โควิด-19 ยังส่งผลกระทบไม่หยุด ตลาดรถมือสองพ่อค้า หาของมาขายยาก ดันราคาสูงขึ้น เหตุคนเปลี่ยนรถใหม่น้อย ซ้ำรถยึดยิ่งน้อยลง แต่คนซื้อใช้เพิ่มขึ้น ชี้ความต้องการยังมีอยู่แต่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการซื้อจากรถใหม่หันมาหามือสอง ประเมินทิศทางตลาดยาก ผู้ประกอบการค้ารถมือสองเร่งปรับตัว
ผลกระทบของการแพร่ระบาดจากเชื้อไวรัส โควิด-19 ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าในประเทศไทยจะสามารถควบคุมการระบาดได้แล้วก็ตาม แต่อุตสาหกรรมยานยนต์ยังคงเจอกับมรสุมลูกใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นรถใหม่หรือรถมือสอง ซึ่งในช่วงเวลานี้ ถือว่าเป็นช่วงแห่งความยากลำบากในการดำเนินธุรกิจของกลุ่มผู้ประกอบการรถมือสองอย่างมาก
รถมือสองขาดตลาด
อาจจะดูเหมือนเป็นเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้ ท่ามกลางภาวะวิกฤตเช่นนี้ แต่จากการสอบถามผู้ประกอบการรถมือสองหลายราย พบว่า ช่วงเวลานี้กำลังประสบปัญหาในการหารถมือสองเข้ามาขาย เและการลงพื้นที่เข้าร่วมสังเกตุการประมูลรถยนต์มือสองอย่างต่อเนื่องหลายครั้งหลายคราวพบว่า จำนวนรถที่มีให้ประมูลนั้นน้อยลง ทำให้ราคาการประมูลขยับตัวสูงขึ้นกว่าช่วงต้นปี
ปัจจัยที่ทำให้เกิดการขาดแคลนของรถมือสอง ประกอบด้วยสาเหตุสำคัญสามประการ ปัจจัยแรกคือ ยอดขายรถใหม่ที่ลดลง เพราะเมื่อคนซื้อรถใหม่น้อย การขายรถเก่าเข้าสู่ตลาดมือสองจึงน้อยลงตามไปด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นผลกระทบโดยตรงจากวิกฤตโควิด-19 ที่คนจำนวนไม่น้อยเลือกที่จะใช้รถคันเดิมของตัวเองต่อไป แทนการเปลี่ยนรถคันใหม่
ประเด็นที่สอง คือ สอดคล้องกับปัจจัยแรกเมื่อคนที่จำเป็นต้องใช้รถและยังไม่มีรถ ประกอบกับมีกำลังทรัพย์มีไม่เพียงพอต่อการซื้อรถใหม่ป้ายแดง หรือต้องการเก็บเงินเอาไว้เผื่อกรณีฉุกเฉิน รวมถึงกลุ่มคนที่โดนสถาบันการเงินปฏิเสธการปล่อยสินเชื่อรถใหม่ จะหันมาเลือกซื้อรถมือสองแทน เพราะมีราคาถูกกว่าการซื้อรถใหม่นั้นเอง และมีโอกาสที่จะกู้ผ่านได้ง่ายกว่า
ประเด็นที่สาม การยืดหนี้ของสถาบันการเงิน เมื่อภาครัฐออกมาตรการช่วยเหลือกลุ่มลูกค้าให้สามารถชะลอการผ่อนชำระหนี้ได้ เพื่อไม่ให้เกิดการผิดนัดชำระหนี้ อันจะนำไปสู่ยอดหนี้ NPL (หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้) จึงทำให้สถาบันการเงินต่างๆ นั้น ไม่สามารถยึดรถในกรณีลูกนี้ผิดชำระหนี้ได้
ดังนั้น เมื่อไม่สามารถยึดรถได้ การประมูลรถที่ยึดมาของสถานบันการเงินจึงน้อยลงตามไปด้วย และผลจากการยืดระยะเวลาชำระหนี้ดังกล่าวเริ่มส่งผลกระทบอย่างชัดเจนในช่วงเวลานี้ โดยจากการเข้าร่วมประมูลรถที่ผู้ประกอบการประมูลรถแห่งหนึ่ง จากเดิมที่มีจำนวนรถเข้าร่วมประมูลครั้งละ 900-1,000 คันขึ้นไป ในช่วงต้นปี ปัจจุบันนี้ เหลือราว 500-600 คัน ต่อครั้งเท่านั้น
ซึ่งเมื่อรถมีรถให้ประมูลน้อยลง ย่อมส่งผลต่อราคาประมูลที่สูงขึ้นตามหลักเศรษฐศาสตร์ เมื่อของที่มีน้อยลงราคาย่อมสูงขึ้น เป็นธรรมดา ฉะนั้นหากคุณมีรถอยู่ในเวลานี้แล้วต้องการขาย นี่คือโอกาสและจังหวะที่จะขายได้ราคาดี อย่าปล่อยให้ผ่านไป แล้วมานั่งเสียดายในภายหลัง
ผู้ประกอบการหวาดหวั่น
ทั้งนี้จากการที่รถมือสองมีราคาขยับสูงขึ้นจากปัจจัยดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ทำให้ผู้ประกอบการบางราย เกิดความกังวล เนื่องจากประเมินสถานการณ์ค่อนข้างยาก หากรับซื้อรถไว้ในราคาสูง เมื่อตลาดปรับเปลี่ยน โอกาสขาดทุนย่อมมีสูงขึ้น แต่หากไม่ซื้อรถเข้าก็จะไม่มีสินค้าขาย จึงทำให้ช่วงเวลานี้ผู้ประกอบการรายยุติการดำเนินกิจการไป โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการที่มีการกู้เงินมาดำเนินกิจการ จะได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก จากช่วงที่มีการล็อกดาวน์
เหนืออื่นใด ยังมีข้อน่าห่วงอีกประการ หากพ้นช่วงของการผ่อนปรนมาตรการยึดระยะเวลาชำระหนี้แล้ว บรรดาลูกหนี้ทั้งหลายไม่สามารถผ่อนต่อไปได้ จะเกิดการยึดรถจำนวนมาก และรถดังกล่าวจะเข้าสู่ระบบประมูลเป็นจำนวนมากด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งหากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริงจะส่งผลกระทบต่อราคารถมือสองให้ดิ่งลงทันที โดยที่ไม่มีใครสามารถประเมินได้ว่า จะเกิดขึ้นหรือไม่อย่างไร จึงเป็นที่สิ่งที่ให้ผู้ประกอบการบางรายถอดใจไปในช่วงนี้
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความน่ากังวล ยังมีกระแสข่าวที่ดีออกมาจากภาครัฐ ที่ดูเหมือนว่าน่าจะมีส่วนช่วยให้ตลาดมือสองไม่ทรุดตัวหนัก ด้วยการโยนหินถามทางจาก “นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมที่นำเสนอนโยบาย รถเก่าแลกรถใหม่ ซึ่งจะทำให้รถเก่านั้นมีมูลค่ามากขึ้น แต่ยังไม่มีความคืบหน้าหรือชัดเจนในประเด็นนี้แต่อย่างใด
เร่งปรับตัว ผลดีต่อลูกค้า
ท่ามกลางการดำเนินธุรกิจที่ยากลำบากนี้ ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องเร่งปรับตัวเองให้ทันกับโลกยุคใหม่ รวมถึงการปรับรูปแบบทั้งการขายและการบริการใหม่ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าและสามารถทำให้ลูกค้าวางใจได้ โดยตัวอย่างที่เห็นได้ชัดในเชิงของความสำเร็จ คือ “โตโยต้า ชัวร์” ที่ลูกค้าให้ความไว้วางใจ เนื่องจากมาตรฐานในการคัดรถเข้ามา และการรับประกันหลังการขายที่น่าเชื่อถือ
ขณะเดียวกันค่ายรถต่างๆ เริ่มทยอยลงสู่ตลาดรถมือสองกันอย่างต่อเนื่อง รวมถึงค่ายใหญ่อย่าง อีซูซุ ที่เปิดธุรกิจรถมือสองแบบครบวงจรภายใต้ชื่อ “โอมาคาเสะ” ที่มีจุดเด่นในเรื่องของการมีรถอีซูซุมือสองให้เลือกมากที่สุด โดยผ่านมาตรฐานการคัดกรองรถที่เข้มงวดของอีซูซุ อีกทั้งมีรับซื้อ-ขายรถยนต์ทุกยี่ห้อด้วย จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของลูกค้าที่สนใจรถอีซูซุมือสอง สามารถเข้าไปเยี่ยมชมได้
นอกจากการทำตลาดรถมือสองของค่ายรถเองแล้ว การรวมตัวกันของกลุ่มผู้ประกอบการและการจัดงานแสดงรถมือสอง ถือว่าเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการซื้อ-ขายรถที่ได้ประโยชน์ทั้งลูกค้าและผู้ประกอบการ โดยหนึ่งในงานที่น่าสนใจคือ Fast Auto Show2020 ที่กำลังจะมีขึ้นในช่วงปลายเดือนนี้ (28 ตุลาคม ถึง 1 พฤศจิกายน)
โดยงานดังกล่าวจะเป็นการรวมผู้ประกอบการรถมือสองนำรถเข้ามาจัดแสดงไว้เป็นจำนวนมาก เรียกว่า มีรถหมุนเวียนมาให้ลูกค้าได้ดูอย่างมากมายหลายคันโดยไม่ต้องตะเวนไปหลายสถานที่ พร้อมบริการตีราคารับซื้อให้กับรถลูกค้าอีกด้วย ซึ่งถือว่าเป็นการอำนวยความสะดวกและตอบโจทย์ให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี
ถึงบรรทัดนี้ต้องยอมรับว่า ตลาดรถยนต์ไทยทั้งรถใหม่และรถเก่า อยู่ในช่วงภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ประเมินทิศทางกันอย่างยากลำบาก แต่เชื่อมั่นได้ว่า ในท่ามกลางภาวะวิกฤตย่อมมีโอกาสอยู่เสมอ เพียงแค่ว่าคุณจะมองเห็นโอกาสและใช้มันให้เกิดประโยชน์ได้หรือไม่
ผลกระทบของการแพร่ระบาดจากเชื้อไวรัส โควิด-19 ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าในประเทศไทยจะสามารถควบคุมการระบาดได้แล้วก็ตาม แต่อุตสาหกรรมยานยนต์ยังคงเจอกับมรสุมลูกใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นรถใหม่หรือรถมือสอง ซึ่งในช่วงเวลานี้ ถือว่าเป็นช่วงแห่งความยากลำบากในการดำเนินธุรกิจของกลุ่มผู้ประกอบการรถมือสองอย่างมาก
รถมือสองขาดตลาด
อาจจะดูเหมือนเป็นเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้ ท่ามกลางภาวะวิกฤตเช่นนี้ แต่จากการสอบถามผู้ประกอบการรถมือสองหลายราย พบว่า ช่วงเวลานี้กำลังประสบปัญหาในการหารถมือสองเข้ามาขาย เและการลงพื้นที่เข้าร่วมสังเกตุการประมูลรถยนต์มือสองอย่างต่อเนื่องหลายครั้งหลายคราวพบว่า จำนวนรถที่มีให้ประมูลนั้นน้อยลง ทำให้ราคาการประมูลขยับตัวสูงขึ้นกว่าช่วงต้นปี
ปัจจัยที่ทำให้เกิดการขาดแคลนของรถมือสอง ประกอบด้วยสาเหตุสำคัญสามประการ ปัจจัยแรกคือ ยอดขายรถใหม่ที่ลดลง เพราะเมื่อคนซื้อรถใหม่น้อย การขายรถเก่าเข้าสู่ตลาดมือสองจึงน้อยลงตามไปด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นผลกระทบโดยตรงจากวิกฤตโควิด-19 ที่คนจำนวนไม่น้อยเลือกที่จะใช้รถคันเดิมของตัวเองต่อไป แทนการเปลี่ยนรถคันใหม่
ประเด็นที่สอง คือ สอดคล้องกับปัจจัยแรกเมื่อคนที่จำเป็นต้องใช้รถและยังไม่มีรถ ประกอบกับมีกำลังทรัพย์มีไม่เพียงพอต่อการซื้อรถใหม่ป้ายแดง หรือต้องการเก็บเงินเอาไว้เผื่อกรณีฉุกเฉิน รวมถึงกลุ่มคนที่โดนสถาบันการเงินปฏิเสธการปล่อยสินเชื่อรถใหม่ จะหันมาเลือกซื้อรถมือสองแทน เพราะมีราคาถูกกว่าการซื้อรถใหม่นั้นเอง และมีโอกาสที่จะกู้ผ่านได้ง่ายกว่า
ประเด็นที่สาม การยืดหนี้ของสถาบันการเงิน เมื่อภาครัฐออกมาตรการช่วยเหลือกลุ่มลูกค้าให้สามารถชะลอการผ่อนชำระหนี้ได้ เพื่อไม่ให้เกิดการผิดนัดชำระหนี้ อันจะนำไปสู่ยอดหนี้ NPL (หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้) จึงทำให้สถาบันการเงินต่างๆ นั้น ไม่สามารถยึดรถในกรณีลูกนี้ผิดชำระหนี้ได้
ดังนั้น เมื่อไม่สามารถยึดรถได้ การประมูลรถที่ยึดมาของสถานบันการเงินจึงน้อยลงตามไปด้วย และผลจากการยืดระยะเวลาชำระหนี้ดังกล่าวเริ่มส่งผลกระทบอย่างชัดเจนในช่วงเวลานี้ โดยจากการเข้าร่วมประมูลรถที่ผู้ประกอบการประมูลรถแห่งหนึ่ง จากเดิมที่มีจำนวนรถเข้าร่วมประมูลครั้งละ 900-1,000 คันขึ้นไป ในช่วงต้นปี ปัจจุบันนี้ เหลือราว 500-600 คัน ต่อครั้งเท่านั้น
ซึ่งเมื่อรถมีรถให้ประมูลน้อยลง ย่อมส่งผลต่อราคาประมูลที่สูงขึ้นตามหลักเศรษฐศาสตร์ เมื่อของที่มีน้อยลงราคาย่อมสูงขึ้น เป็นธรรมดา ฉะนั้นหากคุณมีรถอยู่ในเวลานี้แล้วต้องการขาย นี่คือโอกาสและจังหวะที่จะขายได้ราคาดี อย่าปล่อยให้ผ่านไป แล้วมานั่งเสียดายในภายหลัง
ผู้ประกอบการหวาดหวั่น
ทั้งนี้จากการที่รถมือสองมีราคาขยับสูงขึ้นจากปัจจัยดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ทำให้ผู้ประกอบการบางราย เกิดความกังวล เนื่องจากประเมินสถานการณ์ค่อนข้างยาก หากรับซื้อรถไว้ในราคาสูง เมื่อตลาดปรับเปลี่ยน โอกาสขาดทุนย่อมมีสูงขึ้น แต่หากไม่ซื้อรถเข้าก็จะไม่มีสินค้าขาย จึงทำให้ช่วงเวลานี้ผู้ประกอบการรายยุติการดำเนินกิจการไป โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการที่มีการกู้เงินมาดำเนินกิจการ จะได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก จากช่วงที่มีการล็อกดาวน์
เหนืออื่นใด ยังมีข้อน่าห่วงอีกประการ หากพ้นช่วงของการผ่อนปรนมาตรการยึดระยะเวลาชำระหนี้แล้ว บรรดาลูกหนี้ทั้งหลายไม่สามารถผ่อนต่อไปได้ จะเกิดการยึดรถจำนวนมาก และรถดังกล่าวจะเข้าสู่ระบบประมูลเป็นจำนวนมากด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งหากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริงจะส่งผลกระทบต่อราคารถมือสองให้ดิ่งลงทันที โดยที่ไม่มีใครสามารถประเมินได้ว่า จะเกิดขึ้นหรือไม่อย่างไร จึงเป็นที่สิ่งที่ให้ผู้ประกอบการบางรายถอดใจไปในช่วงนี้
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความน่ากังวล ยังมีกระแสข่าวที่ดีออกมาจากภาครัฐ ที่ดูเหมือนว่าน่าจะมีส่วนช่วยให้ตลาดมือสองไม่ทรุดตัวหนัก ด้วยการโยนหินถามทางจาก “นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมที่นำเสนอนโยบาย รถเก่าแลกรถใหม่ ซึ่งจะทำให้รถเก่านั้นมีมูลค่ามากขึ้น แต่ยังไม่มีความคืบหน้าหรือชัดเจนในประเด็นนี้แต่อย่างใด
เร่งปรับตัว ผลดีต่อลูกค้า
ท่ามกลางการดำเนินธุรกิจที่ยากลำบากนี้ ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องเร่งปรับตัวเองให้ทันกับโลกยุคใหม่ รวมถึงการปรับรูปแบบทั้งการขายและการบริการใหม่ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าและสามารถทำให้ลูกค้าวางใจได้ โดยตัวอย่างที่เห็นได้ชัดในเชิงของความสำเร็จ คือ “โตโยต้า ชัวร์” ที่ลูกค้าให้ความไว้วางใจ เนื่องจากมาตรฐานในการคัดรถเข้ามา และการรับประกันหลังการขายที่น่าเชื่อถือ
ขณะเดียวกันค่ายรถต่างๆ เริ่มทยอยลงสู่ตลาดรถมือสองกันอย่างต่อเนื่อง รวมถึงค่ายใหญ่อย่าง อีซูซุ ที่เปิดธุรกิจรถมือสองแบบครบวงจรภายใต้ชื่อ “โอมาคาเสะ” ที่มีจุดเด่นในเรื่องของการมีรถอีซูซุมือสองให้เลือกมากที่สุด โดยผ่านมาตรฐานการคัดกรองรถที่เข้มงวดของอีซูซุ อีกทั้งมีรับซื้อ-ขายรถยนต์ทุกยี่ห้อด้วย จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของลูกค้าที่สนใจรถอีซูซุมือสอง สามารถเข้าไปเยี่ยมชมได้
นอกจากการทำตลาดรถมือสองของค่ายรถเองแล้ว การรวมตัวกันของกลุ่มผู้ประกอบการและการจัดงานแสดงรถมือสอง ถือว่าเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการซื้อ-ขายรถที่ได้ประโยชน์ทั้งลูกค้าและผู้ประกอบการ โดยหนึ่งในงานที่น่าสนใจคือ Fast Auto Show2020 ที่กำลังจะมีขึ้นในช่วงปลายเดือนนี้ (28 ตุลาคม ถึง 1 พฤศจิกายน)
โดยงานดังกล่าวจะเป็นการรวมผู้ประกอบการรถมือสองนำรถเข้ามาจัดแสดงไว้เป็นจำนวนมาก เรียกว่า มีรถหมุนเวียนมาให้ลูกค้าได้ดูอย่างมากมายหลายคันโดยไม่ต้องตะเวนไปหลายสถานที่ พร้อมบริการตีราคารับซื้อให้กับรถลูกค้าอีกด้วย ซึ่งถือว่าเป็นการอำนวยความสะดวกและตอบโจทย์ให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี
ถึงบรรทัดนี้ต้องยอมรับว่า ตลาดรถยนต์ไทยทั้งรถใหม่และรถเก่า อยู่ในช่วงภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ประเมินทิศทางกันอย่างยากลำบาก แต่เชื่อมั่นได้ว่า ในท่ามกลางภาวะวิกฤตย่อมมีโอกาสอยู่เสมอ เพียงแค่ว่าคุณจะมองเห็นโอกาสและใช้มันให้เกิดประโยชน์ได้หรือไม่
