xs
xsm
sm
md
lg

ซูซูกิ XL7 นุ่ม หนึบ คุ้มเกินคาด

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หลังการเปิดตัวของซูซูกิ เอ็กซ์แอล7 หนึ่งในครอสโอเวอร์น้องใหม่อย่างเป็นทางการ กระแสแรกที่ทุกคนจะได้ยินคือ “เออร์ทิก้า ยกสูง” ซึ่งคำกล่าวนี้ถูกต้องเพียงบางส่วน เพราะ เอ็กซ์แอล7 มีพื้นฐานใช้ชิ้นส่วนร่วมกันกับเออร์ทิก้า แต่ว่ามีชิ้นส่วนอีกหลายรายการที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะหัวใจสำคัญคือ กล่องสมองกลควบคุม(ECU)และชิ้นส่วนช่วงล่าง


ทั้งนี้โดยภาพรวมของข้อมูลทางเทคนิคเมื่อคุณได้อ่านในโบชัวร์ จะเห็นว่าตัวเลขหลักๆ ของพละกำลังเท่ากัน แต่ผลลัพธ์ในท้ายที่สุดเช่นไอเสียและอัตราการบริโภคน้ำมันกลับแตกต่างกัน ดังนั้นรายละเอียดและเรื่องราวหลังการขับของ เอ็กซ์แอล7 จะเป็นอย่างไรเชิญติดตามกันได้


ความต่างบนความเหมือน


ขออนุญาตไขข้อสงสัยของทุกคนเกี่ยวกับความเหมือนและความแตกต่างของ เอ็กซ์แอล7 และเออร์ทิก้า เป็นลำดับแรก จุดใหญ่อย่างที่ทุกท่านทราบคือโครงสร้างตัวถังมากับเทคโนโลยีใหม่ Heartect เหมือนกัน เครื่องยนต์ตัวเดียวกัน รหัส K15B ขนาด 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 105 แรงม้า แรงบิด 138 นิวตันเมตร เท่ากัน







ส่วนสิ่งที่แตกต่าง การออกแบบรูปโฉมภายนอกทางด้านหน้าใหม่ทั้งหมด กระจังหน้าดีไซน์ทรงสูง มาพร้อมกับเส้นคาดทางด้านหน้าที่สอดรับกับโคมไฟหน้า โดยมีแรงบันดาลใจจากดาบคาทานะ โดยชุดไฟหน้าเป็นแบบ LED พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน (Daytime Running Light) โดยเออร์ทิก้าเป็นไฟแบบโปรเจคเตอร์ ส่วนไฟท้ายเหมือนกัน




อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ทำให้ เอ็กซ์แอล7 เด่นกว่าคือการมีชุดแต่งรอบคัน นอกจากเสริมด้านความสวยงามแล้วยังมีผลต่อการขับขี่ด้วยการมีแผ่นปิดใต้ท้องรถ ให้ลมไหลผ่านใต้ท้องรถได้อย่างสะดวกขึ้นลดการหมุนวนในห้องเครื่องยนต์ มีส่วนช่วยลดเสียงดังรบกวนขณะขับขี่ได้อีกทางหนึ่งด้วย


เหนือสิ่งอื่นใดคือ การใช้กล่องสมองกลควบคุม (ECU) ในการสั่งการเครื่องยนต์ทำให้การตอบสนองการขับขี่แตกต่างกันแบบชัดเจน รวมถึงอัตราทดเฟืองท้ายที่ทดรอบสูงกว่า และพวงมาลัยชุดใหม่








เอ็กซ์แอล 7 ได้รับการติดตั้งราวหลังคา เป็นมาตรฐานจากโรงงาน ล้อแม็กขนาด 16 นิ้ว พร้อมยางขนาด 195/60R16 ใหญ่กว่าเออร์ทิก้าที่ใช้ล้อ 15 นิ้วและยาง 185/65R15 ขณะที่มิติตัวถัง ระยะฐานล้อเท่ากันที่ 2,740 มม. นอกนั้น เอ็กซ์แอล7 ใหญ่กว่าในทุกมิติรวมถึงความกว้างฐานล้อที่กว้างกว่า 10 มม. และสูงกว่า 20 มม.


สำหรับความแตกต่างที่มองไม่เห็น คือระบบช่วงล่าง ที่ได้รับการปรับเปลี่ยนหลักๆ มากกว่า 50 รายการใหญ่ หากจำแนกเป็นชิ้นย่อยจะมีมากถึงกว่า 200 ชิ้น โดยหัวใจอยู่ที่การใช้โช้กอัพและสปริงใหม่ พร้อมเหล็กกันโคลงที่มีขนาดใหญ่กว่า กล่องควบคุมระบบไฟฟ้า ระบบเบรกและชุดปั้มเอบีเอสใหม่




ภายในห้องโดยสาร ดีไซน์จะเหมือนกัน ส่วนจุดที่แตกต่างคือ การเลือกใช้วัสดุคนละแบบ เอ็กซ์แอล 7 เน้นความเป็นสปอร์ตมากกว่าด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์และคิ้วโครเมียม หน้าปัดมาพร้อมจอแสดงผลแบบ TFT ขนาด 4.2 นิ้ว ที่มีลูกเล่นหลากหลายรายการ เช่นการแสดงสถานะการเปิดประตู ระดับพละกำลังและแรงบิดขณะใช้งานเป็นต้น นุ่ม หนึบ กว้าง ครอบครัวถูกใจ
































สำหรับการทดลองขับทีมงานซูซูกิเลือกเส้นทางกรุงเทพฯ-เขาใหญ่แบบไปเช้า-กลับบ่าย โดยเป็นวันสุดท้ายของการหยุดยาวด้วย ดังนั้นการขับในรอบนี้จึงได้ครบทุกลักษณะของการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน

เราเริ่มต้นด้วยการเป็นผู้โดยสารที่เบาะนั่งแถวที่2 ก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งผู้เขียนชอบมากกับขนาดของประตูที่ใหญ่และเปิดได้กว้างกว่ารถอื่นๆ รวมถึงกระจกบานหลังที่ใหญ่ มองเห็นวิวทิวทัศน์ชัดเจน ส่วนเบาะแถวสุดท้ายนั่งได้ แต่คงไม่สบายเท่าแถวที่สอง




ขณะที่เบาะนั่งแถวที่สองมีพื้นที่ว่างค่อนข้างเหลือเฟือ ขายืดสุดแบบเอนหลังนอนแล้วยังมีที่ว่างจากเบาะหน้าอยู่ราว 1 ฝ่ามือ (ผู้เขียนสูง 173 ซม.) เบาะปรับเอนนอนได้นิดหน่อยทำให้สบายขึ้น แต่รู้สึกว่าตัวเบาะนั่งสั้นไปเล็กน้อย ถ้ายาวกว่านี้อีกสัก10 ซม.จะพอดีกับหลังเข่าผู้เขียน



ตลอดเส้นทางขาไป สื่ออีกท่านหนึ่งเป็นผู้ขับช่วงแรกใช้ความเร็วค่อนข้างสูง เฉลี่ยระดับ 100-120 กม./ชม. พร้อมกับการกดคันเร่งแบบคิกดาวน์ตลอดเส้นทาง ความรู้สึกของผู้โดยสารแรงสะเทือนและการโยนตัวค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับรถลักษณะแบบเดียวกันนี้ บางช่วงมีการลองหาความเร็วสูงสุดบนทางด่วนสามารถขับได้ถึง 160 กม./ชม. โดยผู้โดยสารตอนหลังยังนั่งได้สบาย ไม่รู้สึกหวาดเสียวแต่อย่างใด


ส่วนเรื่องความเย็นในห้องโดยสาร ไม่ต้องห่วง แม้รถไม่ได้ติดฟิล์ม แต่ยังรู้สึกว่าหนาวได้ โดยแอร์แถวสองนั้นแยกชุดทำความเย็นจากด้านหน้า และควบคุมได้เพียงแรงลม ส่วนอุณหภูมิจะต้องปรับที่ด้านหน้าเท่านั้น สรุปภาพรวมของการนั่งทางด้านหลังคือ หลับได้สบายกว่าที่คาดเอาไว้


ขากลับเรารับหน้าที่พลขับ จัดแจงปรับตำแหน่งที่นั่งและพวงมาลัยให้เหมาะ รู้สึกได้ว่าเป็นรถที่ทัศนวิสัยดีคันหนึ่ง กระจกใหญ่และกว้าง ความสูงพอเหมาะ คนสูงวัยไม่มีปัญหาในการก้าวขึ้น เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย กดคันเร่งออกตัว ความรู้สึกแรกคือ ตกใจ...ทำไมตอบสนองไวอย่างนี้ กดคันเร่งหนักเท้านิดเดียว รอบเครื่องพุ่งทันใจแบบว่ามาไวกว่าที่คาดไว้ เราเข้าใจทันทีว่าทำไมช่วงเช้าผู้สื่อข่าวอีกท่านขับมาถึงขับด้วยความเร็วขนาดนั้นได้






ตลอดเส้นทางการขับขี่จากเขาใหญ่มุ่งหน้ากลับกรุงเทพฯ เจอการจราจรที่เรียกว่าหนาแน่น แต่พอเคลื่อนตัวได้สลับหยุดนิ่ง ความเร็วที่ใช้ราว 60-120 กม./ชม. มีเร่งแซงบ้างตามจังหวะรถว่าง โดยช่วงที่แซงถือว่าประทับใจไม่มีรอรอบ ภาพรวม เอ็กซ์แอล7 ถือว่าตอบโจทย์ลักษณะของการขับขี่แบบพอดีๆ ถูกจริตคนที่เดินทางเป็นครอบครัวอย่างแน่นอน


ช่วงล่างนุ่ม แต่เมื่อขับด้วยความเร็วจะรู้สึกว่าหนึบ ไม่ออกอาการร่อนหรือแกว่ง ตรงจุดนี้ประทับใจเราทุกคนที่เดินทางไปด้วยกัน โดยเฉพาะช่วงที่ผู้เขียนขับมีจังหวะต้องขับผ่านพายุฝน ตัวรถให้ความรู้สึกเกาะถนนแบบอุ่นใจได้ จะมีเพียงเสียงของเม็ดฝนที่ปะทะกระจกบังลมด้านหน้าแล้วดังสักหน่อย นอกนั้นถือว่าปกติเวลาขับรถลุยฝน


ด้านอัตราการบริโภคน้ำมัน ค่าเฉลี่ยตามอีโคสติกเกอร์ระบุ 16.4 กม./ลิตร ส่วนการขับภาคเช้าแบบเรซซิ่งเร่งแซงตลอดทุกย่านเห็นตัวเลข 11 กม./ลิตร (ระยะทางวิ่งราว 200 กม.) ส่วนขากลับจับตัวเลขใหม่ ระบุ 16.8 กม./ลิตรเมื่อถึงจุดหมาย (ระยะทางวิ่งราว 185 กม.)



เหมาะกับใคร



ตอบโจทย์รถของครอบครัว ด้วยสนนราคา 779,000 บาท กับออปชันที่ได้และความรู้สึกในการขับขี่ที่ดีแบบนี้ เรายกให้เป็น Best in class ได้อย่างเต็มปากเต็มคำ ยิ่งเมื่อเทียบส่วนต่างราคากับเออร์ทิก้ารุ่นท็อปแล้วห่างเพียง 50,000 บาท มองอย่างไรก็คุ้มค่ามากกว่า


















กำลังโหลดความคิดเห็น