xs
xsm
sm
md
lg

ส่องความสด 2021 ALL NEW MG 5 ใหม่ ที่เตรียมถล่มตลาด B-Segment ไตรมาส 3 ปีนี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ปี 2021 เป็นปีที่มีรถยนต์รุ่นใหม่จ่อเปิดตัวในไทยหลายรุ่น ทั้งเอสยูวี อีวี และปิกอัพ แต่ที่น่าจับตามองมากที่สุดคือรถยนต์ในกลุ่ม B-Segment ซึ่งเป็นรถยนต์ขนาดเล็กที่ได้รับความนิยมอย่างสูงจากคนไทย ด้วยเหตุว่าเข้าถึงได้ง่าย ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันได้ดี และคุ้มค่าคุ้มราคากับเงินที่จ่ายไป โดยรุ่นที่ถูกจับตามองมากที่สุด เรียกได้ว่าเป็นดาวรุ่งของกลุ่ม B-Segment ตอนนี้เลยก็คือ “2021 ALL NEW MG 5”

ดีไซน์ยุโรป งามตั้งแต่หัวจรดท้าย




แวบแรกที่เห็นและสะดุดตามาก ๆ คือ ดีไซน์ใหม่ของ ALL NEW MG 5 ที่ต้องยอมรับว่าสวยจริง ๆ ไม่ใช่แค่จุดใดจุดหนึ่ง แต่ทั้งคัน มีกลิ่นอายของความเป็นยุโรปชัดเจน รูปทรงสปอร์ตซีดานท้ายลาด ด้านหน้าโดดเด่นด้วยกระจังหน้าขนาดใหญ่ที่ทาง MG มีคำเรียกเฉพาะว่า Wide-body Digital Combustion ลายตะแกรงสี่เหลี่ยมด้านขนานเพิ่มลูกเล่นด้านดีไซน์ให้ดูคล้ายเปลวไฟดวงเล็ก ๆ มาวางเรียงต่อกันอย่างมีแบบแผนและมีทิศทาง ดูสวยงามมาก ไฟหน้าดีไซน์เฉี่ยว รับกับกระจังหน้าและฝากระโปรงอย่างลงตัว เป็นไฟแบบ LED เปิดปิดอัตโนมัติ พร้อมไฟเดย์ไลท์ กันชนหน้าทรงสปอร์ต 3 ช่องใหญ่ที่ดีไซน์ให้มีสปอยเลอร์เล็ก ๆ ในตัว




ด้านข้างเดินเส้นสายเอาไว้อย่างสวยงาม ช่วยให้รถดูมีกล้ามเนื้อ สมเป็นสปอร์ตซีดาน บั้นท้ายเหนือซุ้มล้อหลังมีการเพิ่มเส้นสันขึ้นมาอีก 1 เส้น ให้ดูเหมือนมีโป่งล้อขนาดใหญ่ รู้สึกได้ถึงพลังที่แฝงอยู่ภายใน เติมความหรูด้วยเส้นโครเมียมที่เดินตามแนวขอบบนของหน้าต่างยาวตั้งแต่หัวจรดท้าย ชายล่าง แม้ไม่มีสเกิร์ตติดมาให้ แต่เดิม ๆ ก็เหมือนมีสเกิร์ตอยู่แล้ว เป็นแนวเส้นสอดรับกับกันชนหน้าและหลังอย่างลงตัว






ด้านท้าย งดงามด้วยฝากระโปรงหลังที่ดีไซน์ให้มีสปอยเลอร์ตูดเป็ดเล็ก ๆ ไฟท้ายแบบ LED มีครีบ 3 ชิ้นแนวตั้งอยู่ภายในสไตล์อเมริกันมัสเซิลคาร์ กันชนหลังออกแบบให้มีดิฟฟิวเซอร์ พร้อมปลายท่อคู่ทรงสี่เหลี่ยมคางหมู แยกออกสองฝั่งซ้ายขวา สวยงามมาก


ALL NEW MG 5 ใหม่ มีตัวถังที่ใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นก่อนในทุกมิติ ยาว x กว้าง x สูง เท่ากับ 4,675 x 1,842 x 1,480 มิลลิเมตร ฐานล้อยาว 2,680 มิลลิเมตร เป็นที่น่าสังเกตุว่า มิติตัวถังขนาดนี้ จริง ๆ แล้วควรจัดอยู่ในกลุ่ม C-Segment มากกว่า แต่ทาง MG ยืนยันตำแหน่งของ ALL NEW MG 5 เอาไว้ในกลุ่ม B-Segment นั่นหมายความว่า เราจะได้ใช้รถ C-Segment ในราคา B-Segment และเมื่อดูจากปัจจัยแวดล้อมแล้ว ก็มีความเป็นไปได้สูง เพราะการใช้ฐานผลิตในไทยหมายถึงต้นทุนการผลิตที่ต่ำลง ทำให้สามารถอัดออปชั่นและตั้งราคาในระดับที่สามารถแข่งขันในกลุ่ม B-Segment ได้ งานนี้ผู้บริโภคได้รับประโยชน์ไปเต็ม ๆ

ภายในสปอร์ต หรูหรา




ทันทีที่เปิดประตูเข้าไป สัมผัสได้ถึงความเป็นสปอร์ตซีดาน ด้วยธีมสีดำล้วนหรือดำแดง ซึ่งเลือกสั่งได้ เบาะหนังทรงสปอร์ตโอบกระชับ แต่ยังคงนั่งสบาย ปีกเบาะเตี้ยเข้าออกได้สะดวก ปรับตำแหน่งด้วยไฟฟ้า ฝั่งคนขับ 6 ทิศทาง ส่วนคนนั่ง 4 ทิศทาง


พวงมาลัยหนัง ดีไซน์สปอร์ต 3 ก้าน พร้อมมัลติฟังก์ชัน ควบคุมการทำงานทั้งเรือนไมล์และระบบอินโฟเทนเมนต์ หัวเกียร์ทรงสปอร์ต มีปุ่มเบรกมือไฟฟ้าและปุ่ม Auto Hold ติดตั้งอยู่บริเวณฐานคันเกียร์ ไม่มี Paddle Shift มาให้ แต่เลือกเปลี่ยนเกียร์เองได้ด้วยการขยับเกียร์ขึ้นลง (เฉพาะเกียร์ DCT)

เรือนไมล์ 12.3 นิ้ว

จอกลาง IPS 10.25 นิ้ว

ระบบอินโฟเทนเมนต์ Zebra Zhixing Venus
เรือนไมล์เป็นจอสีขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว แสดงผลชัดเจน หลากหลายรูปแบบ ส่วนจอกลางเป็นจอ IPS ขนาด 10.25 นิ้ว มุมมองกว้าง แสดงผลได้ละเอียด คมชัด พร้อมระบบอินโฟเทนเมนต์ Zebra Zhixing Venus ที่รองรับการใช้งานอย่างครบครัน เช่น ระบบนำทาง เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ดูหนังฟังเพลงออนไลน์ เชื่อมต่อสมาร์ทโฟน และควบคุมการทำงานด้วยเสียง เป็นต้น ระบบเสียงไม่ธรรมดา เพราะได้ Yamaha มาเป็นผู้ดูแล พร้อมขับกล่อมให้เพลิดเพลินได้ตลอดการเดินทาง ปลดล็อกสะดวกด้วย Smart Keyless Entry พร้อมปุ่มสตาร์ท นอกจากนี้ก็ยังมีซันรูฟ และช่องแอร์สำหรับเบาะหลังมาให้ด้วย

2 รุ่น 2 เครื่องยนต์ มีเทอร์โบ กับ ไม่มีเทอร์โบ

เครื่อง 1.5 ลิตร เทอร์โบ 173 แรงม้า เกียร์ DCT 7 จังหวะ
ในประเทศจีนมีการทำตลาด ALL NEW MG 5 แยกเป็น 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น “300TGI” และรุ่น “180DVVT” โดยรุ่น 300TGI ซึ่งเป็นรุ่นท็อป ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ เทอร์โบ ขนาด 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 173 แรงม้าที่ 5,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 275 นิวตันเมตรที่ 1,750-4,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ DCT 7 จังหวะ ส่วนรุ่น 180DVVT จะใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร ไม่มีเทอร์โบ กำลังสูงสุด 120 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตรที่ 4,500 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ CVT หรือเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ

เครื่อง 1.5 ลิตร 120 แรงม้า เกียร์ CVT
แล้วรุ่นไหนล่ะ ที่จะวางขายในประเทศไทย? ... เพราะ MG กำหนดตำแหน่งของ ALL NEW MG 5 ใหม่ เอาไว้ที่กลุ่ม B-Segment ดังนั้นความน่าจะเป็นจึงตกไปอยู่ที่รุ่น 180DVVT เครื่องเบนซิน 1.5 ลิตร 120 แรงม้า เกียร์ CVT เพื่อให้สามารถอัดออปชันได้เต็มที่ และมีราคาไม่สูงเกินไปนัก

ALL NEW MG 5 ใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า บังคับเลี้ยวด้วยระบบพวงมาลัยไฟฟ้า EPS-PRO กระชับ แม่นยำ น้ำหนักสมดุลในทุกย่านความเร็ว ช่วงล่างด้านหน้าแบบแมกเฟอร์สันสตรัท ช่วงล่างด้านหลังมีชื่อเฉพาะว่า MG Variable Cross-Section หน้าตาคล้าย ๆ ทอร์ชันบาร์ หยุดมั่นใจด้วยดิสก์เบรก 4 ล้อ ล้อและยางมีให้เลือก 2 ขนาดขึ้นอยู่กับรุ่นรถ รุ่น 180DVVT จะได้ล้อ 16 นิ้ว ยาง 205/55/16 ส่วนรุ่น 300TGI จะได้ล้อ 17 นิ้ว ยาง 215/50/17

อัดแน่นด้วยเทคโนโลยี

บอกเลยว่า “เพียบ” สำหรับเทคโนโลยีช่วยขับขี่และความปลอดภัยใน ALL NEW MG 5 ใหม่ เป็นเทคโนโลยีขั้นสูง เทียบชั้นรุ่นใหญ่ได้สบาย เริ่มจากเทคโนโลยีช่วยขับขี่อัจฉริยะ “MG PILOT” ที่เข้ามาช่วยเรื่องความสบายและความปลอดภัยในการขับขี่ ประกอบด้วย


ACC (Adaptive Cruise Control) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ซึ่งของ ALL NEW MG 5 เป็นแบบ Full Speed ทำงานตั้งแต่ 0 กม./ชม. เป็นต้นไป คันหน้าหยุด เราก็หยุด คันหน้าไป เราก็ไป มีประโยชน์มากเวลาเจอรถติด ๆ

AEB (Automatic Emergency Braking) ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ เวลามีสิ่งกีดขวางด้านหน้า ถ้าเราไม่เหยียบเบรก ระบบจะเบรกให้เราเอง ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการชน หรือลดความรุนแรงจากการชนได้

SAS (Speed Assistance System) ระบบควบคุมความเร็วอัจฉริยะ ที่จะคอยจำกัดความเร็วรถตามตัวเลขที่ปรากฏบนป้ายจราจรโดยอัตโนมัติ บังคับไม่ให้ขับเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด ปลอดภัยที่สุด ไม่มีใบสั่งมาถึงบ้านแน่นอน

360° Camera กล้องช่วยจอดแบบ 360 องศา เห็นภาพชัดรอบคัน ช่วยให้การถอยจอดกลายเป็นเรื่องง่ายไปเลย

PDC (Parking Distance Control) หรือ Parking Sensor เซ็นเซอร์กะระยะถอยหลังที่เราคุ้นเคยกันดี ซึ่งนอกจากจะช่วยกะระยะถอยหลังแล้ว เจ้าเซ็นเซอร์ตัวนี้ยังช่วยเตือนเวลามีรถมาขวางขณะที่เรากำลังถอยออกจากซอง RCTA (Rear Cross Traffic Alert) หรือเตือนเวลามีรถมาอยู่ในบริเวณจุดอับสายตา BSM (Blind Spot Monitor) ด้วย

Driving Camera กล้องติดรถยนต์ปัจจุบันกลายเป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับรถรุ่นใหม่แทบทุกรุ่น เอาไว้บันทึกการขับขี่ บันทึกเหตุการณ์ มีหลักฐานเวลาเกิดอุบัติเหตุ ไม่ต้องมานั่งเถียงกันว่าใครผิดใครถูก


นอกจากเทคโนโลยีช่วยขับขี่แล้ว ก็ยังมีเทคโนโลยีช่วยควบคุมการทรงตัว ดังนี้

XDS (Electronic Differential System) ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวขณะเข้าโค้ง

SCS (Stability Control System) ระบบควบคุมการทรงตัว ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันของระบบย่อย ๆ อีก 8 ระบบ ได้แก่

ABS (Anti-lock Braking System) ระบบป้องกันล้อล็อก

HBA (Hydraulic Brake Assist) ระบบเสริมแรงเบรก

EBD (Electronic Brake Force Distribution) ระบบกระจายแรงเบรก

TCS (Traction Control System) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล

VDC (Vehicle Dynamic Control) ระบบควบคุมการทรงตัวเมื่อหักหลบกระทันหัน

MSR (Motor Control Slide Retainer) ระบบป้องกันการลื่นไถลเมื่อเกียร์ลดต่ำอย่างฉับพลัน

HHC (Hill Hold Control) ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน

HAZ (Emergency Braking Hazard Warning Lights Control) ระบบไฟกระพริบเมื่อเบรกฉุกเฉิน

นอกจากนี้ก็ยังมีโครงสร้างนิรภัยที่มีความแข็งแกร่งเป็นพิเศษ และถุงลมนิรภัยอีก 6 ลูก (คู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลม) สำหรับความปลอดภัยหลังเกิดการชนด้วย


ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ สำหรับเจ้า 2021 ALL NEW MG 5 ใหม่ ทั้งความสวยจากภายนอกจรดภายใน เรือนร่างที่ใหญ่โต สมรรถนะของเครื่องยนต์ รวมถึงเทคโนโลยีที่อัดมาแบบแน่น ๆ เต็ม ๆ และอย่างที่ได้กล่าวมาข้างต้น เราเชื่อว่ารุ่นที่จะวางจำหน่ายในประเทศไทยเป็นรุ่น 180DVVT เครื่อง 1.5 ลิตร 120 แรงม้า เกียร์ CVT ส่วนออปชันต้องรอดูอีกทีว่าจะจัดเต็มแค่ไหน ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะเทียบเท่ารุ่นท็อปของเมืองจีน เรื่องราคา หลังจากลองสำรวจตลาด B-Segment ดูแล้ว คาดว่าเจ้า 2021 ALL NEW MG 5 ใหม่ จะมีราคาอยู่ในช่วง 550,000 – 750,000 บาท อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการคาดเดา ถ้าจะให้ชัวร์ คงต้องรอแถลงข่าวอย่างเป็นทางการจาก MG อีกที

#THEMOSTATTRACTIVECARSIN2021 #ALLNEWMG5 #B-SEGMENT








กำลังโหลดความคิดเห็น