวกรรมดีไซน์ Haval H6 Hybrid ถูกออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ที่ดี พร้อมกับการเลือกใช้ชิ้นส่วนคุณภาพสูง มิใช่เหมือนรถจีนแบรนด์อื่นที่เมื่อครั้งอดีตที่เคยมาทำตลาดในไทยแล้วหายไป
การตกแต่งภายในคือจุดเด่นที่สุดของ Haval H6 Hybrid ไม่ว่าจะเป็นด้านการดีไซน์และคุณภาพของวัสดุที่อยู่ในเกรดระดับรถยุโรป ทั้งผิวสัมผัสของหนังและปุ่มคอนโทรลต่าง ๆ รวมถึงฟังก์ชันการใช้งาน หน้าจอคอนโซลกลางเป็นแบบสัมผัส ขนาด 12 นิ้ว(ในรุ่น Ultra) และ 10 นิ้ว (ในรุ่น Pro) ควบคุมและสั่งการทุกอย่างของตัวรถ ส่วนหน้าปัดเป็นแบบดิจิตอล ดูล้ำสมัย พร้อม HUD ที่แสดงผลบนกระจกหน้า และระบบสั่งการด้วยเสียงภาษาไทย
ระบบเสริมความปลอดภัยจัดให้มามากที่สุดในรถระดับนี้ ไม่สามารถบรรยายทั้งหมดได้ และเป็นผู้บุกเบิกรายแรกของคลาสในการนำระบบเตือนพร้อมเบรกอัตโนมัติขณะถอยหลังเมื่อมีวัตถุเคลื่อนที่มาทางด้านหลัง, ระบบถอยหลังออกจากซอยตันอัตโนมัติ, ระบบช่วยจอดอัตโนมัติทั้งแนวนอน เข้าซองและ แนวทแยง
หัวใจเป็นเครื่องยนต์แบบไฮบริด โดยเครื่องยนต์เบนซินมีขนาด 1.5 ลิตร เทอร์โบซูเปอร์ชาร์จ ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวมสูงสุด 243 แรงม้า แรงบิดรวมสูงสุด 530 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติชื่อ DHT ซึ่งประกอบไปด้วยยระบบเกียร์ที่เครื่องยนต์หนึ่งชุด 2 สปีด และระบบส่งกำลังจากมอเตอร์อีกหนึ่งชุด โดยการทำงานของระบบไฮบริดจะเป็นแบบผสมผสานทั้งอนุกรม(Series) และแบบขนาด (Parallel) แบตเตอรี่มีความจุ 1.6 kWh
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เคลมไว้ที่ 8.9 วินาที ความเร็วสูงสุดไม่มีข้อมูล แต่จากการทดลองขับในพื้นที่ปิดสามารถทำได้ถึง 180 กม./ชม. ระบบช่วงล่างเป็นแบบยอดนิยม ด้านหน้า แม็คเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังแบบมัลติลิงค์ ดิสก์เบรก 4 ล้อ พวงมาลัยไฟฟ้า ขับเคลื่อนล้อหน้า
เร่งแซงเด่น ดูดซับแรงสะเทือนดี
การขับขี่เป็นแบบไปเช้า-บ่ายกลับ พร้อมจัดให้มีสถานีทดสอบในพื้นที่ปิด เพื่อลองสมรรถนะและระบบเด่นบางรายการ โดยเป็นระยะทางการขับขี่รวมมากกว่า 200 กม. เริ่มต้นเดินทางกันด้วยการลงทะเบียนเชื่อมต่อผ่านแอพพลิเคชัน GWM เพื่อให้ใช้งานระบบทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์ หากไม่เชื่อมต่อ ยังสามารถขับได้แต่จะปรับหรือสั่งระบบควบคุมได้เพียงบางอย่าง
ช่วงแรกเป็นขับจากในเมืองย่านอ่อนนุช ออกไปยังทางด่วน การตอบสนองช่วงออกตัวดีมาก โดยเป็นการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า แทบจะไม่มีการติดของเครื่องยนต์เลย และหากมีจะรู้สึกได้เพียงเบาๆ แทบไม่รู้สึกเนื่องจากเป็นการติดขึ้นเพื่อปั่นไฟใช้ในการขับของมอเตอร์ไฟฟ้า
การเก็บเสียงภายในห้องโดยสารเงียบดี เสียงดังที่สุดที่ได้ยินขณะวิ่งด้วยความเร็วไม่เกิน 60 กม./ชม. คือเสียงลมจากช่องแอร์ พวงมาลัยน้ำหนักเบามือดีสามารถตั้งปรับได้ 3 ระดับความหนืด โดยจะหนักมือขึ้นเมื่อขับด้วยความเร็วสูงขึ้น ทัศนวิสัยชัดเจนดีทุกมุมมอง และไม่ต้องกังวลเรื่อง จะมองไม่เห็นมอเตอร์ไซค์ที่มาจากด้านหลัง เพราะมีระบบช่วยเตือน
ออกมาขึ้นทางด่วนบูรพาวิถี วิ่งตรงสุดทางมุ่งหน้าศรีราชา การขับบนทางด่วนได้ลองอัตราเร่ง ตอบสนองทันใจในทุกย่านความเร็ว การส่งกำลังเนียนดี ไร้รอยต่อและไม่มีอาการรอรอบ ตัวรถพุ่งขึ้นตามน้ำหนักคันเร่งที่กดลงไป แถมยังเด่นด้วยการคลิกดาวน์ได้แม้จะขับด้วยความเร็วสูง ขับแล้วสนุก ประทับใจไม่เป็นรองใครในคลาสนี้
การทรงตัวและการเกาะถนนทำได้ประทับใจมาก ช่วงล่างดูดซับแรงสะเทือนได้ดี อาจจะไม่นุ่มเท่ากับซีอาร์วี แต่หากใช้ความเร็วสูงจะเกาะถนนนิ่งกว่า โดยมีโหมดการขับขี่ให้ปรับได้ 4 แบบ มาตรฐาน, สปอร์ต, ประหยัด และถนนลื่น
อย่างไรก็ตาม คันที่เราขับมามีอาการพวงมาลัยสั่นทุกครั้งเมื่อความเร็วแตะ 120 กม./ชม. (คาดว่าเกิดจากตะกั่วถ่วงล้อหลุด) หากขับช้ากว่านั้นจะปกติดี จึงได้แจ้งทีมงานและมีการสลับรถอีกหนึ่งคันมาให้ขับ หลังจากเปลี่ยนรถเรียบร้อย ไม่พบอาการสั่นแต่อย่างใด คันนี้ขับสนุกและนิ่งอย่างที่ควรจะเป็น
เมื่อถึงสถานีทดสอบ ช่วงแรกเป็นการทดสอบอัตราเร่ง ตั้งแต่ออกตัว บอกอย่างมั่นใจว่า แรง พุ่งตามเท้า ตอบสนองดีมาก ระยะทางสั้นๆ สามารถทำความเร็วได้เกิน 140 กม./ชม. หลังจากนั้นเป็นการทดลองระบบถอยจากซอยอัตโนมัติ (ระบบเดียวกับที่มีใน BMW) ใช้งานได้จริง แม้จะเป็นทางคดโค้ง พวงมาลัยหักเลี้ยวให้โดยเราไม่ต้องจับ
อีก 3 สถานีเป็นการทดลองระบบถอยจอดอัตโนมัติ ใช้งานได้จริงและง่ายมาก เพียงกดสั่งการบนหน้าจอแล้วรอเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการถอยแนวขนานหรือเข้าซองและแนวทแยงทำได้ทั้งสามรูปแบบ สุดท้ายเป็นการลองระบบควบคุมความเร็วแปรผันอัตโนมัติตามคันหน้าที่สามารถใช้งานได้จริง รถจอดหยุดนิ่งได้เองโดยไม่ต้องแตะเบรก หากรถคันหน้าหยุดสนิท
สุดท้ายขากลับเราขับอีกหนึ่งคัน รวมแล้วเราได้ขับถึง 3 คัน โดยทั้ง 3 คัน ขับสนุก อัตราเร่งดี เกาะถนนอย่างน่าประทับใจเหมือนกัน มีความแตกต่างเพียงเรื่องเดียวคือ คันแรกนั้นพวงมาลัยสั่นเมื่อวิ่งด้วยความเร็วแตะถึง 120 กม./ชม. ขณะที่อีก 2 คันที่เราได้ลองขับภายหลัง เกาะถนนนิ่งปกติดี
ย้ำอีกครั้งทุกคันที่เราได้ขับเป็นรถเวอร์ชันทดลองประกอบ และเราได้ขับสลับ 3 คัน เนื่องจากคันแรกพบอาการไม่พึงประสงค์ โดยคาดหวังว่าเวอร์ชันขายจริงจะไม่เกิดเหตุการณ์ดังเช่นที่เราได้พบเจอในการทดลองขับคราวนี้ และนี่คือความกังวลของใครหลายคนในเรื่องคุณภาพการประกอบและการบริการหลังการขายที่ต้องรอจนกว่า ลูกค้าจะได้ใช้จริงจึงจะมีข้อมูล
อนึ่ง มีเสียงบ่นจากสื่อมวลชนหลายท่านส่งผ่านไปยังทีมงานของเกรท วอลล์ เรื่องของระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA และระบบรักษาระยะให้รถอยู่กลางเลน LCK ที่พวงมาลัยจะดึงสู้มือผู้ขับขี่ค่อนข้างแรงเกินไป ทีมงานน้อมรับและจะนำไปปรับปรุง ซึ่งทีมงานระบุว่าทำได้ไม่ยากเพราะเพียงแค่อัพเดพโปรแกรมใหม่เข้าไป ส่วนตัวผู้เขียนไม่ประสบปัญหานี้เพราะปิดระบบทั้งหมดเอาไว้ เนื่องจากเราตั้งใจเก็บความรู้สึกในการขับขี่เป็นหลัก
สำหรับอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงจากการขับทางยาวๆ แบบเต็มกำลังของรถและกดคันเร่งหนักเท้าเพื่อลองอัตราเร่งแทบตลอดทาง ตัวเลขบนหน้าจอคันแรก(รีเซ็ตเมื่อออกตัว)อยู่ราว 11-12 กม./ลิตรสังเกตุเมื่อถึงจุดพักซึ่งมีการเปลี่ยนรถ ส่วนคันที่สองไม่ได้เก็บตัวเลขไว้ คันที่สาม ไม่ได้รีเซ็ตค่าก่อนออกเดินทาง เราเห็นตัวเลขเฉลี่ยอยู่ที่ 11-12 กม./ลิตร เช่นเดียวกับคันแรก คือทุกคันขับไล่ๆ กันมาถึงจุดหมายด้วยระยะเวลาไม่ห่างกันมากนัก
ถามเราว่าพอใจกับตัวเลขนี้หรือไม่ คำตอบแบบจริงจังคือ ประทับใจ เพราะหากเทียบการขับแบบเดียวกันนี้ในรถรุ่นอื่น ตัวเลขต้องต่ำกว่า 10 กม./ลิตร อย่างแน่นอน ส่วนตัวเลขจากสื่อมวลชนท่านอื่นระบุอยู่ระหว่าง 14-18 กม./ลิตร
เหมาะกับใคร
แน่นอนว่ากลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักของ Haval H6 Hybrid คือรถของครอบครัว ด้วยคุณสมบัติต่าง ๆ ของตัวรถภาพรวมสามารถใช้คำว่า Best in class ได้อย่างไม่เคอะเขิน แต่จะกลายเป็นรถที่สร้างบรรทัดฐานใหม่ให้แก่รถในคลาส C SUV ที่มีคู่แข่งให้เลือกนับสิบยี่ห้อและประสบความสำเร็จด้านยอดขายได้หรือไม่ คำตอบคงอยู่ที่ราคาค่าตัว ที่จะเปิดในวันที่ 28 มิถุนายน นี้
Haval H6 เอสยูวีขุมพลังไฮบริดรุ่นแรกจาก เกรท วอลล์ มอเตอร์ ประเทศไทย เปิดราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้ว มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย เคาะราคา 1,149,000-1,249,000 บาท
ซึ่งเมื่อทุกอย่างเข้ารูปเข้ารอย ประกอบกับได้รับการสนับสนุนการลงทุนจากบีโอไอ ส่งผลให้ เกรท วอลล์ เริ่มเดินหน้าลุยอย่างรวดเร็ว เพียงไม่กี่เดือน โรงงานที่รับช่วงต่อจากจีเอ็มเริ่มต้นการผลิตเรียบร้อย และโมเดลแรกคือ Haval H6 Hybrid ดังที่ได้มีการประกาศไว้เมื่อครั้งเปิดตัวในงานมอเตอร์โชว์ช่วงต้นปีที่ผ่านมา
สำหรับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการพร้อมประกาศราคาของ Haval H6 Hybrid จะมีขึ้นในวันที่ 28 มิถุนายน 2564 แต่ก่อนจะเปิดราคา เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้เปิดรับจองสิทธิ์ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน ผ่านแอพพลิเคชัน GWM โดยจัดให้สื่อมวลชนได้ทดลองขับ Haval H6 Hybrid ล็อตแรก(เป็นรถทดลองประกอบ) อีกด้วย ทีมงาน เอ็มจีอาร์ มอเตอริ่ง ร่วมทดลองขับเรียบร้อย
ไฮบริด-ไฮเทค
Haval H6 เป็นที่รู้จักอย่างดีในประเทศจีนในฐานะรถยนต์เอสยูวีที่ขายดีที่สุดของประเทศด้วยยอดจำหน่ายสะสมรวมทั้งหมดกว่า 3 ล้านคันนับตั้งแต่เปิดตัว เมื่อต้องการบุกตลาดใหม่ แน่นอนว่า เกรท วอลล์ มอเตอร์ จึงเลือกเอารถที่ดีที่สุดในมือมาเป็นหัวหอกในการทำตลาด
ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของไทยและทิศทางของเกรท วอลล์ มอเตอร์ ทำให้ Haval H6 โมเดลแรกที่เปิดตัวจึงเป็น Hybrid ส่งผลให้ประเทศไทยกลายเป็นที่แรกในโลกที่เผยโฉม Haval H6 Hybrid
ในแง่ของการออกแบบภายนอก ความสวยงามเป็นสิ่งที่เราไม่วิพากษ์เนื่องจากเป็นเรื่องนานาจิตตัง แต่ละคนมองความสวยงามแตกต่างกันออกไป แต่ในเชิงของวิศวกรรมดีไซน์ Haval H6 Hybrid ถูกออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ที่ดี พร้อมกับการเลือกใช้ชิ้นส่วนคุณภาพสูง มิใช่เหมือนรถจีนแบรนด์อื่นที่เมื่อครั้งอดีตที่เคยมาทำตลาดในไทยแล้วหายไป
การตกแต่งภายในคือจุดเด่นที่สุดของ Haval H6 Hybrid ไม่ว่าจะเป็นด้านการดีไซน์และคุณภาพของวัสดุที่อยู่ในเกรดระดับรถยุโรป ทั้งผิวสัมผัสของหนังและปุ่มคอนโทรลต่าง ๆ รวมถึงฟังก์ชันการใช้งาน หน้าจอคอนโซลกลางเป็นแบบสัมผัส ขนาด 12 นิ้ว(ในรุ่น Ultra) และ 10 นิ้ว (ในรุ่น Pro) ควบคุมและสั่งการทุกอย่างของตัวรถ ส่วนหน้าปัดเป็นแบบดิจิตอล ดูล้ำสมัย พร้อม HUD ที่แสดงผลบนกระจกหน้า และระบบสั่งการด้วยเสียงภาษาไทย
ระบบเสริมความปลอดภัยจัดให้มามากที่สุดในรถระดับนี้ ไม่สามารถบรรยายทั้งหมดได้ และเป็นผู้บุกเบิกรายแรกของคลาสในการนำระบบเตือนพร้อมเบรกอัตโนมัติขณะถอยหลังเมื่อมีวัตถุเคลื่อนที่มาทางด้านหลัง, ระบบถอยหลังออกจากซอยตันอัตโนมัติ, ระบบช่วยจอดอัตโนมัติทั้งแนวนอน เข้าซองและ แนวทแยง
หัวใจเป็นเครื่องยนต์แบบไฮบริด โดยเครื่องยนต์เบนซินมีขนาด 1.5 ลิตร เทอร์โบซูเปอร์ชาร์จ ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวมสูงสุด 243 แรงม้า แรงบิดรวมสูงสุด 530 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติชื่อ DHT ซึ่งประกอบไปด้วยยระบบเกียร์ที่เครื่องยนต์หนึ่งชุด 2 สปีด และระบบส่งกำลังจากมอเตอร์อีกหนึ่งชุด โดยการทำงานของระบบไฮบริดจะเป็นแบบผสมผสานทั้งอนุกรม(Series) และแบบขนาด (Parallel) แบตเตอรี่มีความจุ 1.6 kWh
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เคลมไว้ที่ 8.9 วินาที ความเร็วสูงสุดไม่มีข้อมูล แต่จากการทดลองขับในพื้นที่ปิดสามารถทำได้ถึง 180 กม./ชม. ระบบช่วงล่างเป็นแบบยอดนิยม ด้านหน้า แม็คเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังแบบมัลติลิงค์ ดิสก์เบรก 4 ล้อ พวงมาลัยไฟฟ้า ขับเคลื่อนล้อหน้า
เร่งแซงเด่น ดูดซับแรงสะเทือนดี
การขับขี่เป็นแบบไปเช้า-บ่ายกลับ พร้อมจัดให้มีสถานีทดสอบในพื้นที่ปิด เพื่อลองสมรรถนะและระบบเด่นบางรายการ โดยเป็นระยะทางการขับขี่รวมมากกว่า 200 กม. เริ่มต้นเดินทางกันด้วยการลงทะเบียนเชื่อมต่อผ่านแอพพลิเคชัน GWM เพื่อให้ใช้งานระบบทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์ หากไม่เชื่อมต่อ ยังสามารถขับได้แต่จะปรับหรือสั่งระบบควบคุมได้เพียงบางอย่าง
ช่วงแรกเป็นขับจากในเมืองย่านอ่อนนุช ออกไปยังทางด่วน การตอบสนองช่วงออกตัวดีมาก โดยเป็นการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า แทบจะไม่มีการติดของเครื่องยนต์เลย และหากมีจะรู้สึกได้เพียงเบาๆ แทบไม่รู้สึกเนื่องจากเป็นการติดขึ้นเพื่อปั่นไฟใช้ในการขับของมอเตอร์ไฟฟ้า
การเก็บเสียงภายในห้องโดยสารเงียบดี เสียงดังที่สุดที่ได้ยินขณะวิ่งด้วยความเร็วไม่เกิน 60 กม./ชม. คือเสียงลมจากช่องแอร์ พวงมาลัยน้ำหนักเบามือดีสามารถตั้งปรับได้ 3 ระดับความหนืด โดยจะหนักมือขึ้นเมื่อขับด้วยความเร็วสูงขึ้น ทัศนวิสัยชัดเจนดีทุกมุมมอง และไม่ต้องกังวลเรื่อง จะมองไม่เห็นมอเตอร์ไซค์ที่มาจากด้านหลัง เพราะมีระบบช่วยเตือน
ออกมาขึ้นทางด่วนบูรพาวิถี วิ่งตรงสุดทางมุ่งหน้าศรีราชา การขับบนทางด่วนได้ลองอัตราเร่ง ตอบสนองทันใจในทุกย่านความเร็ว การส่งกำลังเนียนดี ไร้รอยต่อและไม่มีอาการรอรอบ ตัวรถพุ่งขึ้นตามน้ำหนักคันเร่งที่กดลงไป แถมยังเด่นด้วยการคลิกดาวน์ได้แม้จะขับด้วยความเร็วสูง ขับแล้วสนุก ประทับใจไม่เป็นรองใครในคลาสนี้
การทรงตัวและการเกาะถนนทำได้ประทับใจมาก ช่วงล่างดูดซับแรงสะเทือนได้ดี อาจจะไม่นุ่มเท่ากับซีอาร์วี แต่หากใช้ความเร็วสูงจะเกาะถนนนิ่งกว่า โดยมีโหมดการขับขี่ให้ปรับได้ 4 แบบ มาตรฐาน, สปอร์ต, ประหยัด และถนนลื่น
อย่างไรก็ตาม คันที่เราขับมามีอาการพวงมาลัยสั่นทุกครั้งเมื่อความเร็วแตะ 120 กม./ชม. (คาดว่าเกิดจากตะกั่วถ่วงล้อหลุด) หากขับช้ากว่านั้นจะปกติดี จึงได้แจ้งทีมงานและมีการสลับรถอีกหนึ่งคันมาให้ขับ หลังจากเปลี่ยนรถเรียบร้อย ไม่พบอาการสั่นแต่อย่างใด คันนี้ขับสนุกและนิ่งอย่างที่ควรจะเป็น
เมื่อถึงสถานีทดสอบ ช่วงแรกเป็นการทดสอบอัตราเร่ง ตั้งแต่ออกตัว บอกอย่างมั่นใจว่า แรง พุ่งตามเท้า ตอบสนองดีมาก ระยะทางสั้นๆ สามารถทำความเร็วได้เกิน 140 กม./ชม. หลังจากนั้นเป็นการทดลองระบบถอยจากซอยอัตโนมัติ (ระบบเดียวกับที่มีใน BMW) ใช้งานได้จริง แม้จะเป็นทางคดโค้ง พวงมาลัยหักเลี้ยวให้โดยเราไม่ต้องจับ
อีก 3 สถานีเป็นการทดลองระบบถอยจอดอัตโนมัติ ใช้งานได้จริงและง่ายมาก เพียงกดสั่งการบนหน้าจอแล้วรอเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการถอยแนวขนานหรือเข้าซองและแนวทแยงทำได้ทั้งสามรูปแบบ สุดท้ายเป็นการลองระบบควบคุมความเร็วแปรผันอัตโนมัติตามคันหน้าที่สามารถใช้งานได้จริง รถจอดหยุดนิ่งได้เองโดยไม่ต้องแตะเบรก หากรถคันหน้าหยุดสนิท
สุดท้ายขากลับเราขับอีกหนึ่งคัน รวมแล้วเราได้ขับถึง 3 คัน โดยทั้ง 3 คัน ขับสนุก อัตราเร่งดี เกาะถนนอย่างน่าประทับใจเหมือนกัน มีความแตกต่างเพียงเรื่องเดียวคือ คันแรกนั้นพวงมาลัยสั่นเมื่อวิ่งด้วยความเร็วแตะถึง 120 กม./ชม. ขณะที่อีก 2 คันที่เราได้ลองขับภายหลัง เกาะถนนนิ่งปกติดี
ย้ำอีกครั้งทุกคันที่เราได้ขับเป็นรถเวอร์ชันทดลองประกอบ และเราได้ขับสลับ 3 คัน เนื่องจากคันแรกพบอาการไม่พึงประสงค์ โดยคาดหวังว่าเวอร์ชันขายจริงจะไม่เกิดเหตุการณ์ดังเช่นที่เราได้พบเจอในการทดลองขับคราวนี้ และนี่คือความกังวลของใครหลายคนในเรื่องคุณภาพการประกอบและการบริการหลังการขายที่ต้องรอจนกว่า ลูกค้าจะได้ใช้จริงจึงจะมีข้อมูล
อนึ่ง มีเสียงบ่นจากสื่อมวลชนหลายท่านส่งผ่านไปยังทีมงานของเกรท วอลล์ เรื่องของระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA และระบบรักษาระยะให้รถอยู่กลางเลน LCK ที่พวงมาลัยจะดึงสู้มือผู้ขับขี่ค่อนข้างแรงเกินไป ทีมงานน้อมรับและจะนำไปปรับปรุง ซึ่งทีมงานระบุว่าทำได้ไม่ยากเพราะเพียงแค่อัพเดพโปรแกรมใหม่เข้าไป ส่วนตัวผู้เขียนไม่ประสบปัญหานี้เพราะปิดระบบทั้งหมดเอาไว้ เนื่องจากเราตั้งใจเก็บความรู้สึกในการขับขี่เป็นหลัก
สำหรับอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงจากการขับทางยาวๆ แบบเต็มกำลังของรถและกดคันเร่งหนักเท้าเพื่อลองอัตราเร่งแทบตลอดทาง ตัวเลขบนหน้าจอคันแรก(รีเซ็ตเมื่อออกตัว)อยู่ราว 11-12 กม./ลิตรสังเกตุเมื่อถึงจุดพักซึ่งมีการเปลี่ยนรถ ส่วนคันที่สองไม่ได้เก็บตัวเลขไว้ คันที่สาม ไม่ได้รีเซ็ตค่าก่อนออกเดินทาง เราเห็นตัวเลขเฉลี่ยอยู่ที่ 11-12 กม./ลิตร เช่นเดียวกับคันแรก คือทุกคันขับไล่ๆ กันมาถึงจุดหมายด้วยระยะเวลาไม่ห่างกันมากนัก
ถามเราว่าพอใจกับตัวเลขนี้หรือไม่ คำตอบแบบจริงจังคือ ประทับใจ เพราะหากเทียบการขับแบบเดียวกันนี้ในรถรุ่นอื่น ตัวเลขต้องต่ำกว่า 10 กม./ลิตร อย่างแน่นอน ส่วนตัวเลขจากสื่อมวลชนท่านอื่นระบุอยู่ระหว่าง 14-18 กม./ลิตร
เหมาะกับใคร
แน่นอนว่ากลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักของ Haval H6 Hybrid คือรถของครอบครัว ด้วยคุณสมบัติต่าง ๆ ของตัวรถภาพรวมสามารถใช้คำว่า Best in class ได้อย่างไม่เคอะเขิน แต่จะกลายเป็นรถที่สร้างบรรทัดฐานใหม่ให้แก่รถในคลาส C SUV ที่มีคู่แข่งให้เลือกนับสิบยี่ห้อและประสบความสำเร็จด้านยอดขายได้หรือไม่ คำตอบคงอยู่ที่ราคาค่าตัว ที่จะเปิดในวันที่ 28 มิถุนายน นี้
Haval H6 เอสยูวีขุมพลังไฮบริดรุ่นแรกจาก เกรท วอลล์ มอเตอร์ ประเทศไทย เปิดราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้ว มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย เคาะราคา 1,149,000-1,249,000 บาท