ซูซูกิ ปรับเป้าหมายการขาย หลังกระแสรถเล็ก มาแรง เหตุจากโควิด-19 ทำให้คนหันมาสนใจใช้รถขนาดเล็กมากขึ้น โดยตั้งเป้ายอดขายปีนี้เป็นบวก เชื่อไตรมาสสุดท้ายยอดขายรวมน่าจะดี หลังสถานการณ์คลี่คลาย
นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม กรรมการบริหารด้านการขายและการตลาด บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ ( ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า หลังจากที่เกิดวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนทั่วโลก โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงอย่างหนัก ด้วยยอดขายที่หดตัวลงประมาณเกือบครึ่งหนึ่งอย่างไรก็ตามหลังจากที่รัฐบาลไทยได้ออกมาตรการคุมเข้มการระบาดอย่างได้ผลทำให้ไม่พบผู้ติดเชื้อในประเทศเป็นเวลานาน ส่งผลให้เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวได้บ้าง โดยในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ยอดขายเริ่มฟื้นกลับมาตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาสที่สองและดีขึ้นเป็นลำดับ โดยเฉพาะในส่วนของรถขนาดเล็ก
“ซูซูกิ เซเลริโอ นั้นมียอดขายเติบโตขึ้นอย่างมาก เฉพาะในเดือนมิถุนายนมียอดขายถึง 466 คัน เติบโตขึ้น 444% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมการเลือกซื้อรถที่เปลี่ยนไปของลูกค้าชาวไทยหันมาสนใจรถขนาดเล็กมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ส่วนหนึ่งมาจากราคาของเซเลริโอที่ตอบโจทย์ในแง่ของความคุ้มค่า” นายวัลลภ กล่าว
ทั้งนี้ จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นทำให้ ซูซูกิ ต้องมีการปรับไลน์การผลิตใหม่ ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด โดยเพิ่มกำลังการผลิตของรุ่น เซเลริโอให้มากขึ้น ลูกค้าที่สั่งจองจะไม่ต้องรอรถนาน ซึ่งปัจจุบันมีระยะเวลารอประมาณ 1 เดือน ส่วนรุ่น XL7 นั้นกระแสตอบรับดีเกินคาดทำให้ขอเพิ่มยอดจากอินโดนีเซียเป็นเดือนละ 600 คัน จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้เพียง 300 คันต่อเดือน
ขณะที่ ซูซูกิ สวิฟท์ เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่มีการตอบรับที่ดีจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ยอดขายทรงตัวในระดับใกล้เคียงเดิม เพื่อเป็นการตอบแทนลูกค้าและตอบสนองความต้องการลูกค้าที่ชอบแต่งรถ จึงได้มีการเพิ่มรุ่นตกแต่งพิเศษ Max Edition โดยปรับราคาเพิ่มขึ้นเพียง 5,000 บาท จากรุ่น GL ปกติ
นายวัลลภ กล่าวว่า สำหรับทิศทางของตลาดในช่วงที่เหลือของปีนี้ คาดว่าน่าจะทรงตัวอยู่ในระดับนี้ได้และค่อยๆ ดีขึ้น ซึ่งในส่วนของซูซูกิเองประเมินว่า สิ้นปีน่าจะมียอดขายเติบโตขึ้นกว่าปีก่อนได้ หากไม่มีปัจจัยอื่นมากระทบตลาดอย่างรุนแรงอีก
นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม กรรมการบริหารด้านการขายและการตลาด บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ ( ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า หลังจากที่เกิดวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนทั่วโลก โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงอย่างหนัก ด้วยยอดขายที่หดตัวลงประมาณเกือบครึ่งหนึ่งอย่างไรก็ตามหลังจากที่รัฐบาลไทยได้ออกมาตรการคุมเข้มการระบาดอย่างได้ผลทำให้ไม่พบผู้ติดเชื้อในประเทศเป็นเวลานาน ส่งผลให้เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวได้บ้าง โดยในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ยอดขายเริ่มฟื้นกลับมาตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาสที่สองและดีขึ้นเป็นลำดับ โดยเฉพาะในส่วนของรถขนาดเล็ก
“ซูซูกิ เซเลริโอ นั้นมียอดขายเติบโตขึ้นอย่างมาก เฉพาะในเดือนมิถุนายนมียอดขายถึง 466 คัน เติบโตขึ้น 444% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมการเลือกซื้อรถที่เปลี่ยนไปของลูกค้าชาวไทยหันมาสนใจรถขนาดเล็กมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ส่วนหนึ่งมาจากราคาของเซเลริโอที่ตอบโจทย์ในแง่ของความคุ้มค่า” นายวัลลภ กล่าว
ทั้งนี้ จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นทำให้ ซูซูกิ ต้องมีการปรับไลน์การผลิตใหม่ ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด โดยเพิ่มกำลังการผลิตของรุ่น เซเลริโอให้มากขึ้น ลูกค้าที่สั่งจองจะไม่ต้องรอรถนาน ซึ่งปัจจุบันมีระยะเวลารอประมาณ 1 เดือน ส่วนรุ่น XL7 นั้นกระแสตอบรับดีเกินคาดทำให้ขอเพิ่มยอดจากอินโดนีเซียเป็นเดือนละ 600 คัน จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้เพียง 300 คันต่อเดือน
ขณะที่ ซูซูกิ สวิฟท์ เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่มีการตอบรับที่ดีจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ยอดขายทรงตัวในระดับใกล้เคียงเดิม เพื่อเป็นการตอบแทนลูกค้าและตอบสนองความต้องการลูกค้าที่ชอบแต่งรถ จึงได้มีการเพิ่มรุ่นตกแต่งพิเศษ Max Edition โดยปรับราคาเพิ่มขึ้นเพียง 5,000 บาท จากรุ่น GL ปกติ
นายวัลลภ กล่าวว่า สำหรับทิศทางของตลาดในช่วงที่เหลือของปีนี้ คาดว่าน่าจะทรงตัวอยู่ในระดับนี้ได้และค่อยๆ ดีขึ้น ซึ่งในส่วนของซูซูกิเองประเมินว่า สิ้นปีน่าจะมียอดขายเติบโตขึ้นกว่าปีก่อนได้ หากไม่มีปัจจัยอื่นมากระทบตลาดอย่างรุนแรงอีก